ร้าน Pizzazo Bistro เป็นร้านเปิดใหม่เมื่อกลางปีนี้เอง เห็นชื่อก็คงเดาถูกว่า ร้านนี้มีดีเรื่องทำ “พิซซ่า” ซึ่งใครที่ชอบกินพิซซ่านั้น ขอแนะนำให้ไปลิ้มลองร้านนี้ดู แล้วจะติดใจแป้งบางกรอบ การันตีได้จากลูกค้าฝรั่งแต่ละคนต้องสั่งมาลิ้มลองกันคนละถาด ก่อนจะสั่งเมนูอื่นตามมา
ความอร่อยของพิซซ่าร้านนี้ ได้สูตรลับมาจากชาวอิตาเลียน ซึ่งทำพิซซ่าขายอยู่ที่ เมืองนาโปลี ประเทศอิตาลี ซึ่งถือเป็นเมืองต้นกำเนิดของพิซซ่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน จุดเด่นคือ แป้งพิซซ่าที่บางกรอบ กัดลงไปจะรู้สึกได้ถึงความกรอบนุ่มกำลังดี กลิ่นหอมของแป้งสดให้รสชาติที่กลมกล่อม พิซซ่าเจ้านี้มีให้เลือกเพียงขนาดเดียวคือ ใหญ่ยักษ์ 13 นิ้ว แถมเชฟมือหนักใส่เครื่องมาเต็มพิกัด แค่เห็นก็น้ำลายสอแล้ว
อีกอย่างที่จะโดนใจคนรักพิซซ่าคือ มีให้เลือกอร่อยถึง 18 หน้า เรียกว่ามากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย สำหรับคนรักพิซซ่าแล้ว คงหาประสบการณ์ความอร่อยได้อย่างไม่รู้เบื่อ โดยหน้ายอดฮิตที่ลูกค้าฝรั่งชอบสั่งคือ Margherita (220 บาท) ซึ่งเป็นสูตรอร่อยดั้งเดิมของเมืองนาโปลี มีส่วนผสมของซอสมะเขือเทศ ซึ่งเคี่ยวจากมะเขือเทศสดๆ จึงได้ความหอมและรสชาติเข้มข้นอร่อยกว่ามะเขือเทศกระป๋อง ที่สำคัญคือ ต้องขูดมอสซาเรลลาชีส หรือชีสที่ทำจากนมควาย ให้ความตึ๋งหนืดเวลาดึงพิซซ่าออกมาจากถาด โรยด้วยเบซิลและน้ำมันมะกอกอย่างดี
หน้าที่แปลกและน่าจะถูกปากคนไทยคือ Nero Nera (420 บาท) ที่ใช้ซอสที่ทำจากหมึกดำของปลาหมึก ซึ่งปกติจะใช้ทำเป็นซอสผัดในสปาเก็ตตี้ ซอสหมึกดำนี้ตอนออกมาใหม่ๆ คนไทยชอบมาก ก๊วนไหนกินแล้วก็ต้องขำกลิ้งกันทั้งวง เพราะบรรดาเพื่อนๆ เวลายิ้มแล้วฟันดำกันหมดทุกคน
Nero Nera เป็นหน้าซีฟู้ดที่ใส่ทั้ง กุ้งลายเสือ ปลาหมึก กระเทียม พาสลีย์ และหยอดไวน์ขาวลงไปด้วย ช่วยให้กลิ่นของซีฟู้ดหอมละมุนรสหวานยิ่งขึ้น
Salmone Affumicato (490 บาท) ถาดนี้น่ากินมาก ใช้แซลมอนรมควันชิ้นโตๆ โปะมาด้านบนกินแล้วคุ้มกับราคา นอกจากจะใส่ซอสมะเขือเทศแล้ว ยังมีครีมซอส มาสคาโปน หอมแดง เพิ่มรสชาติให้กับพิซซ่าถาดนี้อร่อยจนเพื่อนๆ ที่มากินด้วยต้องออกปากชม
ความจริงผู้เขียนอยากจะลิ้มลองอีกหน้าคือ Napoletana (280 บาท) หรือพิซซ่าหน้าแองโชวีย์ (ปลาเค็ม) ของโปรด แต่กลัวอิ่มเกินไปจึงไม่ได้สั่งมากิน พิซซ่าถาดหนึ่งสามารถสั่งได้ 1-2 หน้า ถ้าไม่จุใจสามารถเพิ่ม topping เป็นเนื้อหรือชีสในราคา 100 บาท หรือเพิ่มผักในราคา 70 บาท
ร้านนี้ไม่เพียงมีดีที่พิซซ่าเท่านั้น เพราะเชฟหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่ผ่านประสบการณ์ร้านระดับมิชลินมาแล้ว ยังมีทีเด็ดอีกหลายเมนู เช่น ซุปที่มีให้เลือก 3 เมนูคือ ผู้เขียนเลือกสั่งเมนูที่สามคือ Crustacean Bisque Soup หรือเป็นซุปกุ้งที่หอมและเข้มข้นกลมกล่อมมาก เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปังหั่นเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋าอบจนกรอบ ตัวซุปเข้มข้นหอมอร่อย
อีกจานที่อร่อยและขอแนะนำให้สั่งมาลองกินคือ Fried Calamari เป็นอาหารกินเล่นยอดนิยมของอิตาลี คือปลาหมึกหั่นเป็นวงๆ คลุกกับแป้งและผักชีลาว นำไปทอดจนเหลืองกรอบนุ่ม จิ้มกับครีมซอสผสมด้วยกระเทียมและสมุนไพรฝรั่งสดๆ สับละเอียด รสชาติเปรี้ยวนิดๆ กลิ่นหอมของกระเทียม จะมาช่วยชูรสชาติของปลาหมึกให้โดดเด่นขึ้น จานนี้สั่งมากินเล่นเพลินๆ แต่หมดก่อนจานอื่นๆ
ใครที่อยากกินเร็ว สำหรับมื้อกลางวันก็มีให้เลือก 2 เซ็ตเมนูด้วยกัน ในราคา 450 บาท 3 คอร์ส (รวมชา/กาแฟ) หรือ 750บาท 3 คอร์ส
บรรยากาศของร้านก็น่านั่งมาก เพราะเป็นบ้านเก่าสีขาวหลังใหญ่อยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ดูโปร่งโล่งร่มครึ้มสบายจนลืมไปเลยว่า นั่งกินข้าวอยู่ย่านสุขุมวิทที่จอแจที่สุดในกรุงเทพฯ
ร้านPizzazo เปิดบริการ11.30-14.00 น. และ 18.00-22.00 น. ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 16 อยู่ตรงข้ามเมย์แฟร์ อพาร์ตเม้นท์ ส่วนพิซซ่านั้นมีบริการเดลิเวอรี่ด้วย โทร.สั่งที่ 0-2259-1234 ( อังคาร-อาทิตย์ 11.00- 22.00น.)
Text by ปราณ ชีวิน
Photo by วรงค์กรณ์ ดินไทย
>> อัปเดตข่าวในแวดวง สังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม ศิลปะ และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net