อัปเดตเทรนด์ฮอตรับลมหนาว ไปพร้อมๆ กับ ผู้ชนะจากเวที “คอตตอน ยูเอสเอ ดีไซน์ ชาเลนจ์ 2011” ที่มีโอกาสบินลัดฟ้าไปรับฟังเทรนด์แฟชั่นสำหรับ Fall/Winter 2012-2013 ณ มหานครนิวยอร์ก
ไกรภพ แพ่งสภา ตัวแทนคอตตอน ยูเอสเอ ประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากเวทีการแข่งขัน “คอตตอน ยูเอสเอ ดีไซน์ ชาเลนจ์ 2011 เสร็จสิ้นลง ก็ถึงเวลาจัดทริป U.S.Cotton Fashion Inspired Trip นำน้องๆ ยังก์ดีไซเนอร์ผู้ชนะทั้ง 3 รางวัล ได้แก่ ณัฐกิตติ์ แป้นถึง, ชนิศ ศรีอาจ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ปิยรัตน์ พรศักดิ์พัฒนกุล จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร่วมทริปเดินทางสู่อเมริกา โดยมีไฮไลต์คือการพาทั้งสามคนเข้าเยี่ยมชมสำนักงานของคอตตอน ยูเอสเอ และรับฟังเทรนด์แฟชั่นสุดล้ำ “Cotton Incorporated's Color Trend Forcast Fall Winter 2012-2013”
เจนน่า แคคคาโว่ Product Trend Analyst จากคอตตอน อินคอร์เปอร์เรท เล่าถึงแรงบันดาลใจของเทรนด์แฟชั่นทั้ง 5 สำหรับซีซัน Fall Winter 2012/2013 ว่า “เทรนด์แฟชั่นที่จะมาแนะนำในวันนี้ เกิดจากการศึกษาเรียนรู้ และรวบรวมจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิต รวมไปถึงความรู้สึกนึกคิดของผู้คนในยุคปัจจุบัน ซึ่งจะมีความหลากหลายและแตกต่างกันไป จนสามารถแบ่งออกเป็น 5 เทรนด์ด้วยกัน
เทรนด์ “Anticipation Nation” สีสันในวันเร่งรีบ
ด้วยชีวิตที่เร่งรีบ และต้องแข่งขันกับเวลาของหนุ่มสาวในวัยทำงาน ก่อให้เกิดความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย คอนเซ็ปต์ของเทรนด์นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอีเมล์ เครื่องมือการสื่อสารที่มีบทบาทสำคัญ เปรียบเสมือนเทคโนโลยีตัวใหม่ที่นำมาใช้ในการทำงานซึ่งมีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และพร้อมที่จะตอบสนองต่อการส่งและรับข่าวสาร เฉกเช่นกับชีวิตการทำงานของมนุษย์ที่ต้องเตรียมพร้อมกับการรับมือต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่เสมอ
โดยลักษณะโทนสีสำหรับกลุ่มนี้จะเป็นโทนที่ให้อารมณ์ความร่าเริงสดใส ผสมผสานกับอารมณ์ย้อนยุค สีฟ้าอ่อน ส้มอ่อน หรือสีเขียวมะนาว ซึ่งให้ความรู้สึกถึงวันใหม่ๆ ลบล้างความตึงเครียดของระหว่างวัน สีขาว ดำ รวมถึง เทาอ่อน ถูกนำมาใช้เพื่อลดความจัด จ้านของโทนสีหลักของ สีฟ้า ส้ม และ เขียว โดยจะเน้นอารมณ์ย้อนยุค
เนื้อผ้าที่ปรากฎจะมีลักษณะเป็นผ้าถัก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมากจากชุดแคชชวลสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเสื้อเชิ้ต ลวดลายของผ้านั้นมีความหลากหลาย เช่น ลายริ้ว หรือลายตาราง แต่ถูกนำมาใหม่ให้ทันสมัยสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ยังพบเทคนิคเพิ่มความเก๋ไก๋อย่างการฟอกสีผ้าอีกด้วย
เทรนด์ “Social Club” การหวนคืนของปาร์ตี้ยุค 60
นอกเหนือจากเวลาทำงาน อีกหนึ่งกิจกรรมที่หนุ่มสาวยุคนี้จะต้องไม่พลาดโดยเด็ดขาด คือ การปาร์ตี้ การนัดพบปะเพื่อนฝูงเพื่อสานความสัมพันธ์รวมถึงการผ่อนคลายไปในตัว เทรนด์นี้จะเชิญชวนให้ลองจินตนาการย้อนกลับไปถึงงานสังสรรค์ในคลับของยุค 60 โดยเฉพาะในย่านนิวยอร์ก ซึ่งจะดึงอารมณ์ความรู้สึกออกจากความวุ่นวายและความตึงเคียด ให้เหลือเพียงแต่ความสนุกสนาน และความเป็นกันเอง
โทนของเสื้อผ้าจะเน้นที่อารมณ์และกิจกรรมของคนสมัยก่อนบนฟลอเต้นรำ รวมถึงการจับกลุ่มนินทาแวดวงสังคม แน่นอนสิ่งที่หลายๆ คนจะนึกถึงคงหนีไม่พ้นกระโปรงบานที่พริ้วสลวยลายพิมพ์ดอกไม้กับโทนสีที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งจะกลับมาฮิตอีกครั้ง โทนสีจะดูเป็นมิตร อย่าง สีชมพูเข้ม และสีมะนาวอ่อน
ประกอบกับลายดอกไม้และความผสมผสานของสีสันจะหยิบยื่นอารมณ์ของยุค 60 ได้อย่างลงตัว ส่วนเนื้อผ้าจะเน้นลายละเอียดและความมันวาวสูงเช่น ผ้าฝ้ายขัดมัน ผ้าถักพองๆ กับริ้วลายที่ทำไห้เกิดอารมณ์คลาสสิก ทั้งนี้เนื้อผ้าลายจุดและตารางช่วยเสริมสร้างอารมณ์ของความอบอุ่นที่แอบแฝงไปด้วยกลิ่นไอของแนวคันทรี
เทรนด์ “Absurd” แรงบันดาลใจแห่งความเพ้อฝัน
ในบางครั้งการใช้ชีวิตที่อยู่แต่ในกรอบและกฎเกณฑ์ตลอดเวลา ก็จะทำให้ชีวิตดูห่อเหี่ยว ขาดสีสันและแรงบันดาลใจ ซึ่งเทรนด์นี้ได้มอบอีกทางเลือกใหม่สำหรับคนคิดนอกกรอบ โดยจะเน้นอารมณ์ความเพ้อฝัน ความทะเยอทะยาน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มให้ชีวิตมีสิ่งแปลกใหม่ และน่าสนใจมากขึ้น จนในบางครั้งความคิดเหล่านี้อาจจะแหวกแนว หลุดโลก และอาจไม่มีความหมายไปบ้าง แต่ก็สามารถสะท้อนถึงความรู้สึกนึกความคิดที่อยู่ภายใต้ก้นบึ้งของจิตใจ และนำไปสู่จินตนาการของการถ่ายทอดอารมณ์จนสะท้อนออกมาเป็นสไตล์การแต่งตัวที่แปลกใหม่ เป็นตัวของตัวเองเปรียบได้กับชิ้นผลงานศิลปะชิ้นเอกเลยทีเดียว
โทนสีที่ใช้จะเน้นการตัดกันของสีสดของช่วงซัมเมอร์ตัดกับสีเข้มที่ไม่ฉูดฉาดมากนัก และในบางครั้งอาจนำสีนู้ดเข้ามาช่วยเสริมในการแต่งลาย หรือเติมตรงส่วนหัวของเนื้อผ้าให้ดูโดดเด่นมีสีสันมากยิ่งขึ้น
ลักษณะของเนื้อผ้ามีการเพิ่มความแปลกใหม่ทั้งการฟอก การซัก การใช้ด้ายโลหะมาผสม ซึ่งจะทำให้ได้เนื้อผ้ารุ่ยๆ รวมถึงผ้าลายหนังสัตว์อย่าง ลายเสือ ลายม้าลาย ซึ่งถูกนำมาประยุกต์กับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับท่อนล่างของสุภาพสตรีทั้งกระโปรง กางเกง หรือแม้แต่เลกกิ้ง
เทรนด์ “Role Play” ความซับซ้อนของบทบาท
กรอบของสถานภาพทางเพศของคนในยุคปัจจุบันดูเหมือนจะเลือนลางจนแทบไม่เห็นความแตกต่างแต่อย่างใด ยุคสมัยได้เปลี่ยนแปลงให้สตรีมีบทบาททางสังคมเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นทางด้านสังคม หรือครอบครัว จนก่อให้เกิดความเสมอภาคมากยิ่งขึ้น ซึ่งเทรนด์นี้ได้หยิบเอาความทับซ้อนกันของเครื่องแต่งกายบุรุษและสตรีมาใช้จะเห็นได้จากการประยุกต์เสื้อผ้าสตรีให้มีกลิ่นไปของแฟชั่นทอมบอยอย่างการสวมเสื้อสูท ผูกเนคไทควบคู่กับกางเกงขาสั้นมากขึ้น จะเห็นได้จากงานแฟชั่น งานปาร์ตี้ หรือการแต่งกายของคนทำงาน ในขณะเดียวกันแฟชั่นสุภาพบุรุษก็มีการนำโครงสร้างของผ้าที่มีเนื้อบางเบาเข้ามาประดับ แต่ยังคงความเท่ตามสไตล์เจนเทิ้ลแมนลุค
โดยโทนสีจะเน้นไปทางสี เอิร์ธโทนที่เข้าได้ง่ายกับเสื้อผ้าหลากชนิด และสีพาสเทลที่มีเนื้อสีไปทางสีช็อค หรือสีอ่อน ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้กับทั้งเสื้อผ้าสตรีและเสื้อผ้าบุรุษ ทำให้เนื้อผ้าดูเรียบแต่หรูหรา
ลักษณะของเนื้อผ้ามีทั้งผ้าฝ้ายทั้งชนิดหนาและบาง โดยผ้าฝ้ายชนิดหนานำมาใช้กับเสื้อผ้าผู้หญิง โดยเฉพาะกับท่อนล่าง ส่วนผ้าฝ้ายโปร่งบางถูกนำมาออกแบบให้เหมาะสมกับเสื้อผ้าผู้ชายในส่วนของรายละเอียดอย่างปกคอเสื้อ หรือประดับกับเสื้อแผ่นหลังก็ได้เช่นกัน
เทรนด์ “Decedent Decline” ความอจีรังแห่งอารยธรรม
สำหรับชีวิตของบางคนต้องเผชิญกับความวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน คงจะโหยหาความสงบด้วยการเดินทางไปยังชานเมืองอันแสนสงบ ไปเยี่ยมชมโบราณสถานต่างๆ จนได้พบกับมนต์ขลังของความอจีรังของวัตถุ กลิ่นไอของความเก่าแก่ ความโรยราและผุผัง แต่นั่นคืออารยธรรมที่เป็นของตัวเองซึ่งแหวกว่ายไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ต่างๆ รูปปั้นอันเก่าแก่ หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรมที่มีมาช้านาน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการแต่งตัวและแฟชั่นของยุคสมัยนั้นๆ ซึ่งได้ถูกนำมาผสมผสานกันอย่างมีศิลปะ การแต่งตัวของกลุ่มนี้จะมุ่งเน้นไปทางจิตวิญญาณของความเก่าที่ซ้อนเร้นไว้ในเสื้อผ้าและลายละเอียดของเนื้อผ้า
โทนสีของเทรนด์นี้จะใช้สีที่บ่งบอกถึงกลิ่นไปถึงความเก่า แต่ถูกนำมาปะปนกับความสดของสีแดงจากไวน์ รวมถึงสีฟ้าที่มาจากลวดลายของเครื่องเงินลายครามแสดงยุคสมัยของคนในอดีต
ลักษณะของเนื้อผ้าจะถูกประยุกต์ตกแต่งให้แลดูเก่าแบบไม่ได้ตั้งใจด้วยวิธีหลากหลายเช่น การฟอก ย้อม ขัดสี หรือการใช้เส้นด้ายที่มีขนาดต่างกันมาสลับไปมาแลดูปราศจากความประณีต และมีโครงสร้างที่หลวม แต่ยังคงความสวยงาม รวมไปถึงการสลัดสีและการสร้างรอยเปื้อนให้กับเนื้อผ้าทำให้ผ้าดูเก่า แต่มีความคลาสิค และเต็มไปด้วยเสน่ห์สะท้อนความเป็นตัวตนแห่งรากเหง้าของอารยธรรม
รู้จักเทรนด์ประจำฤดูหนาวนี้กันแล้ว มาสนุกกับการมิกซ์แอนด์แมตซ์ไอเท็มเด็ดๆ กันได้เลย
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net