>>“ปารีส” ทำไมดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อก่อน ที่บรรยากาศดูคึกคักสนุกสนาน แต่วันนี้ผู้คนกลับดูใช้ชีวิตอย่างไร้จิตวิญญาณ และดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดไปวันๆ เหมือนรอคอยวันประทุแตกอีกครั้ง
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า หลายประเทศในแถบยุโรป จากประเทศที่เคยเต็มไปด้วยสีสันและพลังที่แผ่รัศมีออกมา จากวิถีการดำเนินชีวิต ที่ชีวิตเต็มไปด้วยความรุ่มรวย แต่วันนี้หลายประเทศในยุโรป ผู้คนดูแร้นแค้นมากขึ้น ราวกับถึงยุคข้าวยากหมากแพง การดำรงชีพต้องอยู่อย่างจำกัด และต้องประหยัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จากประเทศที่เคยรุ่งเรืองในอดีต เชื่อว่ามาวันนี้หลายประเทศในแถบยุโรป กำลังถึงจุดเปลี่ยน เกิดวิกฤตทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่ผู้คนเคยใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย หรูหรา แต่มาวันนี้ต้องใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้น และสังคมรอบด้านดูไม่ค่อยปลอดภัย ผู้คนใช้ชีวิตเสมือนซึ่งไร้จิตวิญญาณ
โดยเฉพาะเมื่อโฟกัสไปที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันทั้งสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ดูเสื่อมลงไปอย่างน่าใจหาย ซึ่งผมได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากเพื่อนชาวฝรั่งเศสหลายๆ คน ที่เล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนการอาศัยในบ้านอย่างสุขสบาย แต่ปัจจุบันจากเมืองที่เคยปลอดภัย และใช้ชีวิตอย่างลืมอดีต กลับต้องระแวดระวังภัยจากโจร ขโมย ที่มีมากมายแทบทุกหัวละแหง หลายบ้านถูกงัดแงะ โดนโจรยกเค้า ขนทรัพย์สินค้าเงินทองไปไม่เหลือหรอ หรือหายแม้กระทั่งการวางของเล็กๆ น้อยๆ ที่วางไว้หน้าบ้าน ทุกอย่างก็หายเรียบภายในพริบตา ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าแตะหรือรถเข็นเด็กก็ตาม
บ้านเพื่อนผมตอนนี้จึงต้องหันมาใส่ใจเรื่องความปลอดภัย ทั้งในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น บานหน้าต่างที่เคยเปิดรับอากาศภายนอกสุดโรแมนติก ก็ต้องถูกปิดอย่างแน่นหนา หรือต้องใส่เหล็กดัด เพื่อป้องกันโจรขโมยหลายรูปที่พยายามเปลี่ยนวิธีการลักเล็กขโมยน้อยไปเรื่อยๆ พอไปแจ้งความกับหน่วยงานด้านความปลอดภัย ก็ได้แต่คำตอบว่า “กำลังติดตามผู้กระทำความผิดอยู่” แต่พอเวลาล่วงเลยเรื่องราวต่างๆ ก็ค่อยๆ เงียบหายไป
ด้านเศรษฐกิจในกรุงปารีสตอนนี้กำลังได้ผลกระทบอย่างหนัก จากวิกฤตซัพไพรม์ที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา จนกลายเป็นลูกโซ่ลุกลามมาสู่ยุโรป บวกกับการประทุของเศรษฐกิจในประเทศแถบยุโรปเอง ทั้งสเปน อิตาลี และล่าสุดคือ กรีซ ที่กำลังเผชิญกับอิทธิพลดังกล่าว
ในตัวเมืองปารีสเอง ถนนเกือบทุกสายเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างถิ่น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่แห่แหนมาสัมผัสความเป็นอดีตแห่งความรุ่งโรจน์ในประวัติศาสตร์อันเกรียงไกร แต่สิ่งที่มาพร้อมกันก็คือ พวกเหล่ายิปซีที่แฝงมากับนักท่องเที่ยว ลักเล็กขโมยน้อย ลูดทรัพย์บ้าง กรีดกระเป๋าบ้าง หรือหลอกล่อให้มาซื้อของไร้คุณภาพ ดังนั้น เวลาเราจะเดินไปตรอกซอกซอยไหนก็ต้องระมัดระวังทุกฝีก้าว ถ้ามีกระเป๋าหรือถุงต่างๆ ก็ต้องหันมาไว้ข้างหน้า ดังนั้น เวลาเดินทางไปทางไหนก็จะเห็นผู้คนเดินหนีบกระเป๋าอย่างแนบแน่น ซึ่งต่างจากแต่ก่อนที่มีใครใช้กระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อรุ่นใหม่ล่าสุดก็ต้องถืออวดกันอย่าได้แคร์
ห้างแกลลอรี ลา ฟาแยตต์ และแพรงตองส์ วันนี้ก็เต็มไปด้วยเศรษฐีทัวร์จีน ที่ยืนต่อแถวเข้าคิวกันยาวเหยียด เพื่อซื้อสินค้าแบรนด์เนม ไม่ว่าจะเป็นร้านหลุยส์ วิตตอง ชาแนล กุชชี หรือว่าดิออร์ แทบจะไร้ซึ่งนักชอปเจ้าบ้านหรือเศรษฐีประเทศแถบนั้น ซึ่งนี่สะท้อนได้เป็นอย่างดีว่าปารีสวันนี้ถึงจุดวิกฤต ผู้คนต้องใช้สอยอย่างประหยัด แต่เศรษฐีใหม่กับไปโผ่อยู่ที่ประเทศจีนเพื่อนบ้านของเรานั่นเอง เวลาคนจีนซื้อของทีผู้คนที่อาศัยอยู่ในปารีสก็ต้องมองตาปิบๆ ว่าทัวร์จีนเหล่านี้ขนเงินจากไหนมาซื้อของกันเป็นว่าเล่น
การเดินทางภายในเมืองด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือรถเมล ภาพที่เห็นในวันนี้ก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อก่อน เพราะสิ่งที่ปรากฎในวันนี้คือ ความเสื่อมของผู้คนที่ใช้รถขนส่งอย่างไม่ทะนุทนอม และไร้ซึ่งระเบียบวินัย สภาพตัวรถเก่า ภายในเต็มไปด้วยเศษขยะ หรือคลาบสิ่งสกปรก เพราะผู้โดยสารใช้ของเสร็จแล้วก็ไม่ทิ้งให้เป็นระเบียบ เรียกว่าใครอยากทิ้งอะไรก็ทิ้ง ใครอยากทำอะไรก็ตาม ใครอยากกินอะไรก็กิน จนแทบไม่หลงเหลือภาพประเทศที่เคยรุ่งเรืองมาก่อน
และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ เมื่อเวลาเจ้าบ้านเห็นนักท่องเที่ยวถือถุงชอปปิ้ง หรือถือกระเป๋าแบรนด์เนม ก็มองราวกับคิดหาวิธีปล้นอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ผมไม่กล้าสบตาเลยแม้แต่คนเดียว แต่เดชะบุญที่ไม่เหมือนประเทศอินเดีย คือ เมื่อสบตาใครแล้ว คนนั้นจะต้องเข้ามาเสนอขายแพ็กเกจต่างๆ นานา หรือคิดหาวิธีทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ได้ทรัพย์สินค้าเงินทองจากเรา
เพื่อนชาวฝรั่งเศสเล่าว่า สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันประชาชนหาเงินได้ยากขึ้น จะคิดทำอะไรก็ต้องเสี่ยงต่อการขาดทุน หรือปิดกิจการ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ขายได้ แต่เดี๋ยวนี้ประชาชนหลายคน ก่อนที่จะควักเงินออกจากกระเป๋าจะต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนว่า คุณภาพหรือความจำเป็นคุ้มกับสิ่งที่ได้กลับมาหรือไม่ ยิ่งเรื่องการท่องเที่ยวด้วยแล้ว พอลางานได้ก็เดินทางออกนอกประเทศเลย เพื่อไปใช้ชีวิตในเมืองที่ค่าครองชีพต่ำ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ชาวฝรั่งเศสเลือกมาเยือนเป็นประเทศแรก เพราะมีทุกอย่างที่เขาต้องการในราคาถูกกว่าหลายเท่า
สำหรับเรื่องการเมืองในฝรั่งเศสตอนนี้ ภาพที่เราเห็นตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับรัฐบาลของ “มร.นิโคลาส์ ซาร์โกซี” ดูจะหนักแน่น สวยหรู แต่ในความเป็นจริงประชาชนชาวฝรั่งเศสหัวอนุรักษ์กลับกำลังอึกอัดกับสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำอยู่ (ซึ่งก็ไม่ต่างกับรัฐบาลของไทยชุดปัจจุบัน) เพราะรับไม่ได้กับการใส่สีตีข่าว หรือหมกเม็ดหลายสิ่งเอาไว้มากมาย แต่ภายนอกกลับสร้างภาพสวยหรู
ยกตัวอย่าง กรณีข่าวอื้อฉาวของผู้ว่าการไอเอ็มเอฟคนก่อน “มร.โดมินิก สเตราส์-คาห์น” ที่โดนคดีเรื่องการลวนลามทางเพศแม่บ้านในโรงแรมแห่งนี้ จนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก เกิดการตั้งคำถามขึ้นและโยงใยไปถึงตัวประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อเหตุผลที่เกิดขึ้น
เรื่องนี้มีเงื่อนงำแน่นอน และเป็นการสร้างพร็อตเรื่องขึ้นมา เพื่อผลักดันคนของตัวเอง คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ฝรั่งเศส ขึ้นไปดำรงตำแหน่ง โดยได้ว่าจ้างแม่บ้านเพื่อให้เข้าไปทำความสะอาดในห้องของผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ เพื่อให้เกิดหลักฐานเด็ดในการมัดตัวผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟว่าได้ลวนลามแม่บ้านคนดังกล่าว ในการตั้งข้อกล่าวหาจนหลุดพ้นจากเก้าอี้ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ
แต่แล้วตำแหน่งผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟก็ต้องหลุดไปจริงๆ เมื่อระหว่างที่มีการค้นหาความจริง และฟ้องร้องดำเนินคดีกันอยู่นี้ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไอเอ็มเอฟก็รีบแต่งตั้งผู้อำนวยการคนใหม่ขึ้นมาแทนทันที ทำให้การหวนคืนมานั่งสู่บัลลังก์เดิมของนายสเตราส์-คาห์น กลับมาได้ยาก
แต่ความจริงก็คือความจริง เพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟชนะคดี เพราะเขายืนยันถึงความบริสุทธิ์มาโดยตลอด ว่าเขาตกเป็นเหยื่อการเมือง โดยศาลไตร่สวนแล้วว่า สเตราส์-คาห์น ไม่มีความผิด เนื่องจากในความเป็นจริง สิ่งที่เขาถูกกล่าวหาว่าลวนลามแม่บ้านอยู่ในช่วงยามวิกาล ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีแม่บ้านโรงแรมไหนจะเข้าไปทำความสะอวดในช่วงยามวิกาล เพราะแต่ละโรงแรมจะมีช่วงเวลาในการทำความสะอาดเป็นประจำอยู่แล้ว คือ ช่วงเช้าของทุกวันเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่เขาถูกกล่าวหาจึงฟังไม่ขึ้นว่าเขาลวนลามแม่บ้านโรงแรม ถ้าแม่บ้านคนนั้นไม่ขึ้นไปหาเขาเอง ทำให้ศาลยกฟ้องไปในที่สุด
หรือแม้กระทั่งคดีบรรลือโลกของประธานาธิบดีคนปัจจุบันของฝรั่งเศสที่เขาต้องหย่าล้างกับภรรยาคนก่อน ด้วยการสร้างเรื่องโดยว่าจ้างชายหนุ่มให้มาติดพันกับภรรยาตนเอง ในการที่จะตั้งข้อกล่าวหาในการหย่าล้างกับภรรยาคนเก่า เพื่อจะมาแต่งงานกับนางแบบสาวสุดเซ็กซี่คนปัจจุบัน “คาร์ลา บรูนี” นั่นเอง
นี่เป็นเพียงเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส ประเทศที่เคยรุ่งเรือง แต่ปัจจุบันกำลังถูกทำลายด้วยระบบทุนนิยม ที่ค่อยๆ กัดกล่อนจนรอวันล่มสลายอีกครั้งที่ต้องทรมานและใช้เวลายาวนานกว่าครั้งในอดีต และจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้คนชาวฝรั่งเศสวันนี้จึงไร้ซึ่งจิตวิญญาณ
Fact File
:: การเยือนกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสครั้งนี้ ผมมาพร้อมกับคณะผู้โชคดีจากการกินอาหารในร้านซิซซ์เลอร์ (Sizzler) แคมเปญ “Sizzler Paris Paradise” โดยมี “คุณจุ๊บ-นงชนก สถานานนท์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ซิซซ์เลอร์ ประเทศไทย ควบคุมการเดินทางงครั้งนี้ พร้อมด้วย “คุณเอมมี-รพีพร วงศ์ทองคำ” ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของซิซซ์เลอร์ ประเทศไทย รวมถึงตัวแทนสปอนเซอร์จากเมืองไทยประกันชีวิต “บี-ปิติภัทร สารสิน” ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมความสัมพันธ์ลูกค้า
:: การเดินทางไปเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ในกรุงปารีส แนะนำให้เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินจะสะดวกที่สุด เพียงคุณมีแผนที่ก็สามารถไปทุกหนทุกแห่งที่ต้องการ
:: การเดินทางเที่ยวกรุงปารีสเอง จะช่วยให้คุณได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของผู้คนในปารีสเป็นอย่างดี
:: สำหรับคนไทยถ้ามีงบประมาณไม่มาก สามารถเลือกรับประทานอาหารในร้านอาหารบุฟเฟต์จีนเล็กๆ ที่รสชาติพอถูกปากคนไทย ประมาณ 200-300 บาท
:: สำหรับคนที่ชอบแบรนด์เนม แนะนำให้มาชอปในช่วงที่มีเซล เพราะราคาจะถูกกว่าเมืองไทยประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงในห้างที่มีชื่อดังอย่าง แพรงป์ตอง หรือแกลลอรี ลาฟาแยตต์ :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net