By Lady Manager
Question: เราจะมีวิธีสังเกตยังไงคะ ว่าสิ่งที่คุณหมอใช้ฉีดหน้าเราเป็นยาจริงหรือยาปลอม?
Answer: โดย คุณหมอวรพจน์ ศิรามังคลานนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากเฮอร์ทิจูด คลินิก (Hertitude Clinic)
“ขอให้ความเห็นในฐานะเป็นเป็นคนใช้ยาเหมือนกับคลินิกอื่นๆ ถ้าให้ถูกต้องจริงๆ คุณหมอควรจะต้องใช้ยาที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ฉะนั้นถ้ายาไม่มีอย.อย่างไรก็ผิดอยู่แล้ว
แต่ถ้ามองลึกๆ ว่า แล้วยาที่เขาจับกัน มันยาจริงหรือปลอม ผมต้องบอกเลยนะครับ จากที่รู้มาจริงๆ ยาจริง 50 ยาปลอม 50 ต้องยอมรับว่า ในเรื่องของการขออนุมัติ อย.ไทย ค่อนข้างใช้เวลาที่ยาวนาน และมีบุคลากรที่ดูแลในส่วนนี้ค่อนข้างจำกัด ซึ่งก็เป็นทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในเมืองไทย หรือสหรัฐอเมริกา เขาต้องใช้เวลายาวนานในการที่จะอนุมัติยาสักตัวให้ออกมาสู่ตลาด เพราะต้องมั่นใจว่าปลอดภัยจริงๆ ไม่ก่อให้เกิดผลเสียในระยะยาว และได้ผลในการรักษาที่ดีกับผู้บริโภคจริงๆ เขาจะใช้เวลานาน บางตัวใช้เวลา 4-5 ปีเลย ในการขอใบอนุญาต จึงทำให้คนเกิดความรู้สึกรอไม่ได้ จึงมีการหิ้วยาซึ่งเป็นยาจริง ยาที่ใช้กันตามท้องตลาดในต่างประเทศเข้ามาอย่างผิดกฎหมายแล้วนำมาใช้กับคนไข้
ในส่วนของผู้บริโภคนั้น หมอแนะนำว่าถ้ายาไม่มีอย. อย่าใช้เลยดีกว่า เพราะเราไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่ ถ้ายาจริงก็เสมอตัว แต่ถ้ายาไม่จริงขึ้นมา อย่างที่ถูกจับไปล่าสุดเป็นฟิลเลอร์ (Filler) ฉีดไปถ้าจมูกเน่าล่ะ จมูกผิดรูป หน้าเรากลับคืนมาไม่ได้นะครับ อย่างยาบางกล่องทำแพกเกจสวยงามเหมือนของจริงมาก แต่สุดท้ายเป็นยาปลอม ผลิตจากจีน ดังนั้นยาที่เร่ขายตามอินเตอร์เน็ต..เชื่อไม่ได้นะครับ
ดังนั้นหมอแนะนำว่า ถ้าจะฉีดฟิลเลอร์ หรือจะทานยาอะไร อย่าลืมถามคุณหมอก่อนว่า ยานี้ผ่านการรับรองจากอย.ประเทศไทยหรือไม่ เพราะบางอย่างผ่านการรับรองอย.ของต่างประเทศแล้ว แต่ไม่ผ่านประเทศไทย ถ้าเกิดปัญหาขึ้นไม่มีคนรับผิดชอบ เช่น ถ้าเกิดอาการแพ้ ช็อก หรือเกิดการติดเชื้อ จะไม่มีใครรับผิดชอบได้เลย ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่เราหาโรคเข้ามาหาตัวโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เลย
เราจะมีวิธีสังเกตเบื้องต้นว่าเป็นยาจริงหรือปลอมได้อย่างไรนั้น อย่างแรกเลย หมอแนะนำว่าคนไข้ต้องมีความรู้เกี่ยวกับสารที่เราจะใช้อยู่แล้ว เช่น ถ้าเราจะไปฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เราควรรู้ว่าโบท็อกซ์มีหน้าตาเป็นอย่างไร โบท็อกซ์สัญลักษณ์เป็นอย่างไร บริษัท ผู้ผลิตคือบริษัทอะไร เหล่านี้สามารถดูได้จากเว็บไซต์ที่เป็นของผู้ผลิตได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ ก็ตาม
อย่างที่สอง ควรสอบถามจากสถานบริการว่า ให้บริการยาชนิดใดอยู่ โดยส่วนใหญ่คลินิกที่มาตรฐานเขาจะไม่โกหกเรา มักจะบอกตามตรงว่า โบท็อกซ์ที่ฉีด บางทีเขาจะแจ้งเลยว่า มี 2 ราคา ราคาแรกเป็นโบท็อกซ์ของสหรัฐอมริกา อีกราคาจะเป็นโบท็อกซ์ของเกาหลี เขาจะแจ้งให้คนไข้ทราบเลยครับ
แต่เพื่อความมั่นใจของเราอีกประการหนึ่ง ก่อนจะฉีดทุกครั้งอย่าลืมขอดูผลิตภัณฑ์ก่อนฉีด เช่น ฟิลเลอร์ ควรจะต้องขอดูก่อนเลยว่า คุณหมอแกะกล่องใหม่ไหม แล้วกล่องใหม่ที่แกะออกมาฉลากตรงกับที่กล่องหรือไม่
คนไข้ส่วนใหญ่จะเกรงใจคุณหมอ และไม่ยอมขอดู ซึ่งผมมองว่าไม่ถูกต้อง มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเกรงใจครับ เราขอดูได้ มันเป็นสิทธิ์ของผู้ป่วย เพราะของเหล่านี้มี Serial Number แจ้งอยู่แล้ว ขนาดเราไปซื้อซอสมะเขือเทศยังดูวันหมดอายุเลย แต่อันนี้ฉีดเข้าหน้าเลยนะ ดังนั้นต้องดู ขอคุณหมอดูเลย ไม่ต้องเกรงใจครับ”
# ท่านผู้อ่านสามารถฝากคำถามสารพันปัญหาคาใจหญิงเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความงาม และแน่นอน เรื่องเซ็กซ์กับความสัมพันธ์ มาได้ที่ lady@astvmanager.com เราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเคลียร์ให้หายคลางแคลงใจเลยค่ะ *_*
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Question: เราจะมีวิธีสังเกตยังไงคะ ว่าสิ่งที่คุณหมอใช้ฉีดหน้าเราเป็นยาจริงหรือยาปลอม?
Answer: โดย คุณหมอวรพจน์ ศิรามังคลานนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากเฮอร์ทิจูด คลินิก (Hertitude Clinic)
“ขอให้ความเห็นในฐานะเป็นเป็นคนใช้ยาเหมือนกับคลินิกอื่นๆ ถ้าให้ถูกต้องจริงๆ คุณหมอควรจะต้องใช้ยาที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ฉะนั้นถ้ายาไม่มีอย.อย่างไรก็ผิดอยู่แล้ว
แต่ถ้ามองลึกๆ ว่า แล้วยาที่เขาจับกัน มันยาจริงหรือปลอม ผมต้องบอกเลยนะครับ จากที่รู้มาจริงๆ ยาจริง 50 ยาปลอม 50 ต้องยอมรับว่า ในเรื่องของการขออนุมัติ อย.ไทย ค่อนข้างใช้เวลาที่ยาวนาน และมีบุคลากรที่ดูแลในส่วนนี้ค่อนข้างจำกัด ซึ่งก็เป็นทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในเมืองไทย หรือสหรัฐอเมริกา เขาต้องใช้เวลายาวนานในการที่จะอนุมัติยาสักตัวให้ออกมาสู่ตลาด เพราะต้องมั่นใจว่าปลอดภัยจริงๆ ไม่ก่อให้เกิดผลเสียในระยะยาว และได้ผลในการรักษาที่ดีกับผู้บริโภคจริงๆ เขาจะใช้เวลานาน บางตัวใช้เวลา 4-5 ปีเลย ในการขอใบอนุญาต จึงทำให้คนเกิดความรู้สึกรอไม่ได้ จึงมีการหิ้วยาซึ่งเป็นยาจริง ยาที่ใช้กันตามท้องตลาดในต่างประเทศเข้ามาอย่างผิดกฎหมายแล้วนำมาใช้กับคนไข้
ในส่วนของผู้บริโภคนั้น หมอแนะนำว่าถ้ายาไม่มีอย. อย่าใช้เลยดีกว่า เพราะเราไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่ ถ้ายาจริงก็เสมอตัว แต่ถ้ายาไม่จริงขึ้นมา อย่างที่ถูกจับไปล่าสุดเป็นฟิลเลอร์ (Filler) ฉีดไปถ้าจมูกเน่าล่ะ จมูกผิดรูป หน้าเรากลับคืนมาไม่ได้นะครับ อย่างยาบางกล่องทำแพกเกจสวยงามเหมือนของจริงมาก แต่สุดท้ายเป็นยาปลอม ผลิตจากจีน ดังนั้นยาที่เร่ขายตามอินเตอร์เน็ต..เชื่อไม่ได้นะครับ
ดังนั้นหมอแนะนำว่า ถ้าจะฉีดฟิลเลอร์ หรือจะทานยาอะไร อย่าลืมถามคุณหมอก่อนว่า ยานี้ผ่านการรับรองจากอย.ประเทศไทยหรือไม่ เพราะบางอย่างผ่านการรับรองอย.ของต่างประเทศแล้ว แต่ไม่ผ่านประเทศไทย ถ้าเกิดปัญหาขึ้นไม่มีคนรับผิดชอบ เช่น ถ้าเกิดอาการแพ้ ช็อก หรือเกิดการติดเชื้อ จะไม่มีใครรับผิดชอบได้เลย ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่เราหาโรคเข้ามาหาตัวโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เลย
เราจะมีวิธีสังเกตเบื้องต้นว่าเป็นยาจริงหรือปลอมได้อย่างไรนั้น อย่างแรกเลย หมอแนะนำว่าคนไข้ต้องมีความรู้เกี่ยวกับสารที่เราจะใช้อยู่แล้ว เช่น ถ้าเราจะไปฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เราควรรู้ว่าโบท็อกซ์มีหน้าตาเป็นอย่างไร โบท็อกซ์สัญลักษณ์เป็นอย่างไร บริษัท ผู้ผลิตคือบริษัทอะไร เหล่านี้สามารถดูได้จากเว็บไซต์ที่เป็นของผู้ผลิตได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ ก็ตาม
อย่างที่สอง ควรสอบถามจากสถานบริการว่า ให้บริการยาชนิดใดอยู่ โดยส่วนใหญ่คลินิกที่มาตรฐานเขาจะไม่โกหกเรา มักจะบอกตามตรงว่า โบท็อกซ์ที่ฉีด บางทีเขาจะแจ้งเลยว่า มี 2 ราคา ราคาแรกเป็นโบท็อกซ์ของสหรัฐอมริกา อีกราคาจะเป็นโบท็อกซ์ของเกาหลี เขาจะแจ้งให้คนไข้ทราบเลยครับ
แต่เพื่อความมั่นใจของเราอีกประการหนึ่ง ก่อนจะฉีดทุกครั้งอย่าลืมขอดูผลิตภัณฑ์ก่อนฉีด เช่น ฟิลเลอร์ ควรจะต้องขอดูก่อนเลยว่า คุณหมอแกะกล่องใหม่ไหม แล้วกล่องใหม่ที่แกะออกมาฉลากตรงกับที่กล่องหรือไม่
คนไข้ส่วนใหญ่จะเกรงใจคุณหมอ และไม่ยอมขอดู ซึ่งผมมองว่าไม่ถูกต้อง มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเกรงใจครับ เราขอดูได้ มันเป็นสิทธิ์ของผู้ป่วย เพราะของเหล่านี้มี Serial Number แจ้งอยู่แล้ว ขนาดเราไปซื้อซอสมะเขือเทศยังดูวันหมดอายุเลย แต่อันนี้ฉีดเข้าหน้าเลยนะ ดังนั้นต้องดู ขอคุณหมอดูเลย ไม่ต้องเกรงใจครับ”
# ท่านผู้อ่านสามารถฝากคำถามสารพันปัญหาคาใจหญิงเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความงาม และแน่นอน เรื่องเซ็กซ์กับความสัมพันธ์ มาได้ที่ lady@astvmanager.com เราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเคลียร์ให้หายคลางแคลงใจเลยค่ะ *_*
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net