ASTVผู้จัดการ - กลุ่มปัญญาชนไทยในสหรัฐฯ ร่วมออกจดหมายเปิดผนึกถึง ส.ว.คัดค้านการเร่งรีบออก กม.ลูก 3 ฉบับ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ชี้ มุ่งสนองความต้องการของนักเลือกตั้งฝ่ายเดียว ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เสนอต้องปฏิรูปการเมืองทั้งระบบจึงจะเป็นทางออกที่แท้จริง
กลุ่มคนไทย-ปัญญาชนไทยในสหรัฐฯ รวมตัวออกจดหมายเปิดผนึกถึงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ค้านการเร่งผ่านกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ เพื่อสนองการประกาศยุบสภาล่วงหน้าของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้เป็นการจำกัดสิทธิของประชาชน ปูทางให้นักเลือกตั้งทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เพื่อกลับมาครองอำนาจอีก
“ในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศอังกฤษ การเปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้ง (Re-Districting) เขาไม่ทำกันชุ่ยๆ เพราะมันเป็นการจำกัดสิทธิ (Disfranchise) ประชาชน และผู้สมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น การกระทำใดๆ อันจะนำไปสู่การได้เปรียบเสียเปรียบของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง เขาไม่ทำกัน การกำหนดเขตเลือกตั้งใหม่ในอเมริกา ทำกันทุกสิบปี หลังการสำรวจสำมะโนประชากร ในอังกฤษการกำหนดเขตเลือกตั้งต้องมีการทำแผนที่ประชากร และเขตการเลือกตั้งอย่างละเอียด ซึ่งครั้งสุดท้ายในอังกฤษ ใช้เวลากว่า 3 ปี และใช้เงินกว่า 5 ล้านปอนด์ ไม่ทำตามอำเภอใจของนักการเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณากฎหมายอย่างเร่งรีบ ผ่านสภา 3 วาระรวด พร้อมทั้งยัดเยียดให้ผ่านสภาสูงใน 3 สัปดาห์” จดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าวระบุ
กลุ่มชาวไทยในสหรัฐฯ ยังแสดงความเห็นด้วยว่า กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับเกิดจากการแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2550 ที่ไม่ชอบด้วยครรลองประชาธิปไตยถึง 3 ประการ คือ ลดจำนวนเขตการเลือกตั้งลงโดยไม่มีเหตุผล, การเพิ่มจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อเพื่อเอื้อให้กับนายทุนพรรค และเป็นการแก้รัฐธรรมนูญที่ไม่ผ่านประชามติ ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญฉบับเดิม
“จากภาพที่ปรากฏในระยะนี้ เราไม่เชื่อในความสุจริตของสมาชิกสภาผู้แทน เราสงสัยในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของ ส.ส. เหล่านั้น โดยเฉพาะหน้าที่อันสำคัญสูงสุด “การกำหนดอนาคตของชาติ” ซึ่งต้องมีความกล้าหาญ และจริยธรรมเป็นพื้นฐาน จากการล่มสภาได้ถึง 3 ครั้ง เพราะ ส.ส.เหล่านั้นไม่มีความกล้าหาญพอที่จะลงคะแนน สวนความต้องการของนายทุนพรรค” จดหมายระบุและว่า “เราขอเรียกร้องให้ วุฒิสมาชิกทุกท่าน ร่วมใจกันยุติการเมืองที่ล้มเหลว พาประเทศออกจากความหายนะในอนาคต เริ่มด้วยการหยุดยั้งการออกกฏหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ ร่วมกันหาทางออกให้ประเทศ ด้วยการปฏิรูปการปกครองทั้งระบบ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และความสุขของประชาชน”
สำหรับรายละเอียดของจดหมายเปิดผนึกถึงสมาชิกวุฒิสภา ของกลุ่มคนไทยในสหรัฐอเมริกามีเนื้อหาดังนี้
จดหมายเปิดผนึกถึงสมาชิกวุฒิสภา
เรื่อง ขอคัดค้านการออกกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ๓ ฉบับ
จาก ประชาชนไทยในสหรัฐอเมริกา
เรียน ท่านประธานวุฒิสภาและท่านวุฒิสมาชิกทุกท่าน เราเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยความห่วงใยประเทศชาติ ทุกท่านคงไม่ปฏิเสธว่า กฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง ๓ ฉบับ มีความสำคัญยิ่งต่ออนาคตของชาติ และการพิจารณากฏหมายสำคัญระดับนี้ ควรได้รับการอภิปรายอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่สมาชิกสภาผู้แทนของเรา ผ่านกฏหมายทั้ง ๓ ฉบับ ในเวลาอันรวดเร็ว เพียงเพื่อให้สอดรับ กำหนดการยุบสภาล่วงหน้า ของนายกรัฐมนตรี
ในระบอบประชาธิปไตย ความสำคัญหลักประการหนึ่ง ซึ่งยังผลให้การเลือกตั้ง เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย คือโอกาสในการแข่งขันซึ่งต้องมีเสมอกัน ทั้งที่สมาชิกสภาผู้แทนเหล่านี้ มักทำลายความชอบธรรม ในการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน ด้วยข้ออ้างความเป็นประชาธิปไตยและการเลือกตั้งเสมอมา แต่ในเวลาเดียวกัน ส.ส.เหล่านี้ กลับช่วงชิงความได้เปรียบ เพื่อประโยชน์ฝ่ายตน เพื่อให้ได้โอกาสจัดตั้งรัฐบาล แม้ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกตั้ง และเขตการเลือกตั้งก็ตาม
ในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศอังกฤษ การเปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้ง (Re-Districting) เขาไม่ทำกันชุ่ยๆ เพราะมันเป็นการจำกัดสิทธิ์ (Disfranchise) ประชาชนและผู้สมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้นการกระทำใดๆ อันจะนำไปสู่การได้เปรียบเสียเปรียบ ของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง เขาไม่ทำกัน การกำหนดเขตเลือกตั้งใหม่ในอเมริกา ทำกันทุกสิบปี หลังการสำรวจสำมโนประชากร ในอังกฤษการกำหนดเขตเลือกตั้งต้องมีการทำแผนที่ประชากรและเขตการเลือกตั้งอย่างละเอียด ซึ่งครั้งสุดท้ายในอังกฤษ ใช้เวลากว่า ๓ ปี และใช้เงินกว่า ๕ ล้านปอนด์ ไม่ทำตามอำเภอใจของนักการเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณากฏหมายอย่างเร่งรีบ ผ่านสภา ๓ วาระรวด พร้อมทั้งยัดเยียดให้ผ่านสภาสูงใน ๓ สัปดาห์
อนึ่ง กฎหมายลูกทั้ง ๓ เกิดแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบด้วยครรลองประชาธิปไตย ด้วยเหตุดังนี้
๑. ในประเทศประชาธิปไตย การลดเขตเลือกตั้งหรือลดจำนวนผู้แทนให้น้อยลง ในขณะที่ประชากรความเจริญและปัญหาเพิ่มขึ้นนั้น ถือเป็นการจำกัดสิทธิ์ในการเลือกตั้งของประชาชน แต่ประเทศไทยกลับสวนทาง ด้วยการลดจำนวนเขตการเลือกตั้ง ลงเหลือ ๓๗๕ เขต ในขณะที่ประชากรเพิ่มขึ้น โดยไม่มีความเหมาะสม นอกจากต้องการชิงความได้เปรียบ จากการเพิ่มจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเท่านั้น
๒. เนื่องจากนโยบายการบริหารประเทศของพรรคการเมืองใหญ่ในต่างประเทศ เป็นนโยบายที่มีความต่อเนื่อง และเป็นที่เข้าใจของประชาชน ผู้แทนระบบสัดส่วนถูกกำหนดขึ้น เพื่อคุ้มครองพรรคการเมืองเล็กๆ และป้องกันการผูกขาดอำนาจในหมู่พรรคการเมืองใหญ่ ระบบพรรคในต่างประเทศจึงเข้มแข็ง พรรคการเมืองไทยส่วนใหญ่ เป็นพรรคส่วนบุคคลหรือพรรคที่อยู่ใต้อิทธิพลของกลุ่มทุน นโยบายพรรคมักโลเล เป็นไปตามความต้องการของนายทุน หรืออารมณ์ของประชาชน และประเด็นการเมืองที่เผชิญอยู่ในเวลานั้น ดังนั้น การเพิ่มจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อ ไม่สามารถทำให้ระบบพรรคในประเทศไทยเข้มแข็งขึ้น นอกจากเป็นการเพิ่มโอกาส ให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ระหว่างพรรคและนายทุนของพรรค และส่งผลเป็นการทำลายหลักประชาธิปไตยอย่างรุนแรงเท่านั้น
๓. การเสนอกฎหมายลูกทั้ง ๓ ฉบับนั้น เพียงเพื่อให้สอดรับการแก้รัฐธรรมนูญซึ่งทำลายจารีตประชาธิปไตย ด้วยเหตุถึง ๒ ข้อเป็นอย่างน้อย
๓.๑ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ และ ๒๕๕๐ การผ่านรัฐธรรมนูญของไทย มีการทำประชาพิจารณ์ มาอย่างยาวนานและเป็นระบบ รัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ มีประชามติถึง ๑๔.๗ ล้าน อีกทั้ง รัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐มาตรา ๒๙๑ วรรค ๔ กำหนดให้มีการทำประชาพิจารณ์อย่างชัดเจน แต่การแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้ แอบทำกันระหว่างพรรค โดยไม่แยแสต่อการทำประชาพิจารณ์หรือประชามติ รัฐบาลอ้างข้อตกลงระหว่างพรรค ซึ่งมีมาก่อนการจัดตั้งรัฐบาล และเงื่อนเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุผลในการทำลายประชามติปี ๒๕๕๐ ซึ่งประชาชนชอบและอนุมัติการเลือกตั้งแบบเดิม โดยไม่ละอาย ทั้งที่ นายกรัฐมนตรี ได้สัญญาต่อประชาชนในหลายโอกาส ว่าหากจะแก้รัฐธรรมนูญ จะขอมติจากประชาชนก่อน
๓.๒ การแก้มาตรา ๑๙๐ ซึ่งเกี่ยวกับพระราชอำนาจในการทำสนธิสัญญา การแก้ไขนี้เป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ เพื่อความสะดวกเรื่องการทำสัญญาต่างๆ รวมทั้ง JBC-MOU ซึ่งเกิดจากการสมรู้ร่วมคิดระหว่าง รัฐบาลไทยในอดีต รัฐบาลกัมพูชา และคนขายชาติบางคนในรัฐบาลปัจจุบันเท่านั้น การแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อความสะดวกในการทำงานของรัฐบาล ย่อมหลีกเลี่ยงการลัดวงจรนิติบัญญัติไม่ได้ การแก้รัฐธรรมนูญดังกล่าว จึงเป็นการกระทำอันขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ โดยแท้จริง
จากภาพที่ปรากฏในระยะนี้ เราไม่เชื่อในความสุจริตของสมาชิกสภาผู้แทน เราสงสัยในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของ ส.ส.เหล่านั้น โดยเฉพาะหน้าที่อันสำคัญสูงสุด “การกำหนดอนาคตของชาติ” ซึ่งต้องมีความกล้าหาญ และจริยธรรมเป็นพื้นฐาน จากการล่มสภาได้ถึง ๓ ครั้ง เพราะ ส.ส. เหล่านั้นไม่มีความกล้าหาญพอที่จะ ลงคะแนน สวนความต้องการของนายทุนพรรค จึงหนีหน้าที่จนสภาล่ม และการผ่านกฏหมายสำคัญ ๓ ฉบับ ภายในเวลา ๓ ชั่วโมง โดยเอกฉันท์นั้น เห็นได้ชัดว่า อนาคตประเทศไทย ถูกกำหนดโดยกลุ่มทุนพรรคการเมือง ผ่าน ส.ส.ซึ่งยอมตนเป็นทาสในเรือนเบี้ย
ท่านวุฒิฯ เชื่อหรือว่า ความวุ่นวายของประเทศในเวลานี้ จะยุติลงได้ ด้วยการลดจำนวน ส.ส. เขต และเพิ่มจำนวน ส.ส.สัดส่วน ท่านเชื่อหรือว่า การเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ยุติธรรมขึ้น เพราะการรับรองจากนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งบริหารประเทศ เหมือนแสดงจำอวดหน้าม่าน นอกจากนายกรัฐมนตรีท่านนี้จะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ในการนำประเทศออกจากการเมืองที่ล้มเหลว ตามที่ประกาศไว้เมื่อเข้ารับตำแหน่ง ท่านยังเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งทำให้การเมืองไทย มุ่งสู่ความหายนะยิ่งขึ้น
เราขอเรียกร้องให้วุฒิสมาชิกทุกท่าน ร่วมใจกันยุติการเมืองที่ล้มเหลว พาประเทศออกจากความหายนะในอนาคต เริ่มด้วยการหยุดยั้งการออกกฏหมายลูกทั้ง ๓ ฉบับ ร่วมกันหาทางออกให้ประเทศ ด้วยการปฏิรูปการปกครองทั้งระบบ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และความสุขของประชาชน ก่อนที่จะสายเกินการณ์
เพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ธัชพงศ์ จันทรปรรณิก Washington DC
ดวงมาลย์ มาลยมานMaryland
ปรีดา สุขะชีวินVirginia
สวัสดิ์ นันทบุตรVirginia
กิตติพล เวชบุลLos Angeles California
บุญเรือง เกตุพงษ์สุดาLos Angeles California
บุญชู ศรีพลอยรุ่งLos Angeles California
พงศ์พิลาส โชติกเสถียรLos Angeles California
สุภาพ เปรมโยธิน San FranciscoCalifornia
ภาคภูมิ วัฒนสุภาพNew York
วิชัย ชลาลัยวัลย์New York
ไพลิน คำศิริNew York
ประมุข กรนุประพันธ์Texas
ชัชวาลย์ ท้าวอุตม์HoustonTexas
ฉลาด บันลือภพChicagoIllinois
คเชนทร์ ประจวบสุขFlorida
จารุณี นักระนาด-มาร์ซิลลิ่Rhode Island
จรัสชัย เมฆตระกูลชัย Oregon
ปิติ ตั้งเพียรกิจ Washington
อรพรรณ สวนะปรีดี Las VegasNevada
เรืองระวี หัตถกิจอุดมColorado
ลงวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๔
กลุ่มคนไทย-ปัญญาชนไทยในสหรัฐฯ รวมตัวออกจดหมายเปิดผนึกถึงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ค้านการเร่งผ่านกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ เพื่อสนองการประกาศยุบสภาล่วงหน้าของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้เป็นการจำกัดสิทธิของประชาชน ปูทางให้นักเลือกตั้งทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เพื่อกลับมาครองอำนาจอีก
“ในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศอังกฤษ การเปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้ง (Re-Districting) เขาไม่ทำกันชุ่ยๆ เพราะมันเป็นการจำกัดสิทธิ (Disfranchise) ประชาชน และผู้สมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น การกระทำใดๆ อันจะนำไปสู่การได้เปรียบเสียเปรียบของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง เขาไม่ทำกัน การกำหนดเขตเลือกตั้งใหม่ในอเมริกา ทำกันทุกสิบปี หลังการสำรวจสำมะโนประชากร ในอังกฤษการกำหนดเขตเลือกตั้งต้องมีการทำแผนที่ประชากร และเขตการเลือกตั้งอย่างละเอียด ซึ่งครั้งสุดท้ายในอังกฤษ ใช้เวลากว่า 3 ปี และใช้เงินกว่า 5 ล้านปอนด์ ไม่ทำตามอำเภอใจของนักการเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณากฎหมายอย่างเร่งรีบ ผ่านสภา 3 วาระรวด พร้อมทั้งยัดเยียดให้ผ่านสภาสูงใน 3 สัปดาห์” จดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าวระบุ
กลุ่มชาวไทยในสหรัฐฯ ยังแสดงความเห็นด้วยว่า กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับเกิดจากการแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2550 ที่ไม่ชอบด้วยครรลองประชาธิปไตยถึง 3 ประการ คือ ลดจำนวนเขตการเลือกตั้งลงโดยไม่มีเหตุผล, การเพิ่มจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อเพื่อเอื้อให้กับนายทุนพรรค และเป็นการแก้รัฐธรรมนูญที่ไม่ผ่านประชามติ ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญฉบับเดิม
“จากภาพที่ปรากฏในระยะนี้ เราไม่เชื่อในความสุจริตของสมาชิกสภาผู้แทน เราสงสัยในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของ ส.ส. เหล่านั้น โดยเฉพาะหน้าที่อันสำคัญสูงสุด “การกำหนดอนาคตของชาติ” ซึ่งต้องมีความกล้าหาญ และจริยธรรมเป็นพื้นฐาน จากการล่มสภาได้ถึง 3 ครั้ง เพราะ ส.ส.เหล่านั้นไม่มีความกล้าหาญพอที่จะลงคะแนน สวนความต้องการของนายทุนพรรค” จดหมายระบุและว่า “เราขอเรียกร้องให้ วุฒิสมาชิกทุกท่าน ร่วมใจกันยุติการเมืองที่ล้มเหลว พาประเทศออกจากความหายนะในอนาคต เริ่มด้วยการหยุดยั้งการออกกฏหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ ร่วมกันหาทางออกให้ประเทศ ด้วยการปฏิรูปการปกครองทั้งระบบ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และความสุขของประชาชน”
สำหรับรายละเอียดของจดหมายเปิดผนึกถึงสมาชิกวุฒิสภา ของกลุ่มคนไทยในสหรัฐอเมริกามีเนื้อหาดังนี้
จดหมายเปิดผนึกถึงสมาชิกวุฒิสภา
เรื่อง ขอคัดค้านการออกกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ๓ ฉบับ
จาก ประชาชนไทยในสหรัฐอเมริกา
เรียน ท่านประธานวุฒิสภาและท่านวุฒิสมาชิกทุกท่าน เราเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยความห่วงใยประเทศชาติ ทุกท่านคงไม่ปฏิเสธว่า กฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง ๓ ฉบับ มีความสำคัญยิ่งต่ออนาคตของชาติ และการพิจารณากฏหมายสำคัญระดับนี้ ควรได้รับการอภิปรายอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่สมาชิกสภาผู้แทนของเรา ผ่านกฏหมายทั้ง ๓ ฉบับ ในเวลาอันรวดเร็ว เพียงเพื่อให้สอดรับ กำหนดการยุบสภาล่วงหน้า ของนายกรัฐมนตรี
ในระบอบประชาธิปไตย ความสำคัญหลักประการหนึ่ง ซึ่งยังผลให้การเลือกตั้ง เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย คือโอกาสในการแข่งขันซึ่งต้องมีเสมอกัน ทั้งที่สมาชิกสภาผู้แทนเหล่านี้ มักทำลายความชอบธรรม ในการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน ด้วยข้ออ้างความเป็นประชาธิปไตยและการเลือกตั้งเสมอมา แต่ในเวลาเดียวกัน ส.ส.เหล่านี้ กลับช่วงชิงความได้เปรียบ เพื่อประโยชน์ฝ่ายตน เพื่อให้ได้โอกาสจัดตั้งรัฐบาล แม้ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกตั้ง และเขตการเลือกตั้งก็ตาม
ในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศอังกฤษ การเปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้ง (Re-Districting) เขาไม่ทำกันชุ่ยๆ เพราะมันเป็นการจำกัดสิทธิ์ (Disfranchise) ประชาชนและผู้สมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้นการกระทำใดๆ อันจะนำไปสู่การได้เปรียบเสียเปรียบ ของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง เขาไม่ทำกัน การกำหนดเขตเลือกตั้งใหม่ในอเมริกา ทำกันทุกสิบปี หลังการสำรวจสำมโนประชากร ในอังกฤษการกำหนดเขตเลือกตั้งต้องมีการทำแผนที่ประชากรและเขตการเลือกตั้งอย่างละเอียด ซึ่งครั้งสุดท้ายในอังกฤษ ใช้เวลากว่า ๓ ปี และใช้เงินกว่า ๕ ล้านปอนด์ ไม่ทำตามอำเภอใจของนักการเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณากฏหมายอย่างเร่งรีบ ผ่านสภา ๓ วาระรวด พร้อมทั้งยัดเยียดให้ผ่านสภาสูงใน ๓ สัปดาห์
อนึ่ง กฎหมายลูกทั้ง ๓ เกิดแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบด้วยครรลองประชาธิปไตย ด้วยเหตุดังนี้
๑. ในประเทศประชาธิปไตย การลดเขตเลือกตั้งหรือลดจำนวนผู้แทนให้น้อยลง ในขณะที่ประชากรความเจริญและปัญหาเพิ่มขึ้นนั้น ถือเป็นการจำกัดสิทธิ์ในการเลือกตั้งของประชาชน แต่ประเทศไทยกลับสวนทาง ด้วยการลดจำนวนเขตการเลือกตั้ง ลงเหลือ ๓๗๕ เขต ในขณะที่ประชากรเพิ่มขึ้น โดยไม่มีความเหมาะสม นอกจากต้องการชิงความได้เปรียบ จากการเพิ่มจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเท่านั้น
๒. เนื่องจากนโยบายการบริหารประเทศของพรรคการเมืองใหญ่ในต่างประเทศ เป็นนโยบายที่มีความต่อเนื่อง และเป็นที่เข้าใจของประชาชน ผู้แทนระบบสัดส่วนถูกกำหนดขึ้น เพื่อคุ้มครองพรรคการเมืองเล็กๆ และป้องกันการผูกขาดอำนาจในหมู่พรรคการเมืองใหญ่ ระบบพรรคในต่างประเทศจึงเข้มแข็ง พรรคการเมืองไทยส่วนใหญ่ เป็นพรรคส่วนบุคคลหรือพรรคที่อยู่ใต้อิทธิพลของกลุ่มทุน นโยบายพรรคมักโลเล เป็นไปตามความต้องการของนายทุน หรืออารมณ์ของประชาชน และประเด็นการเมืองที่เผชิญอยู่ในเวลานั้น ดังนั้น การเพิ่มจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อ ไม่สามารถทำให้ระบบพรรคในประเทศไทยเข้มแข็งขึ้น นอกจากเป็นการเพิ่มโอกาส ให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ระหว่างพรรคและนายทุนของพรรค และส่งผลเป็นการทำลายหลักประชาธิปไตยอย่างรุนแรงเท่านั้น
๓. การเสนอกฎหมายลูกทั้ง ๓ ฉบับนั้น เพียงเพื่อให้สอดรับการแก้รัฐธรรมนูญซึ่งทำลายจารีตประชาธิปไตย ด้วยเหตุถึง ๒ ข้อเป็นอย่างน้อย
๓.๑ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ และ ๒๕๕๐ การผ่านรัฐธรรมนูญของไทย มีการทำประชาพิจารณ์ มาอย่างยาวนานและเป็นระบบ รัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ มีประชามติถึง ๑๔.๗ ล้าน อีกทั้ง รัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐มาตรา ๒๙๑ วรรค ๔ กำหนดให้มีการทำประชาพิจารณ์อย่างชัดเจน แต่การแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้ แอบทำกันระหว่างพรรค โดยไม่แยแสต่อการทำประชาพิจารณ์หรือประชามติ รัฐบาลอ้างข้อตกลงระหว่างพรรค ซึ่งมีมาก่อนการจัดตั้งรัฐบาล และเงื่อนเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุผลในการทำลายประชามติปี ๒๕๕๐ ซึ่งประชาชนชอบและอนุมัติการเลือกตั้งแบบเดิม โดยไม่ละอาย ทั้งที่ นายกรัฐมนตรี ได้สัญญาต่อประชาชนในหลายโอกาส ว่าหากจะแก้รัฐธรรมนูญ จะขอมติจากประชาชนก่อน
๓.๒ การแก้มาตรา ๑๙๐ ซึ่งเกี่ยวกับพระราชอำนาจในการทำสนธิสัญญา การแก้ไขนี้เป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ เพื่อความสะดวกเรื่องการทำสัญญาต่างๆ รวมทั้ง JBC-MOU ซึ่งเกิดจากการสมรู้ร่วมคิดระหว่าง รัฐบาลไทยในอดีต รัฐบาลกัมพูชา และคนขายชาติบางคนในรัฐบาลปัจจุบันเท่านั้น การแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อความสะดวกในการทำงานของรัฐบาล ย่อมหลีกเลี่ยงการลัดวงจรนิติบัญญัติไม่ได้ การแก้รัฐธรรมนูญดังกล่าว จึงเป็นการกระทำอันขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ โดยแท้จริง
จากภาพที่ปรากฏในระยะนี้ เราไม่เชื่อในความสุจริตของสมาชิกสภาผู้แทน เราสงสัยในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของ ส.ส.เหล่านั้น โดยเฉพาะหน้าที่อันสำคัญสูงสุด “การกำหนดอนาคตของชาติ” ซึ่งต้องมีความกล้าหาญ และจริยธรรมเป็นพื้นฐาน จากการล่มสภาได้ถึง ๓ ครั้ง เพราะ ส.ส. เหล่านั้นไม่มีความกล้าหาญพอที่จะ ลงคะแนน สวนความต้องการของนายทุนพรรค จึงหนีหน้าที่จนสภาล่ม และการผ่านกฏหมายสำคัญ ๓ ฉบับ ภายในเวลา ๓ ชั่วโมง โดยเอกฉันท์นั้น เห็นได้ชัดว่า อนาคตประเทศไทย ถูกกำหนดโดยกลุ่มทุนพรรคการเมือง ผ่าน ส.ส.ซึ่งยอมตนเป็นทาสในเรือนเบี้ย
ท่านวุฒิฯ เชื่อหรือว่า ความวุ่นวายของประเทศในเวลานี้ จะยุติลงได้ ด้วยการลดจำนวน ส.ส. เขต และเพิ่มจำนวน ส.ส.สัดส่วน ท่านเชื่อหรือว่า การเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ยุติธรรมขึ้น เพราะการรับรองจากนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งบริหารประเทศ เหมือนแสดงจำอวดหน้าม่าน นอกจากนายกรัฐมนตรีท่านนี้จะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ในการนำประเทศออกจากการเมืองที่ล้มเหลว ตามที่ประกาศไว้เมื่อเข้ารับตำแหน่ง ท่านยังเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งทำให้การเมืองไทย มุ่งสู่ความหายนะยิ่งขึ้น
เราขอเรียกร้องให้วุฒิสมาชิกทุกท่าน ร่วมใจกันยุติการเมืองที่ล้มเหลว พาประเทศออกจากความหายนะในอนาคต เริ่มด้วยการหยุดยั้งการออกกฏหมายลูกทั้ง ๓ ฉบับ ร่วมกันหาทางออกให้ประเทศ ด้วยการปฏิรูปการปกครองทั้งระบบ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และความสุขของประชาชน ก่อนที่จะสายเกินการณ์
เพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ธัชพงศ์ จันทรปรรณิก Washington DC
ดวงมาลย์ มาลยมานMaryland
ปรีดา สุขะชีวินVirginia
สวัสดิ์ นันทบุตรVirginia
กิตติพล เวชบุลLos Angeles California
บุญเรือง เกตุพงษ์สุดาLos Angeles California
บุญชู ศรีพลอยรุ่งLos Angeles California
พงศ์พิลาส โชติกเสถียรLos Angeles California
สุภาพ เปรมโยธิน San FranciscoCalifornia
ภาคภูมิ วัฒนสุภาพNew York
วิชัย ชลาลัยวัลย์New York
ไพลิน คำศิริNew York
ประมุข กรนุประพันธ์Texas
ชัชวาลย์ ท้าวอุตม์HoustonTexas
ฉลาด บันลือภพChicagoIllinois
คเชนทร์ ประจวบสุขFlorida
จารุณี นักระนาด-มาร์ซิลลิ่Rhode Island
จรัสชัย เมฆตระกูลชัย Oregon
ปิติ ตั้งเพียรกิจ Washington
อรพรรณ สวนะปรีดี Las VegasNevada
เรืองระวี หัตถกิจอุดมColorado
ลงวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๔