xs
xsm
sm
md
lg

“ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง” lllustratorสาวไทยที่ มาร์ก จาคอบส์ ยังต้องจ้าง!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>อดีตบัณฑิตมัณฑศิลป์ ศิลปากร ที่ค้นพบตัวตนและความสุขจากการขีดเขียนวาดลายเส้น ที่ทำให้เธอเป็น Illustrator สาวชาวไทยที่ไปสร้างชื่อในตลาดอินเตอร์ ผลงานของปอม หรือที่ชาวต่างชาติรู้จักในชื่อ “Pomme Chan” มีโชว์อยู่ในหลายประเทศ และได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย

สาวเก่งคนนี้มีดีกรีปริญญาตรี คณะมัณฑนศิลป์ สาขาออกแบบตกแต่งภายในจากศิลปากร แต่หลังเรียนจบและเข้าทำงานด้านกราฟฟิก ดีไซน์ที่บริษัทโฆษณาอยู่พักใหญ่ เธอรู้สึกว่าสิ่งที่เรียนและงานที่ทำไม่ได้สิ่งที่เธอชอบอย่างแท้จริง ปอมตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ เพื่อเพิ่มเติมความรู้พร้อมกับค้นหาตัวตนและอาชีพที่เหมาะกับแท้อย่างแท้จริงให้เจอ

“ปอมเป็นคนชอบขีดเขียนอยู่แล้ว ตอนไปเรียนด้านกราฟฟิกที่อังกฤษ ได้รู้จักอาชีพ Illustrator ก็รู้สึกเลยว่ามันน่าสนุก เพราะเราเคยเข้าใจว่ามันเป็นแค่การวาดภาพประกอบในหนังสือ แต่ที่จริงแล้วอาชีพนี้มันมีอะไรมากกว่านั้น ด้วยลายเส้นต่างๆ คุณสามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์ ดีไซน์ลวดลายบนวัสดุต่างๆ ไปจนถึงภาพเพ้นท์บนกำแพง ภาพประกอบเหล่านี้สามารถเข้าไปอยู่ในทุกสิ่งในชีวิตเลย มีโอกาสเปิดกว้างให้เรามากมาย”

การที่ไปเริ่มต้นอาชีพนี้ในต่างประเทศ ธัชมาพรรณ ต้องเริ่มจากศูนย์ คอนเนกชั่นหรือสถาบันที่จบมาไม่ได้มีส่วนใดๆ ทั้งสิ้น “แต่มันก็มีข้อดีอยู่นะ ที่ในสายอาชีพนี้ ทุกคนต้นทุนเท่ากัน เขาไม่สนใจว่าเราจะหัวดำ เป็นเอเชีย หรือผิวสีไหน จะไทยหรืออังกฤษ อยู่ที่ว่าผลงานใครออกมาดีกว่ากัน”

จากช่วงแรกที่ต้องวิ่งหาลูกค้า มาถึงวันนี้กลายเป็นลูกค้าวิ่งเข้าหา โดยเธอมีเอเจนต์คอยดูแลงานให้ทั้งในอเมริกา อังกฤษ รัสเซีย เยอรมัน และ ญี่ปุ่น กว่า7 ปีบนสายอาชีพนี้ เธอมีผลงานมากมาย ทั้งออกแบบลายบนเสื้อผ้าTopShop, ภาพ Wallpaper ของ Window7, ทำ Advertorial ให้ Mark Jacobs, ภาพวาดบนฉากในห้าง Selfridges, ลายบนรองเท้า Nike ไปจนถึงดีไซน์ลายเพนท์กำแพงให้สินค้าแบรนด์ดังต่างๆ

แต่กว่าจะถึงวันนี้ได้สาวปอมก็ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมาเยอะ ทั้งงานแรงงานที่ต้องทำเพื่อเลี้ยงตัวในช่วงเริ่มต้นอาชีพที่ยังไม่มีชื่อเสียง เธอใช้เวลาช่วงกลางวันทำงานเสิร์ฟและขายเครื่องสำอาง กลางคืนทำงาน Illustration ที่ส่วนใหญ่มักเป็นงานทำฟรี เพราะอยากให้ผลงานมีคนเห็นและเป็นการฝึกปรือฝีมือไปในตัวเธอทำอย่างนั้นอยู่เกือบ 2 ปี กว่าที่เธอจะสามารถเริ่มต้นอาชีพนี้ได้อย่างจริงจัง

โดยหลังเรียนจบเธอตัดสินใจหางานที่อังกฤษ ด้วยการพยายามสร้างผลงานให้ทุกคนเห็น พร้อมด้วยการทำงานพาร์ทไทม์แบบใช้แรงงานเพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเอง โดยไม่ขอเงินจากทางบ้าน “ตอนเรียนจบทางบ้านอยากให้กลับเมืองไทย แต่เรายังไม่อยากกลับ อยากทำงานที่นู่นมากกว่า เพราะเรามองแล้วว่าหนทางเติบโตทางอาชีพนี้ที่นู่นมันดูมีอนาคตกว่าเยอะ แต่กว่าจะเข้าสู่วงการนี้ได้ ก็ลำบากอยู่ไม่น้อยเพราะตอนนั้นเรายังไม่มีรายได้จากงานวาดลายเส้น ไม่มีคนจ้าง ส่วนเงินเลี้ยงตัวเองมาจากงานแรงงานอย่าง พนักงานเสิร์ฟ, พนักงานเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง แจกใบปลิว เรียกว่าทำทุกอย่างเลย

แล้วพอตกกลางคืน ก็กลับมานั่งทำงานIllustrationต่อ เพราะมันเป็นช่วงสร้างผลงาน ก็ไปขอเขาทำ ขอเขาออกแบบ ทำให้ฟรีๆ เลย เพื่อให้มีผลงานออกไปให้คนเห็นมากที่สุดพร้อมทั้งฝึกปรือฝีมือเราด้วย เป็นช่วงชีวิตที่เหนื่อยมาก บางครั้งปอมต้องทำงาน 2 กะด้วยซ้ำ เพราะค่าครองชีพที่อังกฤษสูงมาก ปอมต้องทำงานหนักมาก ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน ทำให้ปอมเข้าใจหัวอกคนทำงานเลย เวลาเดินเสิร์ฟคนเต็มร้าน งานวุ่นวายมาก หรือเวลาอยู่ที่เคาน์เตอร์ขายเครื่องสำอางเราต้องยืนใส่ส้นสูง 8-9 ชั่วโมง นั่งไม่ได้ คุยกับใครไม่ได้ ขายของอย่างเดียว ขาปวดแต่หน้าต้องยิ้มนะ หรือไปแจกใบปลิวแล้วไม่มีใครเอา เราเข้าใจเลย เพราะผ่านตรงนั้นมาหมดแล้ว
มันเหนื่อยมากนะ มีท้อด้วย แต่ไม่เคยบ่นให้ที่บ้าน คือเขาก็พร้อมจะช่วยเหลือ มีให้บัตรเครดิตไว้เพื่อฉุกเฉินให้เรากดใช้ แต่ปอมไม่กล้าใช้ เพราะเราตั้งใจว่าเราจะหาเลี้ยงตัวเองให้ได้ ไม่แบมือขอเงินพ่อแม่เด็ดขาด ซึ่งที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรเกินไป เพราะคนอื่นทั่วโลกเขาก็ต้องเจอแบบนี้ ฝรั่งพออายุ 18ปี เขาก็หาเลี้ยงตัวเองกันหมดแล้ว มีคนไทยเรานี่แหละที่พ่อแม่เลี้ยงสบายมากไปหน่อย

ช่วงลำบากสุดๆ ปอมเคยต้องขายมือถือเลย ขายไป 50 ปอนด์เพื่อเอาเงินมาใช้จ่าย กัดฟันสู้อยู่แบบนั้นเกือบ 2 ปี จนในที่สุด รู้สึกว่าเราไม่ไหวแล้ว ไลฟสไตล์แบบนั้นมันทำลายสุขภาพมาก ทั้งทำงานหนัก พักผ่อนไม่พอ ก็เลยมานั่งลิสต์ว่าเราจะหาทางออกอย่างไรให้ชีวิตดีขึ้น ก็รู้ว่าสิ่งสำคัญคือขาดเรื่องเงิน ก็เลยเดินเข้าธนาคารไปขอกู้เงิน

เป็นธนาคารที่เราใช้ประจำ เข้าไปคุยกับเขาว่าเรามีความลำบาก เดือดร้อนอย่างไร อยากจะขอกู้เงิน โดยตอนนั้นมีหลักประกันคือ มี Invoice 2 ใบ เป็นเช็คค่าจ้างจากงาน Illustrator แต่ยังไม่ถึงเวลาขึ้นเงิน แล้วก็เล่าให้ฟังถึงโครงการของเราว่ามีอาชีพอย่างไร แผนในอนาคต มีร้องไห้ด้วย สุดท้ายเขาก็ยอมอนุมัติเงินกู้ให้ ตอนนั้นอังกฤษยังเศรษฐกิจดีอยู่ 

พอได้เงินก้อนมาเราก็ลาออกจากงานพาร์ทไทม์ทั้งหลายเลย เป็นวันที่เราดีใจสุดๆ แล้วก็มุ่งทำงาน Illustrator เต็มตัว เอาเงินไปทำเว็ป ทำ Port Folio ผลงาน ซื้อลิสต์รายชื่อลูกค้า เริ่มติดต่อกับบริษัทต่างๆ เอางานเข้าไปเสนอ หลังจากนั้นก็เริ่มมีงานเข้ามาเรื่อยๆ แล้วก็เลี้ยงตัวเองได้สำเร็จ

สิ่งสำคัญในการก้าวเข้าสู่อาชีพนี้ เธอบอกว่า “ต้องอาศัยโชคด้วย งานเราต้องอยู่ถูกที่ถูกเวลา คือถ้าผลงานดีแต่ไม่มีคนเห็นหรือมีคนเห็นแต่ไม่ใช่คนสำคัญ ไม่มีอำนาจ มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร หรือถ้าเขามาเห็นงานของเราในขณะที่เราฝีมือยังไม่เข้าขั้นมันก็ไม่เวิร์กอยู่ดี”

ในกรณีของสาวปอม ผลงานโปสเตอร์ร้านขายเสียงของเธอไปเข้าตา อาร์ตไดเรกเตอร์ของเอเจนซี่โฆษณาใหญ่ที่อังกฤษ “งานนั้นเป็นงานชิ้นแรกๆ ของปอมเลย ทำให้ฟรีๆ ด้วย เขาเห็นแล้วสนใจ พอหลังจากนั้นมีงานมิวสิก เฟสติวัล ก็เลยติดต่อให้เราเอาผลงานไปเสนอ แล้วเราก็ได้ทำงานโปสเตอร์และบัตรเชิญให้งานนั้น หลังจากนั้นก็มีงานต่อเนื่องมาเรื่อยๆ...

ปอมทำงานคนเดียว ไม่มีบริษัทหรือทีมงานใหญ่โต จะมีผู้ช่วยบ้างหน้าเป็นโปรเจ็กใหญ่มากๆ หรืองานที่ต้องการความถนัดเฉพาะทางออกไป อย่างพวกตัดกระดาษ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นปอมคนเดียว ซึ่งการมีเอเจนต์ช่วยหาลูกค้า ช่วยดูแลงานให้ มันช่วยแบ่งเบาภาระได้เยอะ เขาจะช่วยคุยกับลูกค้า คัดกรองงานเราได้ส่วนหนึ่ง อย่างเช่นปอมจะแจ้งเอเจนต์เลยว่า เราไม่รับงานภาพประกอบนิตยสารนะ เพราะปอมไม่มีความสุขกับตรงนั้น ขี้เกียจอ่านแล้วต้องมาตีความ ปอมชอบงานที่บอกเป็นโจทย์มาเลยว่าอยากได้อย่างไร ภาพสไตล์ไหน อารมณ์แบบใด ปอมทำแล้วสนุกกว่า ก็เลยจะรับงานแนวโฆษณา ดีไซน์พวกแบรนด์สินค้ามากกว่า”

ระบบเอเจนต์มีความสำคัญสำหรับศิลปินมากนะ อย่างในต่างประเทศที่แวดวงศิลปะและการออกแบบเขากว้างกว่าเรา เขามีคนดูแลงานตรงส่วนนี้อย่างเป็นระบบ มีเอเจนต์หลายขนาด ตั้งแต่ขนาดใหญ่ที่ดูแลศิลปินระดับ 100 คนขึ้นไป ระดับกลางที่ดูแลศิลปินแบบ 20-30 คน และระดับเล็กแบบไม่ถึง 10 คน

สำหรับตลาดที่อเมริกา ตอนแรกปอมอยู่กับเอเจนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งปอมว่าไม่เหมาะกับเรา เพราะเขาดูแลเราไม่ใกล้ชิดมากเท่าไร ตอนนี้ปอมใช้เอเจนต์ในระดับกลาง ซึ่งเป็นคนที่เราอยากได้เขามาเป็นเอเจนต์นานแล้ว โดยก่อนหน้านี้ปอมเคยส่งผลงานให้เขาดู ขอให้เขาเป็นเอเจนต์ให้แต่เขาปฏิเสธเราถึง 2 ครั้ง จนครั้งที่ 3 เขาถึงสนใจ เพราะเขาบอกว่าก่อนหน้าผลงานเรายังไม่ถึง ฝีมือเรายังไม่เป๊ะพอ แต่เขาก็สนใจติดตามดูผลงานเราอยู่ตลอดนะว่าพัฒนาไปแค่ไหน

จนกระทั่งเขาเห็นว่าฝีมือเราเข้าที่ พอที่จะผลักดันเราได้ก็เลยตัดสินใจรับ แต่ตอนนั้นปอมติดสัญญาอยู่กับเอเจนต์เก่าอยู่อีกราวๆ ปีกว่า เขาก็ยินดีรอจนเราหมดสัญญากับเอเจนต์เดิม แล้วค่อยมาเซ็นต์สัญญากับเขา เขาอยากทำให้ทุกอย่างมันถูกต้องเรียบร้อย ไม่มีปัญหากับทุกฝ่าย เพราะถ้าเราออกกลางครัน มันเหมือนเป็นการแย่งตัวมา ซึ่งมันก็ดูไม่ดีทั้งตัวเราและเอเจนต์เอง "

ในอนาคตเธอบอกว่าอยากกลับมาทำระบบเอเจนต์ดูแลคนทำงานศิลปะในเมืองไทย “เพราะปัจจุบันนี้ประเทศเรายังไม่มีคนดูแลตรงนี้ ของไทยเราอาจจะมีแค่เพื่อนหรือคนรู้จักช่วยดูแล ซึ่งถ้าเราทำให้มันเป็นระบบ มันจะช่วยให้ศิลปินฝีมือดีๆ ทั้งหลาย มีโอกาสทำให้งานเป็นที่รู้จัก ลูกค้าก็ได้มีทางเลือก และสามารถได้ค่าตอบแทนอย่างเหมาะสม เพราะตอนนี้คนไทยเรามีฝีมือ แต่ไม่มีการทำแบรนด์ หรือทำการตลาดให้คนรู้จัก ปัญหาใหญ่ของบ้านเราคือตรงนี้ คนมีฝีมือเยอะ แต่ไม่มีคนเห็น ไม่มีใครเปิดโอกาสให้

ส่วนคนที่ได้งานบางครั้งค่าตอบแทนก็ไม่เหมาะสม เพราะได้งานเพราะความสนิทสนม ผ่านคนรู้จักก็ไม่กล้าตั้งราคา เราเลยอยากทำให้ธุรกิจตรงนี้ให้มันเติบโตไปอย่างมีอนาคต ซึ่งก็ต้องดูความพร้อมทั้งตัวศิลปินเอง ตัวลูกค้า และตลาดทั้งหมด ปอมมองเป็นความฝันที่เราอยากทำให้สำเร็จในระยะ 10 - 20 ปีข้างหน้า”

ข้อหนึ่งที่ปอมอย่างฝากสำหรับรุ่นน้องๆ ที่จะกำลังเริ่มต้นในงานสาขานี้ คือ การทำอาชีพอย่างเรา การเสนองานไม่ผ่านเป็นเรื่องปกติ เพราะเราแข่งกับคู่แข่งอีกจำนวนมากทั่วโลก ดังนั้นโอกาสที่จะไม่ได้มีมากกว่าได้อยู่แล้ว ถ้าช่วงไหนเราไม่ได้งานติดๆ กัน ก็ต้องมีท้อกันบ้าน แต่เวลางานไม่ผ่านอย่าไปเสียใจมาก คิดว่าสไตล์เราอาจจะไม่เหมาะกับงานนั้นก็ได้ หรือมีคนที่เหมาะกว่าเรา แต่ทุกครั้งที่งานเราไม่ผ่าน เราต้องขอคำอธิบายว่าเราไม่ผ่านตรงไหน ไม่ถูกใจตรงไหน เราจะได้นำมาแก้ไขได้ในการทำงานครั้งต่อไป แก้ไขจุดอ่อนของเราให้พัฒนาขึ้น

จากโลกแห่งลายเส้น ตอนนี้เธอก้าวสู่ความท้าทายครั้งใหม่ กับ “What If” แบรนด์ซึ่งมีสินค้าไลฟสไตล์หลากหลายรูปแบบ “เริ่มจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ปอมเคยนำลายเส้นดีไซน์ที่ออกแบบไปทำผ้าพันคอแจกเหล่าอาร์ตไดเรกเตอร์ของบริษัทและแบรนด์แฟชั่นต่างๆ ที่อเมริกา เพื่อเป็นการแนะนำตัวเขาจดจำเราได้ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ปีต่อมาเลยทำผ้าพันคออีก 1 ลอต ประกาศขายในเฟซบุ๊คก็ขายหมดภายในสัปดาห์เดียว ก็เริ่มมีไอเดียที่จะทำสินค้าต่างๆ ด้วยลวดลายของเรา

แต่จะทำด้วยตัวเองคนเดียว เราก็ยังไม่พร้อม ก็ประจวบเหมาะรู้จักหุ้นส่วน 2 คน คือ เตย-กุลวรา อานันทนะสุวงศ์ ซึ่งเป็นทายาทเจ้าของโรงพิมพ์ผ้า กับ น้ำผึ้ง - บุศยาจรี ศรีเทพ เพื่อนรุ่นพี่ที่มีความคิดเห็นตรงกันว่าอยากทำธุรกิจ จึงเกิด What If ขึ้น ซึ่งก็ตอบโจทย์ความคิดในหัวที่อยากเห็นผลงานเราในรูปแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้สานฝันตัวเองโดยไม่ต้องง้อรอแบรนด์ใดมาจ้างออกแบบ”

ตอนนี้ What If มีผ้าพันคอ ผ้าเช็ดหน้า หมอน และเสื้อผ้า และกำลังทำในส่วนของเครื่องเซรามิก และของแต่งบ้าน โดยเธอตั้งใจอยากให้ What If เป็นไลฟสไตล์แบรนด์ ที่ไม่ได้ทำแค่ผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการดีไซน์แบบธีมรวม อย่างการออกแบบห้องในโรงแรม และสินค้าตกแต่งบ้านแบบ Made to Order เลยทีเดียว

:: ดีไซน์สไตล์ปอม

ความโดดเด่นในสไตล์ของเธอคือลายเส้นที่แสนพริ้วไหว โดยเธอถนัดในการวาดมือ ที่สามารถสร้างสรรผลงานได้อิสระ “บางงานก็จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย แต่ปอมชอบใช้มือวาดร่างมากกว่า เพราะในขณะที่ใช้คอมมันเหมือนเราถูกควบคุมด้วยข้อจำกัดบางอย่างของเครื่องจักร ในขณะที่มือเราสามารถกำหนดมันได้อย่างใจคิดเลย”

ลวดลายการออกแบบที่มาจากความสร้างสรรค์ในสไตล์ของเธอนั้น ก็ประสบกับการลอกเลียนแบบไม่ต่างจากดีไซเนอร์ทั้งหลาย “เด็กไทยสมัยนี้ มักแยกไม่ออกระหว่าง “แรงบันดาลใจ” กับ “ลอกเลียนแบบ” บางคนบอกคนนั้นคนนี้เป็นแรงบันดาลใจ แล้วทำผลงานออกมาสไตล์เดียวกันเลย ปอมว่ามันไม่ใช่แล้ว อย่างคุณเป็นดีไซเนอร์ทำเสื้อผ้าแล้วคุณบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากงานของ อเล็กซานเดอร์ แม็คควีน แล้วมันจะต่างจากการก๊อปตรงไหน แรงบันดาลใจมันไม่น่าจะมาจากงานในรูปแบบเดียวกัน อย่างเราทำงานลายเส้น ได้แรงบันดาลใจจากภาพถ่าย งานโครงสร้าง สถาปัตกรรม ธรรมชาติฯลฯ ไม่ใช่ได้แรงบันดาลใจมาจากงานลายเส้นเหมือนกัน”

เวลาปอมชอบศิลปินคนไหน ปอมชื่นชมผลงานเขา ชอบเวลาเห็นงานสวยๆ แต่จะไม่เอามาเป็นแรงบันดาลใจ เวลาที่เราดูงานเยอะๆ บางครั้งก็อาจทำให้เราติดกับสไตล์เหล่านั้นมาได้ อย่างบางครั้งปอมดูงานคนอื่น แล้วในใจคิดว่าน่าจะปรับตรงนั้นนิด ตรงนี้เปลี่ยนเส้นหน่อย มันน่าจะสวยขึ้น ในหัวเราคิดไปเรื่อยๆ ถ้าเมื่อไรที่รู้ตัวว่าเป็นอย่างนั้น ก็ต้องรีบเรียกสติกลับมา หยุดคิดทันที แล้วรีบปิดทุกอย่างเลย ปิดหนังสือ ปิดคอม ออกไปทำอย่างอื่นแทน หันเหความคิดเราไปทางอื่นแทน เพราะเรากลัวจะไปติดสไตล์ตรงนั้นมา ของพวกนี้บางครั้งสมองเราเก็บมาโดยไม่รู้ตัว

ไม่ว่าจะเรียกว่าแรงบันดาลใจหรือลอกเลียนแบบ ก็ไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับสาวปอมเพราะเธอมองว่า “ในขณะที่เราเดินก้าวไปข้างหน้า คนที่ก๊อปเขาเดินตามหลังเรา ถ้าเราก้าวไปข้างหน้าพัฒนางานไปเรื่อยๆ คนที่ก๊อปเดินตามมายังไงก็แซงเราไม่ได้ จนกว่าเขาจะก้าวออกไปนอกรอยของเรา ไปการสร้างสรรค์จากความสามารถของตนเอง...

ปอมอยากให้น้องๆ ศิลปินรุ่นใหม่ คิดได้ว่าเมื่อไรที่คิดจะก๊อป คุณจบตั้งแต่เริ่มแล้ว เพราะคุณไม่มีตัวตน แต่ไปยืมตัวตนของคนอื่นมา มันไม่มีอนาคตให้เติบโตหรอก”

:: ผลงาน
โปสเตอร์งานทัวร์คอนเสิร์ตครบรอบ 50 ปีของวง The Beach Boy ที่ประเทศอเมริกา โดยเป็นผลงานที่เธอภาคภูมิใจมาก เนื่องจากเป็นวงดนตรีชื่อดังที่เธอชื่นชอบตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน
 “Unfold”ผลงานชิ้นที่ใหญ่และรายละเอียดเยอะที่สุดที่เธอเคยทำ ใช้เวลาเกือบ 10 วัน กับทีมงานผู้ช่วยอีก 8 ชีวิต สร้างห้องแห่งศิลปะนี้สำหรับใช้เปิดตัวโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่
แคมเปญในระดับนานาชาติของเบียร์สิงห์ ที่เธอต้องฟันฟ่ากับคู่แข่งจากทั่วโลก เสนอผลงานผ่านการคัดเลือกถึง 4 รอบ และใช้ระยะเวลาดำเนินการนานนับปีจึงจะได้ความไว้วางใจ ให้สร้างสรรค์งานสวยๆ ชิ้นนี้ ที่ถ่ายทอดความเป็นไทยด้วยฝีมือศิลปินในให้กับแบรนด์ไทยได้อย่างสมศักดิ์ศรี
Pomme Chan ขณะกำลังวาด Wall Painting โชว์ในงานอีเวนท์ของเบียร์สิงห์ที่ประเทศอังกฤษ
ภาพ Wall Painting ที่ห้าง Selfridges
ดีไซน์ลวดลายรองเท้าคู่พิเศษให้กับ ไนกี้
ภาพประกอบที่วาดให้กับคอลัมน์ใน นิวยอร์ก ไทม์
ผลงานฝีมือการวาดลายเส้นให้กับหนังสือ If nothing goes right, turn left
ายเส้นแสนอ่อนช้อยจากการร่างมืออันเป็นเอกลักษณ์ของ Pomme Chan
มุมทำงานของ Pomme Chan ในสตูดิโอ ที่ลอนดอน
Pomme Chan ชื่นชมส่วนหนึ่งของผลงานการออกแบบของเธอ
จากแรงบันดาลใจที่ได้จากธรรมชาติสู่ผลงานการวาดลายเส้น การลงสีสวยๆ เสริมด้วยเทคนิคการตัดกระดาษ ออกมาเป็นชิ้นงานที่โดดเด่น ที่ตั้งโชว์อยู่ในงานนิทรรศกาลของร้าน Next to Normal
ชุดกระโปรง, ผ้าพันคอ สินค้าจากแบรนด์ “What If”ที่ทำจากลวดลายสวยๆ จากการออกแบบของเธอ มีวางขายที่ร้าน Next to Normal เซ็นทรัล เวิลด์ และที่ www.whatifweshop.com
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
กำลังโหลดความคิดเห็น