เบรเกต์ (BREGUET) ผู้นำแบรนด์นาฬิกาอัญมณีชื่อดังของโลก ในเครือ เดอะ สวอทช์ กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานกาลาดินเนอร์หรู “BREGUET Timeless Feminity” เปิดตำนานนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก “เรน เดอ แนพพ์ (REINE DE NAPLES)”
พร้อมกันนี้ได้นำเสนอคอลเลกชั่นนาฬิกาข้อมือและเครื่องประดับอัญมณีสำหรับผู้หญิง ที่โดดเด่นสูงค่าด้วยกลไกนาฬิกาอันล้ำสมัย อัญมณีเลอค่า และงานดีไซน์อันปราณีต ละเอียดอ่อนแบบผู้หญิง ณ ห้อง รอยัล บอลรูม โรงแรม แมนดาริน โอเรียลเต็ล โดยมีสื่อมวลชนชั้นแนวหน้า, ลูกค้าระดับวีไอพี และบรรดานักสะสมนาฬิกาของเมืองไทยมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
เพื่อให้สมกับชื่อ เบรเกต์ คือ "คิง ออฟ วอทช์" และ "วอทช์ ออฟ คิงส์" งาน “BREGUET Timeless Feminity” ครั้งนี้ ทีมผู้บริหาร มร. คริสตอฟ วิเกอรี่ กรรมการผู้จัดการ The Swatch Group Trading (Thailand) และกฤตยา เลาหพงศ์ชนะ ผู้ดูแลแบรนด์นาฬิกาเบรเกต์ จึงได้ตระเตรียมทุกอย่างไว้อย่างหรูหราระดับเอลิสต์ ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง แบบครบทุกสัมผัส ภายใต้คอนเซ็ปต์ กลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์จักรวรรดิยุโรป ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และความอ่อนหวานของผู้หญิง
ไฮไลต์ของงานต้องยกให้กับนิทรรศการ “เรน เดอ แนพพ์ (Reine de Naples)” ที่สุดแห่งตำนานนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก ที่เบรเกต์ตั้งใจคัดสรรและอิมพอร์ตตรงมาให้ผู้รักนาฬิกาได้ยลโฉมกันอย่างจุใจกันทั้งคอลเลกชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “เลอ เพอที ทริเอนอง (Le Petit Trianon)” คอลเลกชั่นนาฬิกาข้อมือและเครื่องประดับอัญมณีอันเลอค่าสำหรับผู้หญิง ที่เบรเกต์ภูมิใจนำเสนอ เพราะเพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ ในงานบาเซล แฟร์ 2009 ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ผ่านมา
รวมทั้งคอลเลกชั่นอื่นๆ อาทิ คอลเลกชั่น ลา โฮคส เดอ ลา เรน (La Rose de la Reine)”, คอลเลกชั่น เลอ ทอมป์ เดอ ลา ลามัวร์ (Le Temple de l’Amour) และ คอลเลกชั่น เลอ พลูม (Les Plumes) มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ กฤตยา เลาหพงศ์ชนะ ผู้ดูแลแบรนด์นาฬิกาเบรเกต์ กล่าวว่า เรน เดอ แนพพ์ (Reine de Naples) เป็นคอลเลกชั่นที่ระลึกถึงนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก (The First Wristwatch of the World) โดย มร. อับบราฮัม หลุยส์ เบรเกต์ (Abraham-Louis Breguet) ได้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นเมื่อปี คศ. 1810 เพื่อพระนางเจ้า คาโรลีน มูราต (Caroline Murat) หรือที่รู้จักกันดีในนาม Reine de Naples (ราชินีแห่งแคว้นเนเพิลล์) ผู้ซึ่งเป็นน้องสาวของท่านนายพล นโปเลียน โบนาพาร์ท 1 นักรบผู้ยิ่งใหญ่
และต่อมาคอลเลกชั่นนี้ก็ได้ออกแบบเครื่องประดับอัญมณีเข้าชุด ซึ่งเครื่องประดับแต่ละชิ้นต่างก็ได้รับการรังสรรค์ด้วยความวิจิตรบรรจง ดีไซน์ที่สวยงาม หรูหราเฉกเช่นเดียวกับนาฬิกา จนได้กลายมาเป็นมิติใหม่แห่งศิลปะแห่งเรือนเวลาอัญมณีสำหรับผู้หญิงในยุคปัจจุบัน
ซึ่งนอกเหนือจากนิทรรศการคอลเลกชั่นนาฬิกาข้อมือและเครื่องประดับอัญมณีสำหรับผู้หญิง “เรน เดอ แนพพ์ (Reine de Naples)” ที่นำมาให้ยลโฉมกันอย่างใกล้ชิด ภายในห้องเอ็มบาซี่ รูม เบรเกต์ ก็มีบูธโชว์เทคนิคการแกะสลักเปลือกหอยชั้นสูงสำหรับหน้าปัดนาฬิกา จากช่างแกะสลักฝีมือเยี่ยมต้นตำรับชาวอิตาลี 1 ใน 2 ของโลก
โดยงานแกะสลักชนิดนี้จัดได้ว่าเป็นงานศิลปะอันพิสุทธิ์ ที่ต้องใช้ความละเอียด แม่นยำ และปราณีตอย่างที่สุด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมานานนับศตวรรษ โดยช่างฝีมือจะใช้เครื่องมือสตีลปลายแหลมลงมือสลักเปลือกหอยทีละชั้น จนได้ความลึกที่ไม่ถึง 2 มม. แล้วสลักเป็นรูปดอกกุหลาบขึ้น ซึ่งดูเสมือนจริง ทั้งในแง่ของโทนสี มิติ ลักษณะชั้น และความต่อเนื่อง
นับเป็นงานฝีมือที่น่าทึ่งที่สุดอย่างหนึ่งของโลกที่เบรเกต์ภูมิใจนำเสนอ อีกทั้งในอดีตการแกะสลักแบบนี้เป็นที่ชื่นชอบและผลิตเป็นพิเศษสำหรับบุคคลสำคัญในราชวงศ์เท่านั้น
จากนั้นก็ถึงเวลาดื่มด่ำไปกับการรับประทานอาหารค่ำอันเลิศรส ภายใต้บรรยากาศละเมียดละไม เสมือนหนึ่งอยู่ในพระราชวัง โดยเจ้าภาพได้เตรียมการแสดงจากนักร้องคุณภาพเสียงดีรุ่นใหม่และ มืออาชีพมากมาย อาทิ การแสดงโชว์เพลงในสไตล์ Broadway จากศิลปินเพลงแจ๊ซและโอเปร่าชื่อดังของเมืองไทย คุณสายสุนีย์ สุกฤต, การร้องเพลงประสานเสียงไร้เครื่องดนตรีแบบ อาคาเปร่า (A Cappella) จากนักร้องเยาวชนรุ่นใหม่ของค่ายเคพีเอ็น
พร้อมทั้งการบรรเลงเปียโนโดย คุณจักรวาล เสาธงยุติธรรม นักเปียโนและมือคีย์บอร์ดมากประสบการณ์ระดับแนวหน้าของเมืองไทย มาขับกล่อมสร้างความเพลิดเพลินขณะรับประทานอาหาร อีกทั้งยังช่วยเพิ่มอรรถรสของอาหารให้รื่นรมย์
เบรเกต์ปิดท้ายราตรีอันยิ่งใหญ่ ด้วยแฟชั่นโชว์จากนางแบบชั้นนำของเมืองไทย อาทิ แอนนา-นาตาชา เปลี่ยนวิถี, อุ๋ม-อาภาศิริ นิติพน, นุช-นีรนาท โคทส์ ฯลฯ ที่มาพร้อมคอลเลกชั่นนาฬิกาข้อมือและเครื่องประดับอัญมณีสำหรับผู้หญิง “เรน เดอ แนพพ์ (Reine de Naples)” รุ่นใหม่ล่าสุด ในเสื้อผ้าสุดคลาสสิกจากห้องเสื้อ ไข่บูติก โดยขบวนนางแบบจะนำมาแสดงให้ชมและสัมผัสอีกครั้งอย่างใกล้ชิดถึงโต๊ะอาหาร ซึ่งเป็นเมนูเด็ดปิดท้ายค่ำคืนแห่งความหรูหราของเบรเกต์ได้อย่างสวยงาม
