สยามแก๊สฯ ไม่ห่วงสัญญาณเศรษฐกิจจีนชะลอความร้อนแรง มั่นใจไม่กระทบคลังเก็บแก๊ส 3 แสนตันของบริษัทฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจีน เหตุปริมาณความต้องการใช้แก๊สแอลพีจีในตลาดเอเชียตะวันออกยังเพิ่มขึ้น รับปัจจัยบวกด้านราคาแก๊สแอลพีจียังมีต้นทุนที่ต่ำ เมื่อเทียบกับพลังงานชนิดอื่นๆ เผยการมีคลังที่ใหญ่ทำให้ง่ายต่อการบริหาร ใช้หลักยืดหยุ่นตามความต้องการของลูกค้า และราคาในตลาดโลกที่เคลื่อนไหวขึ้นลง ยังมั่นใจยอดขายปีนี้โตได้ 30% ตามเป้า
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า กรณีที่ข้อมูลตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนที่มีแนวโน้มชะลอความร้อนแรงลงนั้น บริษัทฯ มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบกับธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งได้เข้าไปลงทุนในประเทศจีน เนื่องจากคลังแก๊สแอลพีจี ที่บริษัทฯ ได้เข้าไปดำเนินการลงทุนผ่านบริษัทย่อยในจีน ได้แก่ บริษัทไซโน สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด หรือ SINO SIAM ที่เมืองจูไห่ และบริษัทสยาม โอเชี่ยน แก๊ส แอนด์ เอนเนอยี่ จำกัด หรือ SOGEL ที่เมืองซัวเถา ซึ่งสามารถเก็บแก๊สแอลพีจีรวมกันได้ถึง 300,000 ตันนั้น ไม่ได้รองรับความต้องการในประเทศจีนเป็นหลัก แต่เป็นคลังเก็บแก๊สแอลพีจีที่จะส่งออกไปขายยังประเทศอื่นๆ มากกว่า
“หากคิดเป็นสัดส่วนที่จะขายในจีนจากคลังแอลพีจี 2 แห่งนี้ น่าจะประมาณไม่เกิน 25% เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งยังคงมีปริมาณความต้องการใช้แก๊สแอลพีจีที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง” นางจินตณากล่าว
แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงบ้าง แต่ก็ยังมีอัตราการเติบโตที่สูง และน่าจะเป็นผู้นำเศรษฐกิจของโลกต่อไปอีกหลายปี เราจึงเชื่อมั่นว่า การลงทุนในประเทศจีนนั้นเป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ส่วนความต้องการใช้แก๊สแอลพีจีนั้นไม่ลดน้อยลงแน่ๆ เนื่องจากต้นทุนในการใช้แอลพีจียังถือเป็นพลังงานที่มีต้นทุนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับพลังงานชนิดอื่นๆ จึงถูกนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทนการใช้พลังงานชนิดอื่นเพิ่มมากขึ้น
นางจินตณา กล่าวอีกว่า การบริหารคลังแก๊สแอลพีจีในประเทศจีนนั้น บริษัทฯ ได้ยึดหลักความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ ที่คำนึงถึงแนวโน้มราคาแก๊สแอลพีจีในตลาดโลกเป็นหลัก เพราะเราเข้าใจดีถึงการเคลื่อนไหวขึ้นลงตามฤดูกาลของราคาแก๊สแอลพีจีในตลาดโลก แต่อาจมีความไม่แน่นอนในบางครั้ง ดังนั้น หากราคาแก๊สแอลพีจีในตลาดโลกปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเรามองว่าน่าจะมีการพักตัว บริษัทฯ ก็จะไม่ซื้อแก๊สแอลพีจีเข้ามาเก็บไว้มากเกินไป จะรอให้ราคาปรับตัวลดลงก่อนจึงเข้าซื้อ เพื่อรักษาประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ถือหุ้น
“เรามีการบริหารสต๊อกแก๊สแอลพีจีในคลังให้เหมาะสมกับแนวโน้มของราคาและปริมาณความต้องการใช้ของลูกค้าจริงๆ ซึ่งเราจะตรวจสอบอยู่ตลอดเวลาว่า ว่าแก๊สที่เก็บไว้ในคลังสามารถส่งมอบให้ลูกค้าได้อีกนานแค่ไหน โดยเราจะไม่ยอมเสียโอกาสในการขาย แต่ก็จะไม่ละเลยกับการประเมินทิศทางราคา เพื่อสร้างผลกำไรที่ดีที่สุด” นางจินตณา กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานปีนี้ บริษัทฯ ยังมั่นใจว่า ภาพรวมของธุรกิจยังมีอัตราการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยปีนี้ได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโต 30% หรือคิดเป็นรายได้กว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยการเติบโตหลักมาจากการธุรกิจแก๊สแอลพีจีในตลาดต่างประเทศ คิดเป็น 60% ของสัดส่วนรายได้ทั้งหมดในปีนี้
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า กรณีที่ข้อมูลตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนที่มีแนวโน้มชะลอความร้อนแรงลงนั้น บริษัทฯ มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบกับธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งได้เข้าไปลงทุนในประเทศจีน เนื่องจากคลังแก๊สแอลพีจี ที่บริษัทฯ ได้เข้าไปดำเนินการลงทุนผ่านบริษัทย่อยในจีน ได้แก่ บริษัทไซโน สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด หรือ SINO SIAM ที่เมืองจูไห่ และบริษัทสยาม โอเชี่ยน แก๊ส แอนด์ เอนเนอยี่ จำกัด หรือ SOGEL ที่เมืองซัวเถา ซึ่งสามารถเก็บแก๊สแอลพีจีรวมกันได้ถึง 300,000 ตันนั้น ไม่ได้รองรับความต้องการในประเทศจีนเป็นหลัก แต่เป็นคลังเก็บแก๊สแอลพีจีที่จะส่งออกไปขายยังประเทศอื่นๆ มากกว่า
“หากคิดเป็นสัดส่วนที่จะขายในจีนจากคลังแอลพีจี 2 แห่งนี้ น่าจะประมาณไม่เกิน 25% เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งยังคงมีปริมาณความต้องการใช้แก๊สแอลพีจีที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง” นางจินตณากล่าว
แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงบ้าง แต่ก็ยังมีอัตราการเติบโตที่สูง และน่าจะเป็นผู้นำเศรษฐกิจของโลกต่อไปอีกหลายปี เราจึงเชื่อมั่นว่า การลงทุนในประเทศจีนนั้นเป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ส่วนความต้องการใช้แก๊สแอลพีจีนั้นไม่ลดน้อยลงแน่ๆ เนื่องจากต้นทุนในการใช้แอลพีจียังถือเป็นพลังงานที่มีต้นทุนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับพลังงานชนิดอื่นๆ จึงถูกนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทนการใช้พลังงานชนิดอื่นเพิ่มมากขึ้น
นางจินตณา กล่าวอีกว่า การบริหารคลังแก๊สแอลพีจีในประเทศจีนนั้น บริษัทฯ ได้ยึดหลักความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ ที่คำนึงถึงแนวโน้มราคาแก๊สแอลพีจีในตลาดโลกเป็นหลัก เพราะเราเข้าใจดีถึงการเคลื่อนไหวขึ้นลงตามฤดูกาลของราคาแก๊สแอลพีจีในตลาดโลก แต่อาจมีความไม่แน่นอนในบางครั้ง ดังนั้น หากราคาแก๊สแอลพีจีในตลาดโลกปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเรามองว่าน่าจะมีการพักตัว บริษัทฯ ก็จะไม่ซื้อแก๊สแอลพีจีเข้ามาเก็บไว้มากเกินไป จะรอให้ราคาปรับตัวลดลงก่อนจึงเข้าซื้อ เพื่อรักษาประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ถือหุ้น
“เรามีการบริหารสต๊อกแก๊สแอลพีจีในคลังให้เหมาะสมกับแนวโน้มของราคาและปริมาณความต้องการใช้ของลูกค้าจริงๆ ซึ่งเราจะตรวจสอบอยู่ตลอดเวลาว่า ว่าแก๊สที่เก็บไว้ในคลังสามารถส่งมอบให้ลูกค้าได้อีกนานแค่ไหน โดยเราจะไม่ยอมเสียโอกาสในการขาย แต่ก็จะไม่ละเลยกับการประเมินทิศทางราคา เพื่อสร้างผลกำไรที่ดีที่สุด” นางจินตณา กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานปีนี้ บริษัทฯ ยังมั่นใจว่า ภาพรวมของธุรกิจยังมีอัตราการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยปีนี้ได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโต 30% หรือคิดเป็นรายได้กว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยการเติบโตหลักมาจากการธุรกิจแก๊สแอลพีจีในตลาดต่างประเทศ คิดเป็น 60% ของสัดส่วนรายได้ทั้งหมดในปีนี้
