“ซัวเถา” เป็นจังหวัดหนึ่งของมณฑลกวางตุ้ง ที่มีชาวจีนแต้จิ๋วพำนักอยู่มากที่สุด มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เกิดภัยธรรมชาติขึ้นทำให้ชาวซัวเถาต้องอพยพย้ายไปตั้งถิ่นฐานยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย
เมื่อเอ่ยถึงอาหารแต้จิ๋วของแท้ต้นตำรับจึงต้องโยงเข้าไปถึงเมืองซัวเถาอันเป็นถิ่นต้นกำเนิด ซัวเถาในอดีตเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ เพราะอยู่ติดทะเล ดังนั้นอาหารหลัก ๆ ของของแต้จิ๋วจึงใช้วัตถุดิบที่มาจากทะเล
แม้เมืองไทยจะมีคนจีนแต้จิ๋วอยู่เยอะแต่อาหารสไตล์แต้จิ๋วจริง ๆ กลับมีน้อย วันนี้เลยขอแนะนำให้ลูกหลานแต้จิ๋วแสดงความกตัญญูพาอากง อาม่า ไปชิมร้านนี้ดูเพื่อหวนรำลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่เมืองจีน
“ร้านอาหารแต้จิ๋ว” ชื่อนี้ตั้งง่าย ๆ และสื่อถึงสไตล์ของร้านโดยไม่ต้องพูดให้เมื่อยปาก เจ้าของร้านนั้นเป็นคนจีนแต้จิ๋วมาจากซัวเถาและเป็นกุ๊กประจำหน้าเตาด้วย จึงรับรองรสชาติของแท้แน่นอน ร้านอาหารแต้จิ๋วอยู่ในตึกแถว 1 คูหาย่านเยาวราช ตรงข้ามโรงแรมเอ็มไพร์ มีโต๊ะเพียงไม่กี่ตัวแต่ขายดีจนต้องเสิรมโต๊ะตามริมฟุตบาท หน้าร้านจะมีอาหารทะเลสด ๆ เป็น ๆ วางอยู่ในถังให้ลูกค้าเลอืกไปประกอบอาหาร มาเริ่มสั่งอาหารกันเลยดีกว่า ขอแนะนำว่าของเด็ดของคนแต้จิ๋วนั้นคือห่านพะโล้ (300/500 บาท) จานนี้รวมทั้งลิ้นและไส้ห่านมาด้วย เรนื้อก็เป็นส่วนน่องสะโพกและหน้าอก ก่อนอื่นขอซดน้ำพะโล้เพื่อพิสูจน์ความหอมกันหน่อย รสชาติหอมกลมกล่อมกำลังดีหมายถึงกลิ่นเครื่องพะโล้ไม่ฉุนกึ๊กจนเสียอารมณ์ ส่วนเนื้อห่านตุฯกำลังเปื่อยดี ที่ชอบคือลิ้นเป็ดนุ่มและไส้เคี้ยวกรุบกรอบกำลังดี กินจานแรกก็ประทับใจแล้ว
หัวปลาเก๋าผัดเต้าซี่ (300/400/500) เต้าซี่เป็นเครื่องปรุงชนิดหนึ่งทำจากถั่วที่นำไปหมักจนเค็ม ตอนเด็ก ๆ ผู้เขียนชอบเรียกไข่ตุ๊กแก รสชาติเค็มๆ ให้กลิ่นหอมไปอีกแบบ เนื้อปลาเก๋าสดมากกัดลงไปจะรู้สึกได้ว่าเนื้อเด้งแน่น ส่วนตรงหัวปลาคงนำไปตุ๋นให้เปื่อยก่อนจะนำไปผัด จานนี้ต้องเป็นคนจีนแท้ ๆ ถึงบอกว่า “ห๋อเจี๊ยะ” แต่อาจจะไม่คุ้นลิ้นคนรุ่นใหม่ ขอแนะนำสั่งเป็นผัดต้นหอมคึ่นช่ายก็อร่อยเช่นกัน
คะน้าทีโป้ว ( 200 บาท ) “ทีโป้ว” คือปลาตาเดียวตากแห้งที่ต้องนำมาจากเมืองจีน นำมาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผัดกับคะน้าฮ่องกง แค่เห็นก็น้ำย่อยเริ่มทำงานทันทีเพราะคนจีนผัดผักใช้ไฟแรงทำให้ผักยังดูเขียวสด ได้ปลาแห้งที่ให้กลิ่นเค็ม ๆ หอม ๆ ทำให้ผักที่คิดว่าจืดนั้นมีรสชาติขึ้นมาทันที
ใบโหระพาผัดหอยกระพง ( 100 บาท) เมนูนี้ผู้เขียนกินมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่เดี๋ยวหากินได้ยากแล้วเพิ่งมาเจอร้านนี้แหละ หอยกระพงเป็นหอยสองกาบตัวเล็กเปลือกบาง ที่บ้านผู้เขียนใช้ผัดกับน้ำพริกเผาแบบไทย ๆ แต่มาลองกินผัดแบบแต้จิ๋วก็อร่อยอีกแบบเพราะผัดแบบไฟแดงน้ำมันหอยใส่พริกและโหระพาดับกลินคาวของหอย กินเมนูนี้ต้องใจเย็นๆ เพราะเนื้อหอยมีน้อยกว่าเปลือกที่ฟูเต็มจาน แต่รสชาติของหอยจะหวานมันดี
ใครที่ยังไม่อิ่มขอแนะนำให้ตบท้ายด้วย “ข้าวต้ม” ซึ่งถือเป็นอาหารจานเด่นของคนแต้จิ๋ว ที่เราเห็นขายข้าวต้มกุ๊ยกันริมถนนนั้นแหล่งกำเนิดจริง ๆ มาจากคนแต้จิ๋ว แต่ข้าวต้มร้านนี้เป็นข่าวต้มเครื่องหมายถึงข้าวต้มที่ใส่เนื้อสัตว์ลงไปแล้วปรุงรสด้วยซีอิ้วและผักต้นหอม คึ่นฉ่ายเพื่อดัดกลิ่นคาว ที่ร้านนี้มี “ข้าวต้มปู” ซึ่งไม่มีอยู่ในเมนู แต่เป็นที่รู้กันของลูกค้าประจำที่เรียกหาก่อนจบอาหารมื้อหนัก
ข้าวต้มปูนั้นใช้ปูทะเลเป็น ๆ ตัวใหญ่มาทำ สนนราคาขึ้นอยู่กับน้ำหนักของปู ถ้าตัวเล็กน้ำหนัก5-6 ขีดราคาตัวละประมาณ 800 บาท ผู้เขียนสั่ง 2 ตัวทำข้าวต้มชามใหญ่ได้ 6 ชาม น้ำซุปตุ๋นมาอย่างเข้มข้นเพราะใส่กังป๋วยตัวโตตุ๋นจนเปื่อยเมื่อใส่ปูลงไปด้วยยิ่งทำให้รสชาติหอมหวานอร่อยจริง ๆ เนื้อปูชิ้นใหญ่ ๆ เฉลี่ยหนึ่งชามจะได้ 2 ชิ้นให้แทะกัน ติอยู่นิดเดียวคือเนื้อข้าวที่นำมาต้มคงต้มนานไปหน่อยเลยทำให้น้ำซุปขุ่น และถ้าใส่ขิงซอยลงไปนิดจะช่วยให้ทั้งกลิ่นและรสชาติโดดเด่นขึ้นมากว่านี้
เมนูซัวเถาแท้ ๆ ยังมีให้อร่อยอีกมากมาย อาทิ เต้าหู้ผัดถั่วลันเตา ปลาฉิขาก ปลาไหลนึ่งซีอิ้ว ปลากิมเล้งผัดเต้าซี่
เห็นเป็นร้านเล็ก ๆ อย่างนี้ แต่ขายดีมาก ๆ เพราะเปิดตั้งแต่ 4 โมงเย็นก็มีลูกค้าเข้ามาแล้วกลุ่มแรกจะเป็นคนจีนแท้ ๆ ประเภทอากง อาม่า อาเสี่ย เจ้าสัว มากินข้าวเย็นกัน พอสักสองทุ่มจะเป็นขาจร หลังสี่ทุ่มจนถึงเที่ยงคืนเป็นลูกค้าที่มางานศพจากวัดแถวนั้นแล้วมาหาอาหารกินกัน เรียกว่าร้านนี้ไม่เคยว่างเลย ดังนั้นก่อนไปคงต้องวางแผนหน่อยก็จะดี
วิธีไปร้านนี้หายากหน่อย ขอให้ตั้งต้นที่วงเวียนโอเดียน อันเป็นสถานที่ตั้งซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ วิ่งมาตามถนนเยาวราชซึ่งเป็นถนนวันเวย์ แค่นิดเดียวก็ถึงสี่แยกเฉลิมบุรี ร้านจะอยู่ทางขวามือตรงหัวมุม โทร.ถามทางได้ที่ 089-059-4076 , 02-221-4242