จากจุดเริ่มต้นที่รู้จักเพียงผิวเผินกับคำว่า “นาฬิกา” แต่ในวันนี้หลังจากที่ “เคน-ณัฐภัทร จิรมณีกุล” บุตรชายคนกลางของ “คุณสุทิน จิรมณีกุล” หุ้นส่วนแห่ง Frank’s Jewelry & Watch ได้เข้ามาทำงานบริหารธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว ก็พูดได้อย่างเต็มปากว่าเขากำลังหลงใหล “นาฬิกา” ชนิดเข้าสายเลือดเลยทีเดียว
เรื่องราวของเขาเริ่มตั้งแต่การเดินทางไปเรียนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จากนั้นไม่นานเมื่อโลกประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจปี ค.ศ.1997 เขาจึงถูกส่งตัวกลับมาเมืองไทย แล้วได้ไปศึกษาต่อที่โรงเรียนบางกอกวัฒนา ก่อนที่จะย้ายไปเรียนต่อจนจบระดับไฮสคูลที่ประเทศอังกฤษและเรียนต่อที่นั่นจนคว้าดีกรีปริญญาตรีได้สำเร็จ
“ในช่วงที่เรียนไฮสคูลเลือกเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ ศิลปะ และภาษาฝรั่งเศส พอตอนเข้ามหาวิทยาลัยก็คิดอยู่ว่าจะเรียนด้านใด แต่ด้วยความที่เราสนใจเรื่องธุรกิจและการบริหารจึงเลือกเรียนสาขาธุรกิจระหว่างประเทศ แล้วเลือกเรียนเจาะจงในเรื่องการตลาด ซึ่งถ้ามองลึกลงไปสิ่งที่เราเรียนคือเรื่องของพฤติกรรมผู้บริโภคและการสื่อสารธุรกิจ มองภาพรวมอาจจะใกล้กัน แต่ว่ามีเรื่องจิตวิทยาด้วย
นอกจากนั้นผมยังลงเรียนคอร์สพิเศษที่เรียกว่า มาร์เกตติ้ง อินเตอร์วิว (Marketing Interview) เป็นวิชาเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ ซึ่งเป็นเรื่องของชีวิตจริง เพราะเด็กมหาวิทยาลัยเรียนจบต้องผ่านการสัมภาษณ์เพื่อสมัครงาน ดังนั้น เราต้องรับกับปัญหาเมื่อถูกสัมภาษณ์ได้ ซึ่งตอนที่ผมเรียนจบคอร์สนี้ผมทำได้ค่อนข้างดี ทางมหาวิทยาลัยก็เลยติดต่อให้ผมไปเป็นคนสอบสัมภาษณ์นักศึกษาก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัยด้วย”
จนเมื่อศึกษาจบหลักสูตรอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็ได้เวลาที่เขาต้องเป็นหนุ่มทำงานอย่างเต็มตัว ซึ่งก็มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ของเขา...
ลุยด้วยตัวเอง
เมื่อถึงวันหนึ่งที่เขาต้องก้าวขึ้นสู่อีกขั้นของการใช้ชีวิตคือการทำงาน แม้ว่าใครๆ จะมองว่าเขามีต้นทุนชีวิตที่น่าอิจฉาเพราะครอบครัวมีธุรกิจที่รองรับอยู่แล้ว แต่สำหรับเขาการออกไปโลดแล่นอยู่บนเส้นทางของคนทำงานเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เป็นสิ่งแรกที่เขาสนใจ
“หลังจากเรียนจบก็กลับมาเพื่อหางาน ซึ่งตอนกลับมาใหม่ๆ เรารู้สึกว่าอยากทำงานเป็นคนวางกลยุทธ์ที่เปรียบเหมือนคนทำงานหลังฉาก แต่มีพลังในการขับเคลื่อนองค์กร เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผมจึงเขียนประวัติส่วนตัวแล้วส่งไปตามบริษัทเอเจนซี่โฆษณาชื่อดังหลายๆ แห่งในเมืองไทย ซึ่งตอนนั้นไม่รู้จักใครเลยต้องใช้วิธีโทรศัพท์ถามเบอร์และสถานที่ติดต่อจาก 1133 เป็นสิ่งที่เราสู้...ลุยด้วยตัวเอง
บังเอิญว่ามีอยู่บริษัทหนึ่งเขารับสมัครเด็กฝึกงาน สำหรับเราที่เรียนจบแล้วด้วยความที่อยากได้ประสบการณ์จึงขอเข้าไปเพื่อฝึกงานแล้วก็เริ่มทำ ซึ่งงานที่เขาให้ทำนั้นเป็นงานที่ตรงกับความชอบของผมนั่นคือ การวางแผน โดยเขามอบหมายโปรเจ็กต์มาให้ทำ ผมก็ตั้งใจทำเต็มที่จนมีพี่สนใจงานของผม และสุดท้ายเขาก็รับผมเข้าไปทำในตำแหน่งจูเนียร์ แพลนเนอร์ ที่ซึ่งให้ความรู้เกี่ยวการทำงานจริงมากๆ ได้ทั้งข้อคิดและความสนุกกับงานที่ทำ”
หลังจากสนุกกับการทำงานในบริษัทเอเจนซี่อยู่เกือบ 10 เดือน แต่แล้ววันหนึ่งก็ถึงจุดที่เขาต้องออกมาช่วยดูแลงานของคุณพ่อ ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งและพร้อม เพียงแต่เขามีความมุ่งมั่นและรักความท้าทายที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ค้นคว้าสิ่งใหม่
สำหรับประสบการณ์แล้วนั้นในระยะแรกเคนยอมรับว่าเขาช่างเป็นมือใหม่ในงานด้านนี้ แต่เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่ตัวเขาได้ตัดสินใจเลือกที่จะทำแล้วนั้นไม่ว่าใครจะมองอย่างไร เขาขอใช้ความพยายามอย่างเต็มที่
“การที่ผมจะเข้ามาทำงานกับคุณพ่อ ผมมองว่าช่วงนี้เศรษฐกิจโลกทรุดลงไปมาก การที่เราเข้ามาช่วยเขาในตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้แสดงศักยภาพของเรา ตำแหน่งที่ผมได้รับคือผู้จัดการฝ่ายการตลาด และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ซึ่งต้องดูแลในเรื่องการจัดการ เรื่องคน รวมไปถึงเรื่องการเงินด้วย
ผมอาจจะคุ้นเคยกับร้าน แต่ผมไม่รู้จักแบรนด์นาฬิกาอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่เข้ามาทำงานผมต้องเรียนรู้นาฬิกาทุกแบรนด์ในร้าน ซื้อหนังสือมาอ่านศึกษาจนเรียกได้ว่าตอนนี้ผมคลั่งกับนาฬิกาเลย ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกจนถึงกลไกระบบการทำงานภายใน
ข้อเสียของผมคือถ้าไม่รู้อะไร ต้องรู้ให้ได้ ด้วยการถามหรือซื้อหนังสือมาอ่าน ผมไม่กลัวว่าใครจะหาว่าผมโง่ เพราะคิดว่าคนฉลาดควรจะถาม คนโง่เท่านั้นที่ไม่รู้อะไร แต่คิดว่าตัวเองเก่งเลยไม่ถาม เราเกิดมาไม่ได้เก่งทุกอย่าง เราต้องเรียนรู้ และฝึกฝนให้เป็น นี่คือคติที่ผมยึดมาตลอด
อีกอย่างคือหน้าที่ของผมนั้นมีหลายบทบาทต้องเป็นทั้งผู้นำ ผู้ฟัง และผู้ตามด้วย แม้ว่าตำแหน่งของผมและคนอาจจะมองว่าผมเป็นลูกชายเจ้านาย แต่ด้วยวัยเรายังน้อยจึงต้องดูระดับอาวุโสด้วย”
กลยุทธ์การจัดการ
เป็นเวลากว่า 9 เดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่เขาเข้ามาเรียนรู้กับความท้าทายใหม่ๆ แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เขาได้ค้นพบแนวทางในการบริหารในแบบฉบับที่เป็นตัวของตัวเองอยู่หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีนั้นดูท่าว่าจะไปได้ดีซะด้วย!
“ร้านเราเกี่ยวกับแบรนด์อิมเมจทั้งหมด ทำอะไรต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ทุกวันนี้สิ่งที่ผมทำไม่ใช่แค่โปรโมชั่น แต่ต้องมัดใจลูกค้าให้ได้ (CRM Customer Relationship Management)เพียงแค่เราลองเปลี่ยนมุมมองว่าถ้าเป็นลูกค้าสิ่งที่ต้องการจริงๆ คืออะไร? รวมไปถึงการเรียนรู้เรื่องการขายด้วย ดูว่าลูกค้าชอบอะไร บางคนชอบความสวยงาม บางคนชอบกลไก ถ้าหากมีจุดนี้ทำให้เราเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ซึ่งคนที่มีข้อมูลอินไซต์ที่ดีที่สุดก็คือพนักงานหน้าร้านของเรานี่แหละ ผมจึงหมั่นคุยกับพนักงานของผมเสมอ และยังทำให้ผมได้ความคิดอีกอย่างว่า พนักงานของผมมีความสามารถที่เขาก็สามารถดึงประสิทธิภาพออกมาได้อีก
และโดยส่วนตัวแล้วงานของผมจะแบ่งเป็นงานภายนอกกับภายใน งานภายนอกเป็นงานเร่งด่วนที่ต้องทำอยู่แล้ว ซึ่งก็ต้องมาดูลำดับความสำคัญกันอีกที ส่วนงานภายในก็คือเรื่องระบบการจัดการที่พยายามปรับในลงตัวที่สุด” ซึ่งในวันนี้เรียกได้ว่างานที่ทำอยู่เป็นงานหนึ่งที่ผสานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาแล้ว และเขาก็ยังมุ่งมั่นที่จะทำให้ดีที่สุด
“ทุกวันนี้ผมแข่งกับเวลาและแข่งกับตัวเอง และเมื่อเลิกงานผมจะมานั่งทบทวนว่าวันนี้ผมได้ความรู้อะไรบ้าง ซึ่งทุกวันผมจะได้ความรู้ใหม่ๆ จากการทำงานเสมอ สำหรับผม คำว่า “จ็อบ (Job)” คืองานของผม ส่วนคำว่า “แคร์เรียร์ (Carrier) คืออาชีพของผม ทั้งสองอย่างมีความหมายที่ลึกซึ้ง ฟังแล้วอาจเป็นภาพที่เลือนราง อาจไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่ผมรู้ว่าต้องทำอย่างไรผมถึงจะไปถึงเป้าหมาย”
และในวันนี้เมื่อเขาเริ่มเรียนรู้ทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางแล้ว เขาก็พร้อมที่จะลุยงานทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต เพราะงานนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว
สิ่งที่รักในแบบฉบับผู้ชาย
แนวความคิดดีๆ หลายอย่างของเขานั้นมาจากไลฟ์สไตล์ที่เป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตที่เขาสะสมมาโดยไม่รู้ตัว
“ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ เพราะผมว่าความรู้ทุกอย่างที่ได้มาจากการอ่านเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือแนวการตลาด การบริหาร หรือแม้กระทั่งหนังสือธรรมะ ทุกอย่างให้ความรู้กับเราทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ่านธรรมะให้อะไรกับผมมาก ทำให้มีสติและรู้ว่ากำลังทำอะไรเพื่อที่เราจะได้เตรียมตัวพร้อม
นอกจากนั้นอีกที่เมื่อมีเวลาว่าปุ๊ปเป็นต้องทำก็คือการเรียงรู้กลไกของนาฬิกา โดยลงมือจริงด้วยการแกะชิ้นส่วนออกมาแล้วเรียงตามทฤษฎีที่เราอ่านในหนังสือ หรือบางทีก็จะไปคุยกับช่างทำนาฬิกาเพื่อหาความรู้ ซึ่งตอนนี้นาฬิกาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว”
แม้ว่าจะต้องทำงานในด้านบริหารที่ต้องมีภาพลักษณ์ที่สุขุม เรียบร้อย แต่ในความเป็นผู้ชายเขาก็ยังแฝงด้วยความเอ็กซ์ตรีมในแบบผู้ชายที่ชื่นชอบศิลปะบนเรือนร่างด้วยเช่นกัน
“รอยสักแต่ละชิ้นคืองานดีไซน์ของผมเองและเป็นสิ่งที่ผมรัก ผมว่าเป็นเรื่องของศิลปะ เราไม่ได้ทำอะไรที่เลอะเทอะเกินไป ก่อนที่ผมจะทำอะไรผมวางแผนนะ ไม่งั้นผมคงมานั่งเสียใจว่าสักทำไม ผมสักมาตั้งแต่อายุ 14 ปีแล้ว ที่ไหล่ แขน หน้าอก ขา และที่ชอบคืออันล่าสุดที่หลังเป็นรูปนาฬิกาและชื่อคุณพ่อ แต่เวลาผมทำงานจะมองไม่เห็นเพราะว่าผมใส่สูทตลอด
และอีกอย่างที่ผมชอบก็คือการออกกำลังกาย เมื่อก่อนก็มีไปเรียนต่อยมวยตามค่ายมวยบ้าง แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาเป็นเข้าฟิตเนสแทน จนรู้สึกว่าตัวเองติดการออกกำลังกาย ทุกวันต้องเข้ายิมวันละชั่วโมงสองชั่วโมงก็ต้องไป ผมว่าในเมื่อเราจะทำงานใหญ่เราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม”
Credit
นายแบบ :: ณัฐภัทร จิรมณีกุล
เครื่องประดับ :: นาฬิการุ่น Sport Evolution Impact Chronograph จาก Glashutte Origiral มีจำหน่ายที่ร้าน Frank’s Jewelry & Watch ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน โทรศัพท์ 0-2610-9678-80
เสื้อผ้า :: Emporio Armani มีจำหน่ายที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน โทรศัพท์ 0-2610-9990
แต่งหน้า :: จีรวัฒน์ วรรธนะวิริยะกุล จากเครื่องสำอางลังโคม เมน โทรศัพท์ 0-2684-3000
ประสานงาน :: สิริลักษณ์ เขตร์กุฎี
ช่างภาพ & สไตลิสต์ :: จิน ธรรมโชติ
บรรณาธิการแฟชั่น :: ไซม่อน