รับตรุษจีนด้วยการนั่งคุยกับสาวหมวยหัวใจอินเตอร์ "กัณทลัส ธนสารศิลป์" ทายาทแห่งเครือสหพัฒน์ ที่แม้ว่าจะมีกิจการในเครือสหพัฒน์ของทางบ้านรองรับ แต่สาวหมวยหัวใจอินเตอร์ก็ขอคว้าโอกาสที่จะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานจากโลกกว้าง ด้วยการรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และวางแผนการตลาด บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด
กัณทลัสเริ่มเดินทางตั้งแต่เด็ก โดยไปเรียนที่ประเทศสิงค์โปร์ตั้งแต่ชั้นมัธยมที่ 1 ถึง 4 ก่อนที่จะย้ายไปเรียนโรงเรียนประจำที่ประเทศอังกฤษและเรียนอยู่ที่นั่นจนจบปริญญาโท โดยหลังจากเรียนปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ จาก ลอนดอน สกูล ออฟ อีโคโนมิก แอนด์ โปลิติคัล ไซนซ์ ประเทศอังกฤษ และศึกษาต่อระดับปริญญาโท สาขาการจัดการระหว่างประเทศที่ คิงก์ คอลเลจ ลอนดอน และยังศึกษาต่อหลักสูตรระยะสั้นที่ ยูซีแอลเอ ด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ จนได้รับเกียรติบัตรสำเร็จหลักสูตร จากนั้นเธอเลือกที่จะหาประสบการณ์การทำงานที่ต่างประเทศก่อนที่จะกลับเมืองไทย
แม้อายุจะไม่มากนัก แต่เรื่องประสบการณ์การทำงานของสาวหมวยอินเตอร์คนนี้ไม่ธรรมดา หลังจากเรียนจบเธอเริ่มงานที่แรกที่ บริษัท ชิเซโด้ (อเมริกา) จำกัด อยู่เป็นเวลา 1 ปี ก่อนจะเปลี่ยนไปทำที่ร้านอาหารโนบุ สาขานิวยอร์ก ซานดิเอโก และลอสแองเจลลิส รวมเวลาประสบการณ์การทำงานต่างประเทศถึง 3 ปี ซึ่งเธอได้เล่าเรื่องราวชีวิตเป็นฉากๆ ให้เราฟังอย่างน่าสนุก ดังนี้
ตะลุยงานต่างแดน
หลังจากเรียนจบและกลับมาตั้งหลักพักผ่อนที่เมืองไทยแล้ว เธอก็เริ่มสตาร์ทชีวิตสาวทำงานที่แรกที่บริษัท ชิเซโด้ (อเมริกา) จำกัด ในตำแหน่งพนักงานฝึกหัด
"สมัครงานไปทางชิเซโด้ (ญี่ปุ่น) แล้วเขาก็ส่งเราไปทำงานที่สหรัฐอเมริกา ในตำแหน่งพนักงานฝึกหัด รับผิดชอบตลาดเอเซียในสหรัฐอเมริกา ทำได้ 1 ปี ก็ลองเปลี่ยนมาเป็นงานด้านบริการบ้างที่ร้านอาหารโนบุ สาขานิวยอร์ก เป็นพนักงานคอยต้อนรับ แนะนำดูแลเทคแคร์ลูกค้า สนุกดี เป็นครั้งแรกที่เราทำงานด้านการบริการ ซึ่งเราต้องใช้จิตวิทยาในการทำงาน ให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาทำในสิ่งที่ต้องการ แต่จริงๆ แล้วเขากำลังทำในสิ่งที่เราต้องการ
จากนั้นเป็นช่วงที่เขากำลังเปิดสาขาใหม่ที่แอลเอ เขาก็ส่งไปทำงานที่แอลเออยู่ 1 ปี แล้วก็ย้ายกลับมารับผิดชอบงานด้านประชาสัมพันธ์ทั้งหมดของที่สหรัฐอเมริกา โดยเรื่องใหญ่ๆ ที่เคยทำตอนนั้นก็คือ กรีนพีช (Green Peace) เขาต่อต้านเรื่องการเสิร์ฟ บูลฟิน ทูน่า (Bluefin Tuna) มายืนประท้วงหน้าร้าน รวมทั้งร้านที่ลอนดอนก็โดนเอาสีไปสาด ตอนนั้นต้องพยายามไม่ให้มีข่าวออกไป แต่ถ้าไม่ทันจริงๆ เราก็ต้องพยายามแก้ข่าวให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับร้าน ทำอยู่ได้ประมาณ 2 ปี ก็รู้สึกว่าได้เวลากลับบ้านเมืองไทย เพราะว่าตัวเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ที่นั่นนาน แถมเพื่อนๆ ก็เริ่มกลับเมืองไทยก็เลยกลับบ้านดีกว่า"
ประสบการณ์แรกที่เมืองไทย
เมื่อปีที่ผ่านมาเธอตัดสินใจกลับมาเมืองไทย และได้ทำงานแรกในเมืองไทยด้วยการร่วมงานกับ บริษัท สยามไวเนอรี่ จำกัด โดยเธอนำความรู้และแนวคิดสร้างสรรค์ตามแบบฉบับของคนรุ่นใหม่ เข้ามาสนับสนุนทุกหน่วยงานในองค์กร โดยเฉพาะงานด้านการตลาด โดยการวางกลยุทธ์ และการสื่อสารทั้งหมดของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและไร่องุ่นภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด
"ครั้งแรกที่กลับมาทำงานที่เมืองไทย ก็ยังปรับตัวเข้ากับระบบการทำงานไม่ได้ แต่ตอนนี้ก็เริ่มโอเคแล้ว ช่วงแรกจึงค่อยๆ เรียนรู้ระบบการทำงาน ว่าองค์กรเป็นอย่างไร? การทำงานในองค์กรต่างประเทศกับองค์กรไทยมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน? มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร? คนไทยขี้เกรงใจ มีเรื่องระดับวัยวุฒิ แล้วก็เรื่องการรับฟังความคิดเห็นอย่างองค์กรต่างประเทศทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ที่เมืองไทยกว่าจะเสนออะไรก็ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย ทำให้บางเรื่องที่ต้องการการตัดสินใจอย่างรวดเร็วไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ที่จริงการรับฟังความคิดคนรุ่นใหม่ เป็นอะไรที่น่าสนใจเพราะเป็นสิ่งใหม่ที่จะพัฒนาองค์กรให้เดินไปข้างหน้า
งานนี้เป็นงานที่ท้าทายแล้วเราก็สนุกกับงาน เพราะวิสัยทัศน์ของบริษัทดี เราต้องการสร้างวัฒนธรรมการดื่มไวน์ในประเทศไทย และสร้างไวน์ไทยให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งอาจต้องเริ่มจากในประเทศก่อน เพราะคนไทยไม่นิยมดื่มไวน์ไทย ทั้งที่ไวน์ไทยคุณภาพดีแล้วก็สามารถดื่มกับอาหารไทยได้ และขาดการสนับสนุนอย่างจริงจังจากภาครัฐด้วย
โปรเจ็กต์ตอนนี้ที่อยากทำคือ เทศกาลการเก็บองุ่นให้เป็นเทศกาลประจำที่ทุกคนรู้กันว่าเดือนมีนาคมจะเป็นช่วงเทศกาลเก็บองุ่น เพื่อที่ทุกคนจะได้รอคอยและอยากไปมีส่วนร่วม แล้วก็อยากให้ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการทำไร่องุ่น ก่อนจะมาเป็นไวน์ สร้างวัฒนธรรมการดื่มไวน์ให้เข้าไปอยู่ในชีวิตของคน เพราะความจริงแล้วไวน์ก็เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์เหมือนกัน"
นิวยอร์ก เกิร์ล
ส่วนหนึ่งที่ทำให้กัณทลัสรู้สึกว่าอยากไปทำงานต่างประเทศ นั่นเป็นเพราะเธอติดใจมนต์เสน่ห์ของเมืองนิวยอร์กจากซีรี่ย์เรื่องฮิต เซ็กซ์ แอนด์ เดอะ ซิตี้ ทำให้เธออยากที่จะลองไปใช้ชีวิตที่นิวยอร์กสักครั้ง
"นิวยอร์กเป็นเมืองที่อยู่แล้วเหนื่อย แต่สนุก เพราะเป็นเมืองที่มีกิจกรรมตลอดเวลา มีงานเทศกาลที่ถูกวางมาแล้วตลอดปี มีปาร์ตี้ อีเวนต์ตลอดเวลา แล้วคนที่นั่นก็สนุกกับการร่วมกิจกรรมทุกอย่างด้วย เราก็สนุก ช่วงปีแรกเขามีกิจกรรมอะไรเราก็ไปตลอด พอปีหลังๆ ก็เริ่มน้อยลงเพราะงานเยอะด้วย
นิวยอร์กเป็นเมืองที่คนแต่งตัวจัดมาก เสื้อผ้าที่เราซื้อและเคยใส่ในชีวิตประจำวันที่นิวยอร์ก แต่พอเอากลับมาเมืองไทยต้องใส่ในโอกาสพิเศษเท่านั้น ที่จริงสไตล์เราก็ชอบอะไรเรียบๆ คัตติ้งเนี้ยบๆ ใส่ได้นาน สีเรียบๆ เสื้อบางตัวซื้อมาตั้งแต่ 5-6 ปีที่แล้วทุกวันนี้ยังใส่อยู่ เพราะเรารักษาของ ฉะนั้น ก็จะชอปปิ้งไม่บ่อย แต่ถ้าเจออะไรที่ถูกใจก็ซื้อบ้างและที่สำคัญนิวยอร์กเป็นเมืองที่อาหารอร่อย เราเป็นคนชอบกินก็มีความสุขมากที่ได้หาร้านอาหารอร่อยๆ กินไปเรื่อยๆ"
ท้าทายเสี่ยงมฤตยู
ใครจะไปคิดว่าสาวหมวยร่างเล็กคนนี้จะชอบกิจกรรมที่ตื่นเต้นท้าทายสไตล์ผาดโผน ซึ่งกิจกรรมที่เธอชื่นชอบมาก และประทับใจไม่หาย แม้ว่าเคยทำให้เกือบเอาชีวิตไม่รอด ก็คือการเล่นสโนว์บอร์ด ซึ่งเธอเพิ่งฝึกเล่นได้ไม่นาน
"ช่วงอยู่ที่นิวยอร์กขับรถไปแค่ 3-4 ชั่วโมงก็ได้เล่นสโนว์บอร์ดแล้ว และเคยมีเหตุการณ์ตอนเล่นสโนว์บอร์ดแล้วล้ม จำอะไรไม่ได้ไปพักหนึ่ง! ตอนนั้นสไลด์ลงมาแล้วล้มหัวฟาดทั้งๆ ที่ใส่หมวกกันน็อก เพื่อนเล่าให้ฟังว่าพอเราล้มแล้วก็ลุกสไลด์ลงมา พอมาถึงข้างล่างเพื่อนๆ เข้าช่วยกันดูแล ส่วนตัวเราได้แต่ร้องไห้ จำไม่ได้เลยว่าใครพูดอะไรกับเราบ้าง เหมือนความจำหายไปช่วงหนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีเพื่อนๆ ที่มาเฝ้าดูก็แยกย้ายกันไปแล้ว ตอนนั้นตกใจมากเพราะกลัวจะเสียชีวิต แถมแอบไปเล่นโดยไม่บอกพ่อแม่ด้วย แต่ว่าการเล่นสโนว์บอร์ดเป็นกีฬาที่สนุกนะ ได้ใช้สมาธิอยู่กับตัวเอง ฝึกในการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย"
ครอบครัวคนจีน
แม้ว่าจะห่างจากครอบครัวเพราะต้องไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ตาม กัณทลัสก็ยังอยู่ในกรอบและประเพณีของลูกหลานไทยเชื้อสายจีนที่ยังปฏิบัติตัวตามธรรมเนียมจีน นอบน้อมและเคารพบรรพบุรุษอยู่เสมอ
"คุณพ่อคุณแม่ปล่อยเราตั้งแต่เด็ก ให้ลองผิดลองถูกเอง แต่เขาจะบอกโน้นบอกนี่ให้เราคิดเอาเอง แม้ว่าจะเป็นลูกสาวคนเดียวก็ไม่เหงานะ เพราะว่าญาติเยอะ ลูกพี่ลูกน้องเยอะ ครอบครัวไม่ได้เลี้ยงแบบจีน แต่ธรรมเนียมทุกอย่างเราก็ต้องไปทำกับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นตรุษจีน เชงเม้ง เราต้องแสดงความเคารพบรรพบุรุษ ส่วนใหญ่ความเชื่อของครอบครัวเป็นแนวไม่ลบหลู่ สมัยคุณปู่คุณย่าให้ทำอะไรเราก็ทำตาม ไม่ว่าจะเป็นการไหว้เจ้า การสานความสัมพันธ์ของครอบครัว ต้องทานข้าวด้วยกัน
อย่างกิจการของครอบครัวก็จะมีญาติๆ ในตระกูลช่วยกันดูแล ทางบ้านก็ไม่บังคับว่าให้เรากลับไปทำงานให้ครอบครัว เพราะโดยส่วนตัวแล้วเราก็มีความฝันว่าวันหนึ่งอยากจะทำอะไรด้วยตัวเองที่เริ่มเองตั้งแต่ 0 -100"
แม้ว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนได้พบเห็นโลกกว้างและวัฒนธรรมที่แตกต่างมากมาย แต่สาวหมวยคนนี้ก็ยังคงยึดในขนบธรรมเนียมเดิมของชาวไทยเชื้อสายจีน ไม่เคยเสื่อมคลาย
Credit
นางแบบ :: กัณทลัส ธนสารศิลป์
แต่งหน้า :: จีรวัฒน์ วรรธนะวิริยะกุล จากเครื่องสำอางลังโคม โทรศัพท์ 0-2684 -3000
เสื้อผ้า :: Shanghai Tang มีจำหน่ายที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โทรศัพท์ 0-2610-9493
ประสานงาน :: สิริลักษณ์ เขตร์กุฎี
ช่างภาพ & สไตลิสต์ :: จิน ธรรมโชติ
บรรณาธิการแฟชั่น :: ไซม่อน พี