xs
xsm
sm
md
lg

“แม่ชีศันสนีย์” ให้พรแนวคิด ..ก้าวข้ามอุทกภัยร้าย เข้าสู่ปี 2012 อย่างมีสติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในปลายปี 2011 ที่เพิ่งผ่านพ้น หลายคนเผชิญกับอุทกภัยอันใหญ่หลวงยังไม่คลายความโศก ยังมาได้ข่าวคราวน่าสะพรึง เรื่องคำทำนายโลกแตกในปี 2012 เสียอีก !! ความเศร้า เคล้าความกลัว ที่สั่งสมอยู่ในจิตใจลึกๆ อาจทำให้หลายคนเป็นกังวล พร้อมอยากได้แนวคิด ทางออกปรับจิตปรับใจ เพื่อต้อนรับปีใหม่แบบไม่เป็นทุกข์

เมื่อเป็นเช่นนี้ สถานที่ซึ่งเราเดินทางมาหาช่องทางคลายความกังวลใจให้คุณๆ จึงมิใช่อื่นไกล หากคือ “เสถียรธรรมสถาน” สถานปฏิบัติธรรมที่แสนร่มรื่น ซึ่งตั้งตระหง่าน อยู่ใจกลางเมืองกรุงฯ อันวุ่นวาย

ณ ที่นี่ ผู้ที่จะมาให้คำตอบ พร้อมชี้แนะแนวทางให้แก่เราคือ “แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต”

“เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นมันคงทำให้เราเสียใจหล่ะ ปฏิเสธไม่ได้ เพียงแต่อย่าให้ใจเสียนาน ไม่อย่างนั้นเราจะจมอยู่กับความเดียวดาย เราต้องอยู่กับปัจจุบัน ให้ตัวเองรู้ตื่น เมื่อรู้ว่าเสียใจ ก็ทำให้มันเหมือนสายฟ้าแลบ นั่นคือ เมื่อเราเห็นความเสียใจ ก็ให้มันเกิดดับอย่างฉับพลันแล้วหายไป เราจะกลายเป็นคนที่มีพลัง ทั้งๆ ที่มีความสูญเสีย แต่มันไม่เสียดุลทางจิตวิญญาณ” คำตอบแรกที่แม่ชีศันสนีย์ อธิบายให้เราได้ฟัง ว่าจะต้องจัดการกับความเสียใจทุกข์ใจเกี่ยวกับเรื่องอุทกภัยในปีที่ผ่านมาอย่างไรดี

“สติ” อาวุธสู้มวลน้ำ และความกลัว

แม่ชีศันสนีย์ ซึ่งถือเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับผลพวงจากอุทกภัย (เสถียรธรรมสถาน ในซอยวัชรพลแห่งนี้ก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน) กล่าวต่อว่า อุทกภัยที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้หลายคนเกิดความกังวล รวมถึงกลัวว่าจะเกิดอุทกภัยซ้ำในปี 2554 บ้างเข้ามาซักถาม บ้างเข้ามาขอกำลังใจ ว่าจะทำอย่างไรถึงจะเลิกกลัว และมีพลังชีวิตสู้ความหวั่นวิตกนี้ได้ ? คุณแม่ท่านก็มักจะตอบกลับไปว่า 'ไม่ต้องรอกำลังใจจากใคร แต่ให้ใช้สติสร้างกำลังใจ และความเข้มแข็งให้ตัวเอง'

“กำลังใจที่จะรอให้คนอื่นให้ มันไม่สามารถที่จะช่วยเราได้หรอก แต่กำลังใจที่เกิดจากการที่เรารู้จักการเจริญสติ รู้จักอารักขากาย อารักขาใจ ได้อย่างต่อเนื่องอยู่เป็นเนืองนิจนั่นแหละ มันถึงจะทำให้เรามีใจของเราเองเป็นที่พึ่ง คุณลองหายใจลึกๆ แล้วถามตัวเองดูสิว่าชีวิตคุณมีอยู่จริงมั้ย มีตอนไหน ถ้าลมหายใจคุณมีสติสักหน่อย คุณก็จะรู้ว่าที่นี่แหละ ปัจจุบันนี้แหละ คือปัจจุบันขณะที่คุณยังมีชีวิตอยู่ แต่หากคุณขาดสติในปัจจุบันขณะ มันจะเป็นเรื่องที่น่าห่วงที่สุด เพราะคุณจะมัวแต่ไปคิดถึงเรื่องอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรือมัวแต่ระแวงถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง”

“คนขาดสติก็คือคนที่ตายทั้งเป็น ถ้าน้ำท่วมไม่ขาดสติ ก็ยังอยู่กับน้ำแบบท่วมกายไม่ท่วมใจ ก็ยังรอดได้ แต่คนที่ขาดสติ มันเข้าตำราว่า อยู่ในที่ดอนที่แห้ง แต่ใจจม อย่างนั้นมันน่ากลัวมากกว่าน้ำท่วมเสียอีก เพราะคุณจะจมอยู่กับความกลัว ความหวาดระแวง จนชีวิตไม่มีพลังเลย ฉะนั้นเราควรมีสติอยู่อย่างต่อเนื่อง ลมหายใจต่อลมหายใจ ใช้สติ อารักขากาย อารักขาใจ คุณก็จะกลายเป็นมนุษย์ที่มีพลังใจ”
โลกจะแตกหรือไม่ อยู่ที่ ใจของคุณ !

“พวกเรา อยู่ในชุมชนที่มีเรื่องของความมีสตินี้ เป็นลมหายใจอยู่แล้ว แต่เรากลับมีความหวาดระแวงกับอนาคต พอมีคนบอกว่าปี 2012 โลกจะแตก บางคนใจแตกไปแล้ว ไอ้โลกข้างนอกแตกหรือไม่ยังไม่รู้เลย แต่ใจแตกไปก่อนแล้ว เมื่อมีความกลัวขึ้นมา เราก็รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยแล้ว...เห็นหรือยังว่าโลกข้างในตัวเราสำคัญกว่า โลกข้างนอกเสียอีก”

“ถ้าหายใจลึกๆ มีสติคิด เราจะรู้ว่า จริงๆ แล้วไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับความคิดผิดของเราในปัจจุบันขณะ สิ่งที่เรากลัวนั้น เรากลัวด้วยการปรุงแต่งจิตตัวเอง ความกลัวไม่ได้มาจากโลกแตก แต่มาจากความคิดของเราเอง ฉะนั้นเราลองมาใช้ปัจจุบันขณะให้ มันเคลื่อนไปสู่ปีที่จะถูกเรียกโดยสมมุติว่า 'ปีใหม่' อย่างมีใจที่รู้ตื่นและเบิกบานดีกว่ามั้ย มาเป็นการเดินทางไปสู่ปีใหม่ ด้วยกันอย่างมีสติ เพราะหากไม่มีสติเราก็จะต้องอยู่ในโลกที่มีแต่ความหวาดระแวง ระแวงตัวเอง ระแวงคนที่ตัวเองรัก ระแวงไปหมด”
เตือนสติ !! หนุ่ม-สาว นักเที่ยว ออกเปรี้ยวเคาท์ดาวน์

หลังพูดถึงคนในกลุ่มที่ยังครุ่นคิด ติดใจกับปัญหาอุทกภัยเก่า และหวาดกลัวเรื่องโลกแตกไปแล้ว คุณแม่ชีศันสนีย์ ไม่ลืมที่จะแสดงทัศนะถึงผู้คนอีกกลุ่ม ที่ละทิ้งความทุกข์ได้รวดเร็ว เตรียมแต่งตัวสวย แต่งหล่อ ออกไปดื่มด่ำ สุขสำราญเคาท์ดาวน์ (countdown) ต้อนรับปีใหม่มาด้วย

“มันก็เป็นธรรมชาติของคนในโลกนี้ ที่เขาจะเลือกทำบางสิ่งบางอย่างที่เขารู้สึกว่ามันคือความสนุก แต่ถ้าวันหนึ่งเขารู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่เขาทำอยู่ เขาก็จะหยุดแล้วดูเองนั่นแหละ ความชอบออกไปสังสรรค์แบบนั้นเราก็แทบจะผ่านมาทุกคน ตัวแม่เองก็เคยผ่านมา แต่เมื่อเรามาเริ่มต้นเคลื่อนชีวิตของเราอย่างมีสตินั่นแหละ เราถึงจะรู้ได้เองว่า สิ่งที่เราทำอยู่ในเวลานั้น มันคือการที่เราไม่มีหางเสือของชีวิต มันเป็นความสนุกแค่สั้นๆ เท่านั้น

แม่ไม่ได้บอกว่าเขาไม่ดี แต่แม่คิดว่า มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ที่เขาจะต้องเรียนรู้ทุกข์โทษ ของมันเอง เมื่อเขาเรียนรู้แล้ว เขาก็จะหยุดทบทวน …. ปฏิกูล อาจจะทำให้คนเติบโตก็ได้ ดังนั้นแม่ให้กำลังใจดีกว่า แม่ไม่มองว่าถูกหรือผิด ชีวิตนี้มันไม่ใช่เรื่องถูกผิด มันเป็นเรื่องทุกข์ กับพ้นทุกข์ ถ้าเขายังอยู่อย่างนั้นแล้วเขาทุกข์อยู่ วันนึงถ้าเขาเริ่มเห็นว่ามันคือความทุกข์ เขาก็จะเห็นทาง ซึ่งเรา (เสถียรธรรมสถาน) ก็เพียงหุงข้าวรอไว้ เมื่อเขาหิวเมื่อไหร่เขาก็จะมากินเอง แต่ถ้าเขายังไม่หิว จะไปยัดเยียดให้เขากินก็คงไม่ได้”

*ชวนมาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ตามวิถีชาวพุทธ

เนื่องด้วยเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้เข้ามาทุกที เสถียรธรรมสถาน สถานที่หนึ่งซึ่งทราบกันดีว่า พร้อมจะเป็นที่พักพิงทางธรรมให้แก่ผู้คนทั่วไป ให้ได้ทำจิตสงบ สร้างเสริมสติ ก็เตรียมจัดงานบุญ ให้คุณๆ ได้ร่วมบำเพ็ญกุศลด้วยการจัดสวดมนต์ข้ามปี

“แม่อยากจะชวนให้เรามาใช้ชีวิตอย่างมีพลัง พลังที่เปล่งออกมาเป็นสัมมาวาจา นั่นคือ 'เสียงสวดมนต์' เวลาที่เราเปล่งเสียงสวดมนต์ เสียงที่เป็นกุศลอย่างนี้ จะทำให้น้ำในตัวเราเรียงโมเลกุล เป็นน้ำที่มีผลึกใส ผิวเราจะใส ใจสว่าง เรียกได้ว่าผิวเปล่งปลั่งโดยไม่ต้องแต่งแต้มเมกอัพ (Makeup) เลย เพราะมันเป็นความงามที่ออกมาจากใจ ฉะนั้นมาลองสวดมนต์ข้ามคืนกันมั้ย แล้วถ้าติดใจก็สวดทุกคืนไปเลย เสียงสวดมนต์เป็นเสียงที่มีสัมมาวาจา ในขณะที่หากเรามีความเข้าใจในบทสวดมนต์นั้น มันก็เป็นการสร้างปัญญาให้แก่เราด้วย

ในเชิงวิทยาศาสตร์ เสียงสวดมนต์ถือว่ามีอิทธิพลต่อโลก เพราะมันเป็นเสียงของสัมมาวาจา ถ้าอยากให้โลกผาสุกและงดงาม ก็สวดมนต์ และหากเราสวดมนต์พร้อมเพรียงกันในจำนวนมากๆ มีงานวิจัยเลยว่า อาชญากรรมจะน้อยลง คนคดโกงก็จะน้อยลง ภัยต่างๆ ก็จะน้อยลง

สำหรับการสวดมนต์ข้ามปีที่เสถียรธรรมสถานนั้น เราจะมาอยู่กันตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 31 ธ.ค. กระทั่งเวลา 23.00 น. เราก็จะเริ่มสวดมนต์กัน จนข้ามผ่านเข้าสู่ปีใหม่ และอีกกิจกรรมที่สำคัญคือ แม่จะอัญเชิญ พระอารยตารามหาโพธิสัตว์ ที่ถูกฝังดินอยู่ 2000 ปี เพิ่งขุดขึ้นมาจากประเทศทิเบตเมื่อไม่นานมานี้ พระองค์เป็นผู้หญิงที่งดงาม ที่ตั้งใจที่จะช่วยทุกคนที่กำลังทุกข์ให้รอดพ้นจากความทุกข์ ในวันที่ 31 ธ.ค. นี้ แม่จะอัญเชิญท่านลงมาให้ผู้ที่มาร่วมสวดมนต์ได้สักการะขอพรท่าน”

หลายคนยินนามว่า “พระอารยตารามหาโพธิสัตว์” แล้วอาจแปลกใจ ด้วยเพราะชาวไทยอาจไม่คุ้นหูกันนัก แม่ชีผู้ก่อตั้งเสถียรธรรมสถาน จึงขยายความให้ฟังว่า

“ตามความเชื่อในนิกายวชิรญาณนั้น พระอารยตารามหาโพธิสัตว์ หรือที่ชาวต่างชาติมักรู้จักกันในพระนามว่า 'องค์กรีนธารา' ทรงกำเนิดจากน้ำพระเนตรของพระอวโลกิเตศวร เมื่อคราวที่พระองค์ทรงพระกันแสงขณะทอดพระเนตรเห็นสรรพสัตว์ตกอยู่ในทุกขเวทนา เมื่อน้ำพระเนตรไหลลงได้มีดอกบัวดอกหนึ่ง ผุดขึ้นจากน้ำพระเนตร เมื่อดอกบัวนั้นบานออก องค์กรีนธารา ก็ทรงปรากฏพระวรกายขึ้น พร้อมตรัสแก่พระอวโลกิเตศวรว่า จะทรงเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะช่วยพระอวโลกิเตศวร นำพาสรรพสัตว์ให้ข้ามทะเลวัฎสงสารไปยังอีกฟากฝั่งแห่งปัญญา หากสัตว์ทั้งหลายยังไม่หลุดพ้น พระองค์ก็จะยังคงอยู่ในสังสารวัฏเพื่อช่วยเหลือมวลมนุษยชาติต่อไป ฉะนั้นองค์กรีนธารา จึงทรงถือเป็นแรงบันดาลใจ ให้แก่ผู้หญิงทุกคนได้เกิดศรัทธา ในการปฏิบัติเพื่อหนทางแห่งการบรรลุธรรม และทรงพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกสรรพสัตว์ในโลก”

หากใครอยากเริ่มต้นปีด้วยสติ ตามแนวทางพุทธศาสนา แถมยังได้สักการะองค์กรีนธารา ที่เป็นที่รู้จักของชาวพุทธนิกายวชิรญาณทั่วโลก แต่หาได้ยากในเมืองไทยแล้วล่ะก็ แม่ชีศันสนีย์ ท่านย้ำเลยว่า เสถียรธรรมสถานพร้อมต้อนรับทุกท่านด้วยความยินดียิ่ง ทว่าหากไม่สะดวก....

ขอแค่เพียงฝึกจิต บริหารใจ ให้มี “สติ” อยู่ทุกขณะ ก็ถือว่าคุณได้เริ่มต้นปีใหม่แบบสดใส จะทำการสิ่งใดก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ ^_^

เรื่องโดย Lady Manager
ภาพโดย อร่าม ทรงสวยรูป

>>
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net
กำลังโหลดความคิดเห็น