xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษ “เต็งเส่ง” ชื่นชม “ซูจี” ในที่ประชุมใหญ่ยูเอ็น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033> ประธานาธิบดีเต็งเส่ง กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ในนครนิวยอร์ค วันที่ 27 ก.ย. --  AFP PHOTO/Don Emmert. </font></b>

เอเอฟพี - ประธานาธิบดีเต็งเส่ง ของพม่า วานนี้ (27 ก.ย.) ได้กระทำสิ่งเหนือความคาดหมายด้วยการกล่าวชื่นชมนางอองซานซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน สำหรับความพยายามต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ

ประธานาธิบดีเต็งเส่งยังได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ระบุว่า ต้องการยุติสงครามอันยาวนานกับกบฏชนกลุ่มน้อยในรัฐกะฉิ่นอย่างถาวร

เต็งเส่ง อดีตนายทหารสมัยการปกครองระบอบเผด็จการทหาร ในเวลานี้ได้ผลักดันการปฏิรูปประเทศไปอย่างรวดเร็ว ได้กล่าวต่อที่ประชุมสหประชาชาติ ขณะที่นางอองซานซูจี เสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ที่เกรงกันว่าการเดินทางครั้งนี้ของนางซูจีจะบดบังความสำคัญของประธานาธิบดีเต็งเส่ง

เต็งเส่งกล่าวกับผู้นำโลกว่า ในฐานะพลเมืองพม่า เขาต้องการที่จะแสดงความยินดีต่อนางสำหรับเกียรติที่นางได้รับในระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ที่มาจากความพยายามมุ่งมั่นนำประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย

นางอองซานซูจี เจ้าของรางวัลโนเบล ถูกกักบริเวณภายในบ้านพักระหว่างการปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการทหาร นาน 15 ปี และได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในเดือน พ.ย.2553 ในเวลานี้ นางเป็นสมาชิกรัฐสภา ผลักดันการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศ รวมทั้งการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติ โดยล่าสุด สหรัฐฯ ประกาศผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรด้านการค้าต่อพม่าเมื่อวันพุธ (26)

ประธานาธิบดีเต็งเส่งกล่าวกับที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติว่า เขาเชื่อว่า การยุติความขัดแย้งกับกบฏกะฉิ่น ในภาคเหนือของประเทศ สามารถบรรลุได้ หลังกลุ่มกบฏต่างๆ ต่อสู้กับกองกำลังทหารของรัฐบาลมานับตั้งแต่พม่าได้รับเอกราช ในปี 2491

ประธานาธิบดียังกล่าวอีกว่า ข้อตกลงดังกล่าวได้บรรลุแล้วกับกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อย 10 กลุ่มในประเทศ และการเจรจาสันติภาพจะยังคงดำเนินต่อไปเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพสุดท้ายที่จะยุติการต่อสู้ลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งรัฐบาล และกองกำลังเอกราชกะฉิ่นได้เปิดการเจรจาหารือกันแล้วหลายรอบ และเต็งเส่งกล่าวว่า สองฝ่ายกำลังทำงานเพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจในมาตรการต่างๆ และการสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะชีวิต หรือทรัพย์สินจากทั้งสองฝ่าย ถือว่าเป็นความสูญเสียของชาติ.
กำลังโหลดความคิดเห็น