xs
xsm
sm
md
lg

8 ต้นตอไขมันส่วนเกิน ที่คุณคาดไม่ถึง!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

By Lady Manager

พอพูดถึงเรื่อง อ้วน ขึ้นมาปั๊บ สาวๆ หลายคนเป็นต้องทำหน้านิ่ว คิ้วผูกโบว์ เพราะมันคือ ปัญหาสุดเซ็งจิต ที่แก้ไขได้ยากเชียว ..บางคนเคร่งครัดการกิน ควบคุมอาหารด้วยวิธีสารพัด แต่รูปร่างก็ยังไม่ผอมเพรียวซักกะที

งานนี้เราจึงมีข้อมูลเด็ดมาบอก เพื่อเฉลยให้รู้กัน ว่าเรื่องไขมันส่วนเกินน่ะ บางทีมันก็มาจากสาเหตุซึ่งคุณอาจคาดไม่ถึง!

1. อ้วนเพราะ “พันธุกรรม”

“เมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยกับหนูทดลองจนค้นพบว่า หนูตัวที่อ้วนจะมียีน (Gene) ความอ้วนมากกว่าหนูตัวที่ไม่อ้วน

ปีถัดมาเริ่มมีการวิจัยเรื่องนี้กับมนุษย์พบว่า ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมียีนที่ทำให้อ้วนนี้ (ปัจจุบันเรียกว่า ยีน FTO) แสดงออกมาอย่างเด่นชัด ซึ่งยีนนี้ นอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว ยังทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนทั่วไปถึง 40% และเสี่ยงจะเกิดภาวะอ้วนมากกว่าคนทั่วไป 60%” นายแพทย์ Claude Bouchard กรรมการบริหารของสถาบันการวิจัยทางชีวภาพ Pennington แห่งมหาวิทยาลัย Louisiana ระบุ

แต่แม้จะค้นพบแน่ชัดว่า ความอ้วนมีส่วนสัมพันธ์กับยีน FTO แต่ผลการวิจัยถัดมาก็พบว่า หากคุณขยันออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอยีน FTO นั้นจะไม่แสดงออก นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่างๆ อันมีผลจากยีน FTO ได้อีกด้วย ดังนั้นหากคุณหมั่นขยับร่างกาย ก็จะสามารถลดความอ้วนได้ แม้ความอ้วนนั้นจะเกิดจากพันธุกรรมก็ตาม

“ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วน ไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิต การออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงนั้นลงได้” คุณหมอ Bouchard ระบุ

2. มีเซลล์ไขมัน จำนวนมาก

“คนบางคนมีเซลล์ (Cell) ไขมันมากกว่าคนอื่นๆ ” ศาสตราจารย์ Kirsty Spalding แห่งสถาบันการแพทย์ Karolinska ประเทศสวีเดน เปิดเผยข้อมูล พร้อมบอกด้วยว่า ในบางครั้งแม้ว่าคุณจะลดน้ำหนักได้หลายกิโลกรัม ทว่าเซลล์ไขมัน ที่มีในร่างกายจะยังคงมีปริมาณไม่เปลี่ยนแปลง

ผู้เชี่ยวชาญระบุต่อว่า Fat Cell หรือเจ้าไขมันอ้วนนี้ โผล่ขึ้นมาตั้งแต่คุณยังเด็ก และหยุดการสร้างเมื่ออายุราว 2 ปี ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่เบบี๋ตัวเล็กๆ จะอ้วนแก้มยุ้ยน่าหยิก แม้จะไม่ได้รับปริมาณแคลอรี่ (Calorie) เยอะก็ตาม นั่นเพราะเด็กๆ มีเซลล์ไขมันอยู่ในตัวนั่นเอง และเมื่อโตขึ้นเซลล์ไขมันเหล่านี้ยังคงอยู่ และมันจะทำงานได้ดีเมื่อได้รับน้ำ แต่จะแก้ปัญหาเซลล์ไขมันนี้ได้อย่างไร ต้องติดตามต่อข้อต่อไปค่ะ

3. กระบวนการเผาผลาญในร่างกายเสื่อม ก็ลดอ้วนได้

ด้วยเพราะบอกว่า การที่มีเซลล์ไขมันในร่างกายอยู่ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณอ้วนขึ้นได้ นายแพทย์ Kirsi Pietilainen ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ แห่งมหาวิทยาลัย Helsinki ประเทศฟินแลนด์ ได้ทำการศึกษาจากคนสองกลุ่ม กระทั่งพบว่า ในผู้ที่มีรูปร่างอ้วน (ซึ่งอาจเกิดจากเซลล์ไขมัน หรือปัจจัยอื่นๆ) กระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกายของพวกเขาจะเป็นไปได้ยากกว่าผู้ที่มีลักษณะผอม จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนอ้วน ก็ยิ่งอ้วนเข้าไปใหญ่ เพราะระบบเผาผลาญไม่มีประสิทธิภาพนั่นเอง

แต่อย่าเพิ่งเศร้าไปค่ะ เพราะสิ่งที่จะช่วยได้ก็ยังมี นั่นคือ การขยันออกกำลังกาย ขยับแข้งขาอย่างต่อเนื่อง เพราะมันจะทำให้ระบบเผาผลาญร่างกายกลับมาดีได้ เป็นหนทางสำคัญที่ช่วยให้คุณผอมเพรียวดั่งใจ

4. ความเครียด

เป็นที่ทราบกันแน่ชัด ว่าความอ้วนมีสาเหตุมาจากอาหารการกิน แต่อีกตัวฉุดที่ทำให้คุณอ้วนเข้าไปใหญ่ ก็คือ “ความเครียด” เพราะความเครียดจะมีส่วนไปกระตุ้นให้สมองให้ผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมกับสภาวะความกดดัน และเมื่อฮอร์โมนคอร์ติซอลหลั่ง ก็มีผลให้ร่างกายต้องการคาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) มากขึ้น เมื่อนั้นคุณก็มักต้องหาขนมขบเคี้ยวเข้าปากเพื่อลดอารมณ์เครียดในจิตใจ

ดังนั้นทางออกที่ดี เมื่อคิดลดความอ้วนก็คือ ทำจิตใจให้เบิกบาน โยนความเครียด เรื่องเงินเดือนน้อย เจ้านายด่า หัวหน้าจิก ไปเถอะค่ะ หันมาเล่นโยคะ ออกกำลังกายเพลินๆ หรืออยู่กับครอบครัวอันเป็นที่รักเสียบ้าง แล้วร่างกายผอมเพรียวหุ่นเยี่ยมก็จะตามมา…

5. นอนน้อย ก็อ้วนได้

การนอน สามารถส่งผลต่อการกินของคุณได้ด้วยหล่ะ เพราะมีข้อค้นพบมาแล้วว่า ผู้ที่นอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน จะมีความรู้สึกอิ่มได้ไวกว่าผู้ที่นอนน้อย ซึ่งผลจากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Chicago ระบุว่า การนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะเป็นการปรับสมดุลฮอร์โมนภายในร่างกาย และกระตุ้นฮอร์โมน ที่ทำให้รู้สึกอี่ม (Leptin) ให้ทำงานเป็นปกติ และยับยั้งการเพิ่มฮอร์โมน ที่กระตุ้นความหิว (Ghrelin) ฉะนั้นเมื่อคุณนอนน้อย วันทั้งวันก็อาจจะรู้สึกหิวง่าย หิวบ่อย ต้องง่วนหาอาหารมาเข้าปากอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จึงเป็นหนทางแห่ง การควบคุมน้ำหนักที่ประหยัด และง่ายเป็นที่สุด!

6. คู่รัก ทำให้คุณอ้วนขึ้นได้ !?

หลายคนฟังแล้วคง ‘งง’ คู่รักฉันจะทำให้อ้วนขึ้นได้ยังไง ? จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ New England เปิดเผยว่า “คู่รัก, คู่สามี-ภรรยา เมื่อฝ่ายหนึ่งเกิดภาวะอ้วน ก็มีโอกาสมากถึง 37% ที่อีกฝ่ายจะเกิดภาวะอ้วนตามไปด้วย”

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะคู่รักมักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน กินอาหารพร้อมกัน หรือกินในรูปแบบเดียวกันเสมอ จึงทำให้พฤติกรรมการกินคล้ายคลึงกัน จึงพากันอ้วนเป็นแพคคู่!

ในทางกลับกัน หากคู่รักของคุณอ้วน แต่กลับชวนกันออกกำลังกาย สรรหาอาหารที่ดีมีประโยชน์ทานเสมอ คุณทั้งคู่ก็จะมีแนวโน้มสุขภาพดี หุ่นเฟิร์ม (firm) ไปพร้อมๆ กัน

7. ไวรัสบางตัวส่งผลให้ “อ้วน”

เชื้อไวรัส (Virus) Adenovirus-36 (เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการ เสียงแหบ ไอ และปวดกล้ามเนื้อ) นอกจากจะทำให้คุณรู้สึกไม่สบายแล้ว ยังส่งผลต่อเรื่องอ้วนได้ด้วย!

ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัย Wisconsin ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการทดลองฉีดไวรัส Adenoviruses-36 ไปยังไก่และหมู พบว่าเชื้อไวรัสดังกล่าว ได้ส่งผลต่อเซลล์ไขมัน

“ไวรัสดังกล่าว ได้เพิ่มจำนวนเซลล์ไขมันในร่างกายของสัตว์เหล่านั้นให้มีจำนวนมากขึ้น” ศาสตราจารย์ Nikhil Dhurandhar หัวหน้าทีมวิจัยระบุ


ดังนั้นการค้นพบนี้จึงเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่ให้ข้อมูลว่า ความอ้วน (โดยเฉพาะในเด็กที่มักติดเชื้อดังกล่าวได้ง่าย) อาจเกิดจากเชื้อไวรัสได้ด้วย ฉะนั้นทางออกที่จะป้องกันอาการอ้วนจากสาเหตุนี้ได้ ก็ต้องย้อนกลับไปที่การออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารให้ถูกสุขลักษณะ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายสมบูรณ์และแข็งแรง จะได้ต้านเชื้อไวรัสไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายๆ

8. การติดเชื้อที่ “หู”

แม้จะไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง แต่เมื่อไม่นานมานี้ ทีมนักวิจัยจาก Linda Bartoshuk's taste lab มหาวิทยาลัย Florida ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า การติดเชื้อที่หูสามารถทำลายเส้นประสาทลิ้มรส (ที่อยู่บริเวณหูชั้นกลาง) ได้

รวมถึงพบว่า ผู้ที่เคยมีภาวะติดเชื้อที่หูหลายคน มักมีภาวะอ้วน และมีแนวโน้มชอบอาหารที่มีรสหวานมากขึ้น โดยทีมผู้วิจัยสันนิษฐานว่า อาจมาจากการที่เมื่อเส้นประสาทรับรสเสียหาย ส่งผลให้คนกลุ่มนี้ รับรสหวานจากอาหารได้น้อยลง จึงทำต้องให้กินรสหวานมากขึ้น ซึ่งแม้จะเป็นความหวานที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อนานวันเข้า แคลอรี่ที่เพิ่มขึ้นนี้ก็จะส่งผลให้เกิดความอ้วนได้

เรียบเรียงจาก ไชน์



>>
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net
กำลังโหลดความคิดเห็น