>>เมื่อไม่นานมานี้ Celeb Online ได้รับเกียรติจาก บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมการแข่งขันค็อกเทลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย DIAGEO RESERVE WORLD CLASS Thailand Competition Final round 2012 - Raising the bar. The Art of Service and The Bartender ณ เลเวลส์ คลับแอนด์เลาจน์ โรงแรมเอลอฟต์ กรุงเทพฯ
แคมเปญ “ดิอาจิโอ เวิลด์คลาส 2012” เป็นแคมเปญระดับโลกที่สานต่อเป็นปีที่ 4 โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2009 เพื่อค้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ผู้เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการรังสรรค์เครื่องดื่มชั้นเลิศ ทั้งนี้ ดิอาจิโอฯ ประเทศไทยได้จัดมาอย่างต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับวงการบาร์เทนเดอร์ไทยให้ก้าวเข้าสู่ความเป็นสากลอย่างเต็มตัว และในปีนี้ผู้ชนะเลิศที่เป็นสุดยอดบาร์เทนเดอร์หนึ่งเดียว จะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเวทีระดับโลก ณ เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เวทีที่จะรวมสุดยอดบาร์เทนเดอร์กว่า 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่ง Celeb Online จะได้ติดตามมารายงานอย่างต่อเนื่องจากเมืองริโอ เดอ จาเนโร ต่อไป
สำหรับรอบตัดสินของการแข่งขัน 9 คนสุดท้ายในประเทศไทย ผู้เข้ารอบต่างโชว์ทักษะ ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานเครื่องดื่มคอกเทลแนวใหม่สุดล้ำเลิศ ภายใต้โจทย์ Hollywood Star Challenge คือให้จินตนาการว่าคุณจะต้องผสมค็อกเทล “เสิร์ฟดาราฮอลลีวูด!” ในแบบของแต่ละคน แต่จะต้องมี Johnnie Walker Blue Labels เป็นส่วนผสมด้วย เริ่มตั้งแต่
1.คุณจักรกฤษณ์ ชะโลปถัมภ์
จาก Mellow สาขา The Crystal
ชื่อค็อกเทล : For Nicolas
“การแข่งขันครั้งนี้ยากเหมือนกัน เพราะบลู เลเบิล มีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไป จึงต้องคงเอกลักษณ์รสชาติของบลู เลเบิล เข้าไว้ แล้วเติมกลิ่นซีตรัสเพื่อเพิ่มความหอมเข้าไปอีกนิดหน่อย บวกกับมะนาว และเปลือกส้มโออบแห้ง เหมาะกับการเสิร์ฟ “นิโคลัส เคจ” ดาราฮอลลีวูด เพราะเป็นนักแสดงที่มากความสามารถ เท่ห์ และสง่า สำหรับเสน่ห์ของค็อกเทล ผมคิดว่ามันมีความซับซ้อน หลากหลาย ของรสชาติ และเปลี่ยนแปลงตามอารมณ์ของผู้ดื่มได้ตลอดเวลา เช่น วันนี้อยากเมาเราก็จัดหนัก วันนี้อยากดื่มชิลๆ ก็ผสมน้อยๆ”
2.คุณจิรการ ภัทรมาลัยสิริ
จาก Lobby Ban โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ
ชื่อค็อกเทล : Vanilla Alert
“ตอนมาครั้งแรกผมมั่นใจเต็มที่ครับ แต่พอแข่งจริงก็กดดันเหมือนกันครับ ทั้งด้วยเวลาและไม่รู้ว่าผลที่ออกมาจะถูกใจกรรมการหรือไม่ หรือสิ่งที่เราพูดไปมันคือสิ่งที่ดีแล้วหรือยัง วันนี้ผมนำเสนอค็อกเทลที่นำวัตถุดิบอื่นมาผสมกับบลู เลเบิล เติมกลิ่นเพื่อหนุนให้บลู เลเบิล ละมุนขึ้น ด้วยกลิ่นวานิลลา เวลาดื่มแล้วรู้สึกผ่อนคลายได้ แก้วนี้เหมาะกับการเสิร์ฟดาราทุกคนในฮอลลีวู้ดครับ ที่เต็มไปด้วยความหรูหรา สง่างาม ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทล ผมคิดว่ามันมีหลายรสชาติ รสเข้ม เปรี้ยว หวาน ความละมุน และให้รูป รส กลิ่น สี เห็นแล้วอยากดื่มสักแก้ว”
3.คุณวันชัย สมศรี
จาก The Lobby โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
ชื่อค็อกเทล : Full Drink
“ผมมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก แต่วันนี้ก็นำเสนอได้ไม่เลวครับ จุดเด่นอยู่ตรงที่การนำดายด์ไฮซ์มาสร้างสีสันให้กับการดื่ม โดยนำบลู เลเบิล มาผสมกับแกรนมาเนีย เพื่อเพิ่มความหอมหวานของส้ม เหมาะกับการดาราฮอลลีวูดอย่าง “นิโคลัส เคจ” เพราะเขามักแสดงหนังแอกชั่น น่าจะดื่มอะไรที่เป็นวิสกี้ บลู เลเบิล ที่มีกลิ่นสโมกกี้นิดหน่อย และเท่ห์ ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทล ผมคิดว่ามันอยู่ตรงที่ลูกค้าต้องการรสชาติแบบไหน เราสามารถมิกซ์อย่างที่ลูกค้าต้องการได้”
4.คุณหทัยทิพย์ รสหอม
จาก Hyde & Seek
ชื่อค็อกเทล : Mister & Missis Star
“เตรียมตัวประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ ค่อนข้างมั่นใจในการแข่งขัน วิธีการนำเสนอ คือทุบก้อนน้ำแข็งที่มีบลู เลเบิล อยู่ข้างในให้ไหลออก แล้วนำวิสกี้มาผสมกับผลไม้ นั่นก็คือเปลือกส้ม เหมาะกับการเสิร์ฟดาราฮอลลีวูดอย่าง “แองเจลิน่า โจลี” เพราะเป็นสาวที่พราวเสน่ห์ มั่นใจ ไม่หวานมาก เข้มแข็ง ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทลผมคิดว่า มันสามารถสร้างสรรค์เมนูได้หลากหลาย การที่เราจับเอาผลไม้แต่ละอย่าง วิสกี้แต่ละตัวเอามารวมในแก้วเดียว แล้วทำอย่างไรให้ทุกอย่างไปด้วยกันได้ ส่วนผสมบางอย่าง แค่เปลี่ยนรสชาติของค็อกเทลก็เปลี่ยน มันเป็นอะไรที่สนุก”
5.คุณอดิศร์ หวันโซ๊ะ
จาก Eat me
ชื่อค็อกเทล : Tartan Spice
“ผมจัดเต็มด้วยเสียงปี่สกอตช์ พร้อมด้วยสไตล์การแต่งตัวแบบสกอตช์ เพราะมันสื่อถึงต้นกำเนิดของ จอห์นนี วอล์กเกอร์ และให้รู้สึกเหมือนเราอยู่ประเทศสกอตแลนด์ การมิกซ์ค็อกเทลวันนี้ ถ้าผมให้วิสกี้เสียรสชาติก็ไม่ใช่บลู เลเบิล แค่ใส่สไปช์ และกลิ่นสมุนไพรเล็กๆ ให้ค็อกเทลมีความเปรี้ยวกับหวาน จากนั้นเบินผิวส้มลงไปเล็กน้อย เหมาะกับการเสิร์ฟดาราฮอลลีวูด อย่าง “แบรต พิตต์” ครับ เพราะเป็นหนุ่มเจ้าสำราญและได้รับรางวัลมากมาย ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทลผมคิดว่า ดื่มง่าย หลากหลายรสชาติ แค่ดื่มแก้วแรกก็มีความสุขแล้ว เพราะหมายความว่าคุณเลือกเราแล้ว เรียนรู้เราแบบ body language ค็อกเทลเป็นเครื่องดื่มที่ดื่มได้ทุกโอกาส ดื่มแบบไม่ต้องเร่งรีบ”
6.คุณศุภวิชญ์ มุททารัตน์
จากโรงแรม St.Regis
ชื่อค็อกเทล : The Striding
“เชื่อมั่นว่าความรักและศรัทธาในอาชีพ การสนุกกับงานที่ทำ พร้อมจริงจังให้มากที่สุด ผนวกกับความขยัน แล้วความสำเร็จจะรอคอยอยู่ตรงหน้าครับ สำหรับการเตรียมตัวรอบนี้ผมเปรียบกับการสร้างหนัง แล้วจิตนาการว่าจะ เสริฟดาราฮอลลีวู๊ดสาวสวย “อีวา กรีน” และผมตีโจทย์ว่าเป็นธีม Hollywood Star ในงาน Red carpet ของภาพยนต์เรื่องที่จะเปิดตัว โดยมีผู้กำกับ นักแสดงชายและหญิงเป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งผมถอดมาเป็นส่วนผสมของค็อกเทล ส่วนผสมหลักของผลงานค็อกเทล “The Striding” คือผิวมะนาวและผิวส้ม ส่วน body คือ victor และ essence กาแฟและวานิลลา และกิมมิคของผมคือน้ำแข็งที่นำorange blossom มาใส่น้ำเปล่าและแช่แข็งเป็น Iceberg ช่วงที่ดื่มก็เปรียบเหมือนการดูหนังครับ
ความสุนทรีย์เริ่มจากกลิ่นต้นจะสัมผัสด้วยกลิ่นของผิวมะนาวและผิวส้ม กลิ่นกลาง body คือกาแฟและวานิลลา กลิ่นท้ายคือน้ำแข็ง Orange blossom ผมว่าเสน่ห์ของค็อกเทลนั้น อยู่ที่การไม่ยึดติดกับสิ่งเดิม หากแต่เป็นการผสมผสานระหว่างสิ่งคลาสสิคและสิ่งใหม่ที่ทันสมัย ออกมาเป็นค็อกเทลใหม่ๆที่น่าสนใจครับ”
7.คุณธนัญญา เสมอมา
จาก Fat Gutz Saloon
ชื่อค็อกเทล : Back to Blue
“พยายามดูว่าดาราฮอลลีวูดเขาชอบดื่มอะไร แล้วเราจะได้เสิร์ฟได้ถูกปากดาราคนนั้นๆ อย่างวันนั้นเลือกเสิร์ฟ “แองเจลิน่า โจลี” เพราะเป็นผู้หญิงแต่เล่นบทบู๊ได้แข็งแกร่ง บลู ก็มีความแข็งแกร่ง มาร์ตินีก็เปรียบเสมือนผู้หญิง ด้วย Back to Blue คือการนำบลู เลเบิล มาผสมกับมาร์ตินี เพราะบลูเลเบิล ให้ความนุ่ม ส่วนมาร์ตินี สื่อถึงความอ่อนโยน และน้ำขิงที่ดึงรสชาติบลู เลเบิล ให้โดดเด่นขึ้นมาก ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทลอยู่ตรงที่ให้รสชาติที่หลากหลาย แต่ละร้านจะให้รสชาติไม่เหมือนกัน อาจจะเป็นตัวเดียวกัน แต่มิกซ์ออกมาให้รสชาติไม่เหมือนกัน”
8.คุณนพภวดี กิจฤกษ์ไทย
จาก Bamboo โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล
ชื่อค็อกเทล : Crystal of the Sky
“หนูเพิ่งคิดเมื่อสักครู่นี้เอง โดยคิดว่าเอาบลู เลเบิล ไปผสมแล้วรสชาติหลักจะน้อยลง จึงนำมาการูน ซึ่งมันเป็นซิกเนอรเจอร์ของโอเรียนเต็ลมาใช้ผสม ของหวานกับเหล้าอาจจะรู้สึกว่าเมาเร็ว แต่มันกลมกล่อม ถ้าเป็นดริงก์ของผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ชอบ บลู เลเบิล กับส้มจะทำให้บลู เลเบิล ดีดขึ้นมา จึงนำวัตถุดิบในร้านมาผสมเข้าด้วยกัน มันจะไม่จบที่กลิ่นบลู เลเบิล แต่เสริมให้บลู เลเบิล มีรสชาติที่มีสีสันมากขึ้น จะมีหวานเข้าแทรกความขม ฝาด เหมาะกับการเสิร์ฟ “อองเดร แฮบเบิร์น” ดารารุ่นคลาสสิกที่ดูสวย เรียบ แต่หรู ทรงแก้วก้านเล็ก-ยาว แก้วบานและเบา มีความหยิ่ง สง่า แบบ Down to Earth
ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทลคิดว่าอยู่ที่คนดื่ม คนเราวิธีการดื่มไม่เหมือนกัน ยิ่งรสชาติไม่เหมือนกัน เวลาลูกค้าดื่มแล้วไม่มีความสุข ทุกข์เพราะกิน แต่บางคนจิบแล้วยิ้ม ทำให้เพิ่มเสน่ห์ในตัวของเขา ไม่อย่างนั้นคนเราคงจะไม่จีบกันในบาร์หรอก เพราะมันมีเสน่ห์มาก”
9.คุณสมคะเน สิงหา
จาก Mellow สาขา The Balcony
ชื่อค็อกเทล : Culture
“ผมนำวิธีการชงชาของจีนที่ประวัติมากว่า 4,200 ปี มาเป็นไอเดีย และที่เกี่ยวพันกับฮอลลีวู้ด สตาร์ เพราะใช้บลู เลเบิล วิสกี้ระดับสูง เพราะต้นกำเนิดของบลูมาจากการชงชา จึงนำเอาไอเดียมาจากการชงชาของจีน ที่เก่าแก่ที่สุด การใช้อุปกรณ์จากจีนแท้ บลู เลเบิล มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงไม่อยากจะไปเติมอะไรให้กับเขาเพียงแต่จะเตรียมตัวดื่มอย่างไรเท่านั้นเอง
ส่วนประกอบ คือ น้ำฝนจากยอดเขาของเขาค้อ ซึ่งที่ร้านมีจำหน่ายด้วย ใบเตย ผสมตระไคร้ และชาที่ผมชงจากตระไคร้+ใบเตย+น้ำฝน-บลู เลเบิล ซึ่งใบเตยกับตระไคร้สามารถดับกลิ่นดับคาวในปากได้ ทำให้เราสามารถสัมผัสรสชาติอาหารได้ถูกปาก แก้วนี้เหมาะกับการเสิร์ฟ “แองเจลิน่า โจลี” เพราะเธอมาเอเชียบ่อย ใบเตยเขาคงไม่เคยลิ้มรส และอาจจะไม่รู้ถึงคุณประโยชน์ของมัน เธอชอบเอเชีย ค็อกเทลนี้น่าเหมาะกับเธอ ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทล ผมชอบตรงที่มีมันส่วนผสมหลากหลาย ตามใจผู้ดื่ม และตามใจผู้มิกซ์ เราสามารถสร้างคาแร็กเตอร์ให้กับแก้วนั้นๆ ได้ตามใจชอบ”
สำหรับผู้ชนะเลิศในการแข่งขัน DIAGEO RESERVE WORLD CLASS Thailand Competition Final round 2012 - Raising the bar. The Art of Service and The Bartender ครั้งนี้ คือ คุณศุภวิชญ์ มุททารัตน์ จากโรงแรม St.Regis ที่สร้างสรรค์ผลงานค็อกเทล “The Striding”
“ผมขอขอบคุณการแข่งขัน World Class ครั้งนี้ที่นอกจากจะได้ความรู้และประสบการณ์มากมาย ยังเป็นการยกระดับอาชีพบาร์เทนเดอร์ของผม เหมือนกับตัวเองได้เลื่อนตำแหน่ง และสำหรับการแข่งขันระดับโลกที่ประเทศบราซิล ในฐานะตัวแทนของประเทศไทยจะตั้งใจทำเต็มที่อย่างดีที่สุดครับ” :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net หรือ App Store ได้แล้วที่ celeb online ipad edition
แคมเปญ “ดิอาจิโอ เวิลด์คลาส 2012” เป็นแคมเปญระดับโลกที่สานต่อเป็นปีที่ 4 โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2009 เพื่อค้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ผู้เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการรังสรรค์เครื่องดื่มชั้นเลิศ ทั้งนี้ ดิอาจิโอฯ ประเทศไทยได้จัดมาอย่างต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับวงการบาร์เทนเดอร์ไทยให้ก้าวเข้าสู่ความเป็นสากลอย่างเต็มตัว และในปีนี้ผู้ชนะเลิศที่เป็นสุดยอดบาร์เทนเดอร์หนึ่งเดียว จะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเวทีระดับโลก ณ เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เวทีที่จะรวมสุดยอดบาร์เทนเดอร์กว่า 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่ง Celeb Online จะได้ติดตามมารายงานอย่างต่อเนื่องจากเมืองริโอ เดอ จาเนโร ต่อไป
สำหรับรอบตัดสินของการแข่งขัน 9 คนสุดท้ายในประเทศไทย ผู้เข้ารอบต่างโชว์ทักษะ ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานเครื่องดื่มคอกเทลแนวใหม่สุดล้ำเลิศ ภายใต้โจทย์ Hollywood Star Challenge คือให้จินตนาการว่าคุณจะต้องผสมค็อกเทล “เสิร์ฟดาราฮอลลีวูด!” ในแบบของแต่ละคน แต่จะต้องมี Johnnie Walker Blue Labels เป็นส่วนผสมด้วย เริ่มตั้งแต่
1.คุณจักรกฤษณ์ ชะโลปถัมภ์
จาก Mellow สาขา The Crystal
ชื่อค็อกเทล : For Nicolas
“การแข่งขันครั้งนี้ยากเหมือนกัน เพราะบลู เลเบิล มีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไป จึงต้องคงเอกลักษณ์รสชาติของบลู เลเบิล เข้าไว้ แล้วเติมกลิ่นซีตรัสเพื่อเพิ่มความหอมเข้าไปอีกนิดหน่อย บวกกับมะนาว และเปลือกส้มโออบแห้ง เหมาะกับการเสิร์ฟ “นิโคลัส เคจ” ดาราฮอลลีวูด เพราะเป็นนักแสดงที่มากความสามารถ เท่ห์ และสง่า สำหรับเสน่ห์ของค็อกเทล ผมคิดว่ามันมีความซับซ้อน หลากหลาย ของรสชาติ และเปลี่ยนแปลงตามอารมณ์ของผู้ดื่มได้ตลอดเวลา เช่น วันนี้อยากเมาเราก็จัดหนัก วันนี้อยากดื่มชิลๆ ก็ผสมน้อยๆ”
2.คุณจิรการ ภัทรมาลัยสิริ
จาก Lobby Ban โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ
ชื่อค็อกเทล : Vanilla Alert
“ตอนมาครั้งแรกผมมั่นใจเต็มที่ครับ แต่พอแข่งจริงก็กดดันเหมือนกันครับ ทั้งด้วยเวลาและไม่รู้ว่าผลที่ออกมาจะถูกใจกรรมการหรือไม่ หรือสิ่งที่เราพูดไปมันคือสิ่งที่ดีแล้วหรือยัง วันนี้ผมนำเสนอค็อกเทลที่นำวัตถุดิบอื่นมาผสมกับบลู เลเบิล เติมกลิ่นเพื่อหนุนให้บลู เลเบิล ละมุนขึ้น ด้วยกลิ่นวานิลลา เวลาดื่มแล้วรู้สึกผ่อนคลายได้ แก้วนี้เหมาะกับการเสิร์ฟดาราทุกคนในฮอลลีวู้ดครับ ที่เต็มไปด้วยความหรูหรา สง่างาม ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทล ผมคิดว่ามันมีหลายรสชาติ รสเข้ม เปรี้ยว หวาน ความละมุน และให้รูป รส กลิ่น สี เห็นแล้วอยากดื่มสักแก้ว”
3.คุณวันชัย สมศรี
จาก The Lobby โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
ชื่อค็อกเทล : Full Drink
“ผมมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก แต่วันนี้ก็นำเสนอได้ไม่เลวครับ จุดเด่นอยู่ตรงที่การนำดายด์ไฮซ์มาสร้างสีสันให้กับการดื่ม โดยนำบลู เลเบิล มาผสมกับแกรนมาเนีย เพื่อเพิ่มความหอมหวานของส้ม เหมาะกับการดาราฮอลลีวูดอย่าง “นิโคลัส เคจ” เพราะเขามักแสดงหนังแอกชั่น น่าจะดื่มอะไรที่เป็นวิสกี้ บลู เลเบิล ที่มีกลิ่นสโมกกี้นิดหน่อย และเท่ห์ ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทล ผมคิดว่ามันอยู่ตรงที่ลูกค้าต้องการรสชาติแบบไหน เราสามารถมิกซ์อย่างที่ลูกค้าต้องการได้”
4.คุณหทัยทิพย์ รสหอม
จาก Hyde & Seek
ชื่อค็อกเทล : Mister & Missis Star
“เตรียมตัวประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ ค่อนข้างมั่นใจในการแข่งขัน วิธีการนำเสนอ คือทุบก้อนน้ำแข็งที่มีบลู เลเบิล อยู่ข้างในให้ไหลออก แล้วนำวิสกี้มาผสมกับผลไม้ นั่นก็คือเปลือกส้ม เหมาะกับการเสิร์ฟดาราฮอลลีวูดอย่าง “แองเจลิน่า โจลี” เพราะเป็นสาวที่พราวเสน่ห์ มั่นใจ ไม่หวานมาก เข้มแข็ง ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทลผมคิดว่า มันสามารถสร้างสรรค์เมนูได้หลากหลาย การที่เราจับเอาผลไม้แต่ละอย่าง วิสกี้แต่ละตัวเอามารวมในแก้วเดียว แล้วทำอย่างไรให้ทุกอย่างไปด้วยกันได้ ส่วนผสมบางอย่าง แค่เปลี่ยนรสชาติของค็อกเทลก็เปลี่ยน มันเป็นอะไรที่สนุก”
5.คุณอดิศร์ หวันโซ๊ะ
จาก Eat me
ชื่อค็อกเทล : Tartan Spice
“ผมจัดเต็มด้วยเสียงปี่สกอตช์ พร้อมด้วยสไตล์การแต่งตัวแบบสกอตช์ เพราะมันสื่อถึงต้นกำเนิดของ จอห์นนี วอล์กเกอร์ และให้รู้สึกเหมือนเราอยู่ประเทศสกอตแลนด์ การมิกซ์ค็อกเทลวันนี้ ถ้าผมให้วิสกี้เสียรสชาติก็ไม่ใช่บลู เลเบิล แค่ใส่สไปช์ และกลิ่นสมุนไพรเล็กๆ ให้ค็อกเทลมีความเปรี้ยวกับหวาน จากนั้นเบินผิวส้มลงไปเล็กน้อย เหมาะกับการเสิร์ฟดาราฮอลลีวูด อย่าง “แบรต พิตต์” ครับ เพราะเป็นหนุ่มเจ้าสำราญและได้รับรางวัลมากมาย ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทลผมคิดว่า ดื่มง่าย หลากหลายรสชาติ แค่ดื่มแก้วแรกก็มีความสุขแล้ว เพราะหมายความว่าคุณเลือกเราแล้ว เรียนรู้เราแบบ body language ค็อกเทลเป็นเครื่องดื่มที่ดื่มได้ทุกโอกาส ดื่มแบบไม่ต้องเร่งรีบ”
6.คุณศุภวิชญ์ มุททารัตน์
จากโรงแรม St.Regis
ชื่อค็อกเทล : The Striding
“เชื่อมั่นว่าความรักและศรัทธาในอาชีพ การสนุกกับงานที่ทำ พร้อมจริงจังให้มากที่สุด ผนวกกับความขยัน แล้วความสำเร็จจะรอคอยอยู่ตรงหน้าครับ สำหรับการเตรียมตัวรอบนี้ผมเปรียบกับการสร้างหนัง แล้วจิตนาการว่าจะ เสริฟดาราฮอลลีวู๊ดสาวสวย “อีวา กรีน” และผมตีโจทย์ว่าเป็นธีม Hollywood Star ในงาน Red carpet ของภาพยนต์เรื่องที่จะเปิดตัว โดยมีผู้กำกับ นักแสดงชายและหญิงเป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งผมถอดมาเป็นส่วนผสมของค็อกเทล ส่วนผสมหลักของผลงานค็อกเทล “The Striding” คือผิวมะนาวและผิวส้ม ส่วน body คือ victor และ essence กาแฟและวานิลลา และกิมมิคของผมคือน้ำแข็งที่นำorange blossom มาใส่น้ำเปล่าและแช่แข็งเป็น Iceberg ช่วงที่ดื่มก็เปรียบเหมือนการดูหนังครับ
ความสุนทรีย์เริ่มจากกลิ่นต้นจะสัมผัสด้วยกลิ่นของผิวมะนาวและผิวส้ม กลิ่นกลาง body คือกาแฟและวานิลลา กลิ่นท้ายคือน้ำแข็ง Orange blossom ผมว่าเสน่ห์ของค็อกเทลนั้น อยู่ที่การไม่ยึดติดกับสิ่งเดิม หากแต่เป็นการผสมผสานระหว่างสิ่งคลาสสิคและสิ่งใหม่ที่ทันสมัย ออกมาเป็นค็อกเทลใหม่ๆที่น่าสนใจครับ”
7.คุณธนัญญา เสมอมา
จาก Fat Gutz Saloon
ชื่อค็อกเทล : Back to Blue
“พยายามดูว่าดาราฮอลลีวูดเขาชอบดื่มอะไร แล้วเราจะได้เสิร์ฟได้ถูกปากดาราคนนั้นๆ อย่างวันนั้นเลือกเสิร์ฟ “แองเจลิน่า โจลี” เพราะเป็นผู้หญิงแต่เล่นบทบู๊ได้แข็งแกร่ง บลู ก็มีความแข็งแกร่ง มาร์ตินีก็เปรียบเสมือนผู้หญิง ด้วย Back to Blue คือการนำบลู เลเบิล มาผสมกับมาร์ตินี เพราะบลูเลเบิล ให้ความนุ่ม ส่วนมาร์ตินี สื่อถึงความอ่อนโยน และน้ำขิงที่ดึงรสชาติบลู เลเบิล ให้โดดเด่นขึ้นมาก ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทลอยู่ตรงที่ให้รสชาติที่หลากหลาย แต่ละร้านจะให้รสชาติไม่เหมือนกัน อาจจะเป็นตัวเดียวกัน แต่มิกซ์ออกมาให้รสชาติไม่เหมือนกัน”
8.คุณนพภวดี กิจฤกษ์ไทย
จาก Bamboo โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล
ชื่อค็อกเทล : Crystal of the Sky
“หนูเพิ่งคิดเมื่อสักครู่นี้เอง โดยคิดว่าเอาบลู เลเบิล ไปผสมแล้วรสชาติหลักจะน้อยลง จึงนำมาการูน ซึ่งมันเป็นซิกเนอรเจอร์ของโอเรียนเต็ลมาใช้ผสม ของหวานกับเหล้าอาจจะรู้สึกว่าเมาเร็ว แต่มันกลมกล่อม ถ้าเป็นดริงก์ของผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ชอบ บลู เลเบิล กับส้มจะทำให้บลู เลเบิล ดีดขึ้นมา จึงนำวัตถุดิบในร้านมาผสมเข้าด้วยกัน มันจะไม่จบที่กลิ่นบลู เลเบิล แต่เสริมให้บลู เลเบิล มีรสชาติที่มีสีสันมากขึ้น จะมีหวานเข้าแทรกความขม ฝาด เหมาะกับการเสิร์ฟ “อองเดร แฮบเบิร์น” ดารารุ่นคลาสสิกที่ดูสวย เรียบ แต่หรู ทรงแก้วก้านเล็ก-ยาว แก้วบานและเบา มีความหยิ่ง สง่า แบบ Down to Earth
ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทลคิดว่าอยู่ที่คนดื่ม คนเราวิธีการดื่มไม่เหมือนกัน ยิ่งรสชาติไม่เหมือนกัน เวลาลูกค้าดื่มแล้วไม่มีความสุข ทุกข์เพราะกิน แต่บางคนจิบแล้วยิ้ม ทำให้เพิ่มเสน่ห์ในตัวของเขา ไม่อย่างนั้นคนเราคงจะไม่จีบกันในบาร์หรอก เพราะมันมีเสน่ห์มาก”
9.คุณสมคะเน สิงหา
จาก Mellow สาขา The Balcony
ชื่อค็อกเทล : Culture
“ผมนำวิธีการชงชาของจีนที่ประวัติมากว่า 4,200 ปี มาเป็นไอเดีย และที่เกี่ยวพันกับฮอลลีวู้ด สตาร์ เพราะใช้บลู เลเบิล วิสกี้ระดับสูง เพราะต้นกำเนิดของบลูมาจากการชงชา จึงนำเอาไอเดียมาจากการชงชาของจีน ที่เก่าแก่ที่สุด การใช้อุปกรณ์จากจีนแท้ บลู เลเบิล มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงไม่อยากจะไปเติมอะไรให้กับเขาเพียงแต่จะเตรียมตัวดื่มอย่างไรเท่านั้นเอง
ส่วนประกอบ คือ น้ำฝนจากยอดเขาของเขาค้อ ซึ่งที่ร้านมีจำหน่ายด้วย ใบเตย ผสมตระไคร้ และชาที่ผมชงจากตระไคร้+ใบเตย+น้ำฝน-บลู เลเบิล ซึ่งใบเตยกับตระไคร้สามารถดับกลิ่นดับคาวในปากได้ ทำให้เราสามารถสัมผัสรสชาติอาหารได้ถูกปาก แก้วนี้เหมาะกับการเสิร์ฟ “แองเจลิน่า โจลี” เพราะเธอมาเอเชียบ่อย ใบเตยเขาคงไม่เคยลิ้มรส และอาจจะไม่รู้ถึงคุณประโยชน์ของมัน เธอชอบเอเชีย ค็อกเทลนี้น่าเหมาะกับเธอ ส่วนเสน่ห์ของค็อกเทล ผมชอบตรงที่มีมันส่วนผสมหลากหลาย ตามใจผู้ดื่ม และตามใจผู้มิกซ์ เราสามารถสร้างคาแร็กเตอร์ให้กับแก้วนั้นๆ ได้ตามใจชอบ”
สำหรับผู้ชนะเลิศในการแข่งขัน DIAGEO RESERVE WORLD CLASS Thailand Competition Final round 2012 - Raising the bar. The Art of Service and The Bartender ครั้งนี้ คือ คุณศุภวิชญ์ มุททารัตน์ จากโรงแรม St.Regis ที่สร้างสรรค์ผลงานค็อกเทล “The Striding”
“ผมขอขอบคุณการแข่งขัน World Class ครั้งนี้ที่นอกจากจะได้ความรู้และประสบการณ์มากมาย ยังเป็นการยกระดับอาชีพบาร์เทนเดอร์ของผม เหมือนกับตัวเองได้เลื่อนตำแหน่ง และสำหรับการแข่งขันระดับโลกที่ประเทศบราซิล ในฐานะตัวแทนของประเทศไทยจะตั้งใจทำเต็มที่อย่างดีที่สุดครับ” :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net หรือ App Store ได้แล้วที่ celeb online ipad edition
