คำถาม : ดิฉันกับสามีแต่งงานกันมา 4 ปีกว่า เพิ่งมีลูกคนแรกอายุ 10 เดือน สามีชอบเด็กและอยากมีลูกมาก แต่ตัวเองไม่อยากมีลูก พอมีลูกแล้วก็เลี้ยงเอง รู้สึกว่าตัวเองจะเครียดมาก อารมณ์เสียบ่อย และหงุดหงิดง่าย ดิฉันรู้สึกเหนื่อยที่ต้องทั้งเลี้ยงลูกและทำงานบ้านเอง ถึงแม้สามีจะช่วยเหลือบ้างแต่ต้องเอ่ยปากขอร้อง บ่อยๆ เข้าก็เป็นความหน่าย หมดความอดทนแล้วจึงทะเลาะกันบ่อยๆ ดิฉันรู้ตัวดีว่าเป็นแม่ที่ดีไม่ได้ และเป็นคนมีโลกส่วนตัว คือ ไม่พร้อมจะเสียสละทุกอย่างเพื่อลูก อยากมีชีวิตของตัวเองบ้าง อยากเรียนปรึกษาว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตคู่ราบรื่นให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความสุข ดิฉันต้องปรับปรุงตัวอย่างไร
ปัญหาเหนื่อยกับภาระความ ‘แม่’ จนพาลให้เบื่อหน่ายชีวิตคู่เช่นนี้ ต้องถาม นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลพญาไท 2 ค่ะ
“ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะคุณกำลังดำเนินชีวิตที่ไม่ใช่ตัวของตัวเอง ไม่ได้ทำในสิ่งที่รัก การฝืนใจทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นต้นตอของความเครียดที่เรื้อรัง
จริงๆ แล้วชีวิตมนุษย์เรามี 4 ด้าน คือ การงาน ครอบครัว ส่วนตัว และสังคม ดูจากข้อมูลที่คุณเขียนมา เห็นว่าคุณใช้เวลากับเรื่องครอบครัว และให้เวลาอีก 3 ด้านที่เหลือน้อยลงไป ไม่ได้ทำงานที่สร้างความสำเร็จให้ภาคภูมิใจ ไม่ได้พักผ่อนมีเวลาว่างที่จะได้อยู่คนเดียว รวมทั้งการพบปะเพื่อนฝูง ทุกวันๆ ทำอยู่อย่างเดียวคือ การเลี้ยงลูกตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้หญิงเกือบทุกคนจะมีสัญชาตญาณของความเป็นแม่ เลี้ยงลูกด้วยความรัก แต่หากต้องเลี้ยงลูกอย่างเดียวทั้งวัน สิ่งที่ควรจะรักก็กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อได้ เช่น ถ้าให้ผมตรวจคนไข้ทั้งวันจนแทบไม่ได้พัก ผมก็คงรู้สึกเหนื่อยหน่ายจนกลายเป็นหมอที่ทำตัวหงุดหงิด แผ่รังสีอำมหิตให้คนรอบข้างได้เหมือนกัน
การแก้ปัญหาระยะแรกนี้ ผมแนะนำว่าคุณต้องได้พัก ชนิดที่มีเวลาอยู่คนเดียว ถ้าอยู่บ้านทั้งวันแล้วก็ควรพักแบบเอาตัวเองไปอยู่นอกบ้านบ้าง ในช่วงที่สามีมาดูแลลูก คุณอาจจะออกไปเดินเล่นตามห้างฯ หรือออกกำลังกายที่สวนสาธารณะก็ได้
คุณต้องมีผู้ช่วย เพราะการเลี้ยงเด็กวัย 1 ปี เป็นความเหน็ดเหนื่อยมาก อาจจ้างแม่บ้านหรือให้ญาติสนิทที่ไว้ใจได้มาผลัดเปลี่ยน และคุณจะไม่เหนื่อยมากเกินไป
ควรมีวันหยุดต่อเนื่องที่คุณและสามีได้ใช้ชีวิต ‘สามีภรรยา’ โดยฝากลูกให้ญาติช่วยเลี้ยง มิฉะนั้นนานๆ ไปความสัมพันธ์ฉันผัวเมียจะเลือนหายไป เหลือแต่ความเป็นพ่อแม่ของเด็กคนนี้
การแก้ปัญหาระยะยาวคือเมื่อลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว คุณควรมีงานทำ อาจเป็นงานธุรกิจส่วนตัวที่ทำในบ้านหรืองานอาชีพอิสระ (Freelance) เพื่อจะมีรายได้ของตนเองและมีผลงานทำให้เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
พูดง่ายๆ คือต้องความสมดุลของชีวิตทั้ง 4 ด้าน คือ การงาน(Work Life) ครอบครัว (Family Life) ส่วนตัว (Private Life) และสังคม (Social Life) แล้วคุณจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้นครับ”
เรียบเรียงข้อมูลจากนิตยสาร Modern Mom
ปัญหาเหนื่อยกับภาระความ ‘แม่’ จนพาลให้เบื่อหน่ายชีวิตคู่เช่นนี้ ต้องถาม นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลพญาไท 2 ค่ะ
“ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะคุณกำลังดำเนินชีวิตที่ไม่ใช่ตัวของตัวเอง ไม่ได้ทำในสิ่งที่รัก การฝืนใจทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นต้นตอของความเครียดที่เรื้อรัง
จริงๆ แล้วชีวิตมนุษย์เรามี 4 ด้าน คือ การงาน ครอบครัว ส่วนตัว และสังคม ดูจากข้อมูลที่คุณเขียนมา เห็นว่าคุณใช้เวลากับเรื่องครอบครัว และให้เวลาอีก 3 ด้านที่เหลือน้อยลงไป ไม่ได้ทำงานที่สร้างความสำเร็จให้ภาคภูมิใจ ไม่ได้พักผ่อนมีเวลาว่างที่จะได้อยู่คนเดียว รวมทั้งการพบปะเพื่อนฝูง ทุกวันๆ ทำอยู่อย่างเดียวคือ การเลี้ยงลูกตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้หญิงเกือบทุกคนจะมีสัญชาตญาณของความเป็นแม่ เลี้ยงลูกด้วยความรัก แต่หากต้องเลี้ยงลูกอย่างเดียวทั้งวัน สิ่งที่ควรจะรักก็กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อได้ เช่น ถ้าให้ผมตรวจคนไข้ทั้งวันจนแทบไม่ได้พัก ผมก็คงรู้สึกเหนื่อยหน่ายจนกลายเป็นหมอที่ทำตัวหงุดหงิด แผ่รังสีอำมหิตให้คนรอบข้างได้เหมือนกัน
การแก้ปัญหาระยะแรกนี้ ผมแนะนำว่าคุณต้องได้พัก ชนิดที่มีเวลาอยู่คนเดียว ถ้าอยู่บ้านทั้งวันแล้วก็ควรพักแบบเอาตัวเองไปอยู่นอกบ้านบ้าง ในช่วงที่สามีมาดูแลลูก คุณอาจจะออกไปเดินเล่นตามห้างฯ หรือออกกำลังกายที่สวนสาธารณะก็ได้
คุณต้องมีผู้ช่วย เพราะการเลี้ยงเด็กวัย 1 ปี เป็นความเหน็ดเหนื่อยมาก อาจจ้างแม่บ้านหรือให้ญาติสนิทที่ไว้ใจได้มาผลัดเปลี่ยน และคุณจะไม่เหนื่อยมากเกินไป
ควรมีวันหยุดต่อเนื่องที่คุณและสามีได้ใช้ชีวิต ‘สามีภรรยา’ โดยฝากลูกให้ญาติช่วยเลี้ยง มิฉะนั้นนานๆ ไปความสัมพันธ์ฉันผัวเมียจะเลือนหายไป เหลือแต่ความเป็นพ่อแม่ของเด็กคนนี้
การแก้ปัญหาระยะยาวคือเมื่อลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว คุณควรมีงานทำ อาจเป็นงานธุรกิจส่วนตัวที่ทำในบ้านหรืองานอาชีพอิสระ (Freelance) เพื่อจะมีรายได้ของตนเองและมีผลงานทำให้เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
พูดง่ายๆ คือต้องความสมดุลของชีวิตทั้ง 4 ด้าน คือ การงาน(Work Life) ครอบครัว (Family Life) ส่วนตัว (Private Life) และสังคม (Social Life) แล้วคุณจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้นครับ”
เรียบเรียงข้อมูลจากนิตยสาร Modern Mom