หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้สร้างอาคารแห่งใหม่ของคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี พร้อมทั้งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระราชทานพระนามของพระองค์ให้เป็นชื่ออาคารแห่งใหม่ว่า “อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์” เป็นศูนย์รักษาโรคซับซ้อน โดยคนไทยเพื่ออนาคตของคนไทย
เพื่อให้เห็นถึงศักยภาพด้านการให้บริการภายในศูนย์ฯ ตลอดจนอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีจึงเปิดอาคารเทพรัตน์ ให้สื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ อย่างเจาะลึก โดยมีคณะอาจารย์แพทย์ อาทิ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน, ศ.นพ.อร่าม โรจนสกุล,ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์, รศ.พญ.ประสาทนีย์ จันทร, รศ.พญ.จิรพร เหล่าธรรมทัศน์ ,นพ. ธัช อธิวิทวัส,พญ.อรพิชญา ไกรฤทธิ์ ฯลฯ เป็นผู้นำชม พร้อมมีแขกรับเชิญคนดัง ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ และ เก๋-ชลดา เมฆราตรี มาร่วมสัมผัสความทันสมัยทางการแพทย์ด้วย
“อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์” เป็นอาคาร 9 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 94,584 ตารางเมตร ใช้เป็นศูนย์รักษาเพื่อรักษาโรคซับซ้อน ศ.นพ.รัชตะ ให้ข้อมูลว่าเมื่ออาคารแห่งนี้เปิดให้บริการทุกส่วนแล้วจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ถึง 12,000,000 คนต่อปี ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่สำคัญมากมาย อาทิ ศูนย์รังสีวิทยา ศูนย์ผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง ห้องตรวจทันตกรรม ห้องพักผู้ป่วย ศูนย์พัฒนาศักยภาพเด็ก และ เยาวชน ศูนย์ผู้สูงอายุ
"อนาคตอาคารแห่งนี้จะเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเป็นสถาบันการแพทย์ที่ให้บริการทางด้านการแพทย์แก่ประชาชนทุกคนที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด นอกจากการรักษาพยาบาลแล้ว ศูนย์การแพทย์แห่งนี้ยังมีศูนย์วิจัยทางคลินิกและโครงการพัฒนาศักยภาพประชากรไทย ซึ่งจะนำองค์ความรู้จากการวิจัยไปสร้างเสริมสุขภาพของประชากรไทยทุกวัยให้มีสุขภาพดี มีคุณภาพ เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป”
เมื่อฟังรายถึงที่มาของอาคารแล้วคณะทัวร์เฉพาะกิจจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีแพทย์วิทยากรแนะนำจุดต่างๆ ซึ่งในแต่ละชั้นที่ไปเยี่ยมชมจะมีจุดเด่นในการให้บริการต่างกันไปอาทิ ชั้นศัลยกรรม สำหรับผู้ป่วยโรคซับซ้อนที่ต้องรักษาโดยการผ่าตัด ประกอบด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 64 คน พยาบาล และเครื่องมืออันทันสมัย โดยสหสาขาวิชาชีพต่างๆ อาทิ ชั้นศัลยศาสตร์ทั่วไป ศัลยศาสตร์หลอดเลือดและปลูกถ่ายอวัยวะ เมื่อคนไข้ตรวจเสร็จจะได้ใบนัด ไปชำระเงินที่จุดการเงิน เจาะเลือดและรับยา ซึ่งได้รวมการบริการต่างๆ เหล่านี้ไว้ในบริเวณที่ใกล้กัน เพื่อให้บริการแก่ผู้ป่วยอย่างสะดวกสบายแบบ One Stop Service
แม้แต่กระทั่งหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต เป็นห้องไอซียูที่นำสมัย ประตูเข้า-ออกมีระบบการรักษาความปลอดภัย มี 3 ห้องที่เป็นแรงดันลบตามมาตรฐานสากล สำหรับป้องกันการแพร่กระจายของโรค เช่น ไข้หวัดใหญ่ 2009, วัณโรค หรือไข้หวัดนก โดยมีระบบสารสนเทศที่สามารถเชื่อม และเก็บข้อมูลต่างๆ อัตโนมัติจากเครื่องมือตรวจต่างๆ และเชื่อมโยงกับอาคารหลัก แพทย์ผู้รักษาสามารถเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงของอาการ และสั่งการรักษาได้จากที่อื่นผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็วปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีระบบบริการติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจสำหรับผู้ป่วยต่อเนื่องในอาคาร รวมทั้งมีระบบรับสัญญาณคลื่นไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติผ่านคลื่นโทรศัพท์ (Trantelephonic) ทำให้แพทย์ได้ข้อมูลผู้ป่วยและสั่งการรักษาได้ตลอดเวลา
ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ พิธีกรหนุ่ม ซึ่งมาเยี่ยมชมอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง บอกอย่างปลื้มใจว่า อาคารแห่งนี้น่าจะเป็นโฉมหน้าใหม่ของโรงพยาบาลรัฐในประเทศไทย ที่ให้บริการมีมาตรฐานเทียบเท่าเอกชน ทั้งเครื่องมือทางการแพทย์ ความสะดวกสบาย การรองรับผู้ป่วย
ความโอ่อ่าทันสมัยทางด้านบริการทางการแพทย์จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ส.ค.ศกนี้
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
