คอตตอน ยูเอสเอ อัดฉีด 17 ล้านบาท เดินหน้าสร้างแบรนด์แข็งแกร่ง รับตลาดไทยคึกคักนำเข้าผ้าฝ้ายอเมริกา 1.3 แสนตัน ลุยจัดกิจกรรม Buyer’s Tour ดึงไลเซนซี ไทย-ต่างประเทศ หวังดันให้เกิดการซื้อ-ขาย และผลักดันแบรนด์ไทยโกอินเตอร์ หวนโฆษณาประชาสัมพันธ์โทรทัศน์ในรอบ 3 ปี สิ้นปีไลเซนซี เพิ่ม 48 ราย จำนวนแขวนป้าย 7 ล้านชิ้น โต 10%
นายไกรภพ แพ่งสภา ตัวแทนคอตตอน ยูเอสเอ ประเทศไทย เปิดเผยว่า คอตตอน ยูเอสเอ ต้องการสร้างตราสัญลักษณ์ให้มีความแข็งแกร่งและเกิดการรับรู้ในวงกว้างยิ่งขึ้น เนื่องจากมองว่าไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยล่าสุดอเมริกาจะเพิ่มการกำลังผลิตฝ้ายธรรมชาติในปีนี้เป็น 3.977 ล้านตัน หรือกว่า 49.85% หรือเพิ่มจากปีที่ผ่านมา 1.323 ล้านตัน หรือราว 2.654 ล้านตัน โดยคาดว่าไทยจะนำเข้าฝ้ายธรรมชาติจากสหรัฐอเมริกา เพื่อผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอปริมาณ 130,659 ตัน หรือเกือบ 37% ของปริมาณฝ้าย 354,000 ตัน ที่ไทยสั่งนำเข้าปีนี้
สำหรับปีนี้ คอตตอน ยูเอสเอ ทุ่มงบการตลาด 17 ล้านบาท หรือราว 6.5 แสนเหรียญ จากปีที่ผ่านมา 6 แสนเหรียญ โดยมุ่งเน้นสร้างรับรู้ตราสัญลักษณ์ “คอตตอน ยูเอสเอ” เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุ 25-34 ปี ด้วยการกลับมาทำภาพยนตร์โฆษณาผ่านทางโทรทัศน์รอบ 3 ปี หรือนับตั้งแต่ในปี 2551 และการจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับฝ้ายและคุณสมบัติ ล่าสุด จัดโครงการ COTTON USA Design Challenge 2011 ครั้งที่ 6 จัดประกวดยังก์ดีไซเนอร์ชาวไทยรุ่นใหม่มีเวทีในการประลองและท้าทายฝีมือการออกแบบและตัดเย็บเสื้อผ้า
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้จัดกิจกรรมเชิงรุกร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อาทิ จัดงานแฟชั่นวีค เพื่อให้สร้างแบรนด์คอตตอน ยูเอสเอ ให้มีความแข็งแกร่ง และการจัดกิจกรรมกับกลุ่มไลเซนซี อาทิ จัดทริป Buyer’s Tour โดยนำผู้ซื้อจากต่างประเทศเข้ามาพบกับผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่มไทย เพื่อให้เกิดการซื้อ-ขาย ด้วยซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ไทยสามารถขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังจัดสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมสิ่งทอใหม่ๆ จากคอตตอน อินคอร์ปอเรท เพื่อผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย จะสามารถนำความรู้หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ไปปรับปรุงคุณภาพสินค้าที่ผลิตจากผ้าฝ้าย 100% ให้มีคุณภาพทัดเทียมกับตลาดโลก ล่าสุด เปิดตัวผ้าฝ้ายคุณภาพสูง 100% เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในทุกการเคลื่อนไหว ซึ่ง 4x4 Man by S’Fare ถือเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้
สำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคไทย เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับคุณสมบัติของเครื่องนุ่งห่ม ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพ สวมใส่สบาย คุ้มค่าเงิน และใส่ใจกับผลิตภัณฑ์มิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยผู้บริโภคยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้น เพื่อได้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ ทำให้การรับรู้ตราสัญลักษณ์ คอตตอน ยูเอสเอ ขยายกว้าง จากผลสำรวจ “COTTON USA Mark Tracking Survey” ครั้งล่าสุด พบว่า คนไทยรับรู้ในตราสัญลักษณ์เพิ่มจาก 26% เป็น 39% ในปี 2550 โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 25-34 ปี มีการรับรู้ในปีนี้ 2550 ราว 32% เพิ่มเป็น 54% ปี 2552
อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายว่า การแขวนป้ายคอตตอน ยูเอสเอ ในประเทศ ขยายเพิ่มเป็น 7 ล้านชิ้นต่อปี หรือเติบโต 10% หลังจากปี 2553 เพิ่มขึ้น 6.38 ล้านชิ้น จากในปี 2552 ราว 5.8 ล้านชิ้น ส่วนไลเซนซีในปีนี้เพิ่มอีก 2-4 ราย แบ่งเป็นไลเซนซีจากแบรนด์เครื่องนุ่มห่ม 1-2 แบรนด์ และโรงงานสิ่งทอ 1-2 แห่ง จากปัจจุบันบริษัทมีไลเซนซีทั้งหมด 44 ราย แบ่งเป็นเครื่องนุ่งห่ม 22 แบรนด์ และโรงงานสิ่งทอ 22 แห่ง
นายไกรภพ แพ่งสภา ตัวแทนคอตตอน ยูเอสเอ ประเทศไทย เปิดเผยว่า คอตตอน ยูเอสเอ ต้องการสร้างตราสัญลักษณ์ให้มีความแข็งแกร่งและเกิดการรับรู้ในวงกว้างยิ่งขึ้น เนื่องจากมองว่าไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยล่าสุดอเมริกาจะเพิ่มการกำลังผลิตฝ้ายธรรมชาติในปีนี้เป็น 3.977 ล้านตัน หรือกว่า 49.85% หรือเพิ่มจากปีที่ผ่านมา 1.323 ล้านตัน หรือราว 2.654 ล้านตัน โดยคาดว่าไทยจะนำเข้าฝ้ายธรรมชาติจากสหรัฐอเมริกา เพื่อผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอปริมาณ 130,659 ตัน หรือเกือบ 37% ของปริมาณฝ้าย 354,000 ตัน ที่ไทยสั่งนำเข้าปีนี้
สำหรับปีนี้ คอตตอน ยูเอสเอ ทุ่มงบการตลาด 17 ล้านบาท หรือราว 6.5 แสนเหรียญ จากปีที่ผ่านมา 6 แสนเหรียญ โดยมุ่งเน้นสร้างรับรู้ตราสัญลักษณ์ “คอตตอน ยูเอสเอ” เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุ 25-34 ปี ด้วยการกลับมาทำภาพยนตร์โฆษณาผ่านทางโทรทัศน์รอบ 3 ปี หรือนับตั้งแต่ในปี 2551 และการจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับฝ้ายและคุณสมบัติ ล่าสุด จัดโครงการ COTTON USA Design Challenge 2011 ครั้งที่ 6 จัดประกวดยังก์ดีไซเนอร์ชาวไทยรุ่นใหม่มีเวทีในการประลองและท้าทายฝีมือการออกแบบและตัดเย็บเสื้อผ้า
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้จัดกิจกรรมเชิงรุกร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อาทิ จัดงานแฟชั่นวีค เพื่อให้สร้างแบรนด์คอตตอน ยูเอสเอ ให้มีความแข็งแกร่ง และการจัดกิจกรรมกับกลุ่มไลเซนซี อาทิ จัดทริป Buyer’s Tour โดยนำผู้ซื้อจากต่างประเทศเข้ามาพบกับผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่มไทย เพื่อให้เกิดการซื้อ-ขาย ด้วยซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ไทยสามารถขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังจัดสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมสิ่งทอใหม่ๆ จากคอตตอน อินคอร์ปอเรท เพื่อผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย จะสามารถนำความรู้หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ไปปรับปรุงคุณภาพสินค้าที่ผลิตจากผ้าฝ้าย 100% ให้มีคุณภาพทัดเทียมกับตลาดโลก ล่าสุด เปิดตัวผ้าฝ้ายคุณภาพสูง 100% เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในทุกการเคลื่อนไหว ซึ่ง 4x4 Man by S’Fare ถือเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้
สำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคไทย เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับคุณสมบัติของเครื่องนุ่งห่ม ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพ สวมใส่สบาย คุ้มค่าเงิน และใส่ใจกับผลิตภัณฑ์มิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยผู้บริโภคยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้น เพื่อได้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ ทำให้การรับรู้ตราสัญลักษณ์ คอตตอน ยูเอสเอ ขยายกว้าง จากผลสำรวจ “COTTON USA Mark Tracking Survey” ครั้งล่าสุด พบว่า คนไทยรับรู้ในตราสัญลักษณ์เพิ่มจาก 26% เป็น 39% ในปี 2550 โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 25-34 ปี มีการรับรู้ในปีนี้ 2550 ราว 32% เพิ่มเป็น 54% ปี 2552
อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายว่า การแขวนป้ายคอตตอน ยูเอสเอ ในประเทศ ขยายเพิ่มเป็น 7 ล้านชิ้นต่อปี หรือเติบโต 10% หลังจากปี 2553 เพิ่มขึ้น 6.38 ล้านชิ้น จากในปี 2552 ราว 5.8 ล้านชิ้น ส่วนไลเซนซีในปีนี้เพิ่มอีก 2-4 ราย แบ่งเป็นไลเซนซีจากแบรนด์เครื่องนุ่มห่ม 1-2 แบรนด์ และโรงงานสิ่งทอ 1-2 แห่ง จากปัจจุบันบริษัทมีไลเซนซีทั้งหมด 44 ราย แบ่งเป็นเครื่องนุ่งห่ม 22 แบรนด์ และโรงงานสิ่งทอ 22 แห่ง
