เมื่อเวลาเปลี่ยนไปจากประเทศที่เคยถูกเรียกว่า “มาลายา” เมืองแห่งประวัติศาสตร์ ที่ซึ่งปัจจุบันนี้ถูกเรียกใหม่ว่า “มาเลเซีย” ให้ดูทันสมัย แต่ “มาลายา” หรือ “มาเลเซีย” ก็ยังเป็นเมืองที่สามารถผสมผสานระหว่างความเป็นประวัติศาสตร์กับความศิวิไลซ์ และความแตกต่างระหว่างชนชาติไว้ได้อย่างลงตัว
แม้ว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูหนาวที่มีลมหนาวโชยมาอ่อนๆ แต่สภาพอากาศที่มาเลเซียนั้นแทบจะเรียกได้ว่าร้อนและฝนตกชุกตลอดทั้งปี เว้นแต่ช่วงฤดูร้อนที่ไม่มีลมมรสุมท้องฟ้าก็จะปลอดโปร่ง ฉะนั้น ช่วงเดือนธันวาคมที่ได้มีโอกาสไปเยือนวันหนึ่งเราอาจเจอ 3 ฤดูพร้อมๆ กัน ทั้งร้อน ฝน และอากาศเย็น
การเดินทางไปเยือนมาเลเซียครั้งนี้เริ่มต้นที่การไปเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ของมาเลเซีย นั่นคือ “มะละกา” (Maleka) โดยจุดแรกที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวก็คือ เอ ฟาโมซา รีสอร์ต (A Famosa Resort) มีที่พักครบครัน บนพื้นที่กว่า 520 ไร่ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาว 229 ห้อง คอนโดมิเนียม 355 ห้อง สนามกอล์ฟ 27 หลุม 3 สนามใหญ่ ร้านอาหาร ฟาร์มสัตว์ สวนน้ำขนาดใหญ่ และเมืองคาวบอย (Cowboy Town) ที่เต็มไปด้วยสีสัน
จะว่าไปแล้วการเดินทางไปมาเลเซียครั้งนี้เหมือนเป็นการทบทวนความจำวิชาสังคมในสมัยเรียนมัธยมต้นเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่ตอนเรียนเราคุ้นกับชื่อ “ช่องแคบมะละกา” เมืองท่าสำคัญของประเทศมาเลเซีย และในวันนี้เราได้มาเยือนสถานที่แห่งนั้นจริงๆ ทำเอาใบหน้าของครูสอนวิชาสังคมก็ผุดขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกไม่เสียดายที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมา!
มะละกายังเป็นที่รู้จักกันในชื่อของเวนิสตะวันออก เพราะเคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายเครื่องเทศในแถบนี้ และไม่ว่าจะเดินไปในถนนสายไหนในเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ ก็จะชวนให้หลงใหลในเสน่ห์ของอาคารเก่าแก่แบบโปรตุเกส ดัตช์ และอังกฤษ รวมถึงการค้าขายงานศิลปะ และสัญลักษณ์ของเมืองมะละกาก็คือ ต้นมะขามป้อมที่มีขึ้นอยู่เรียงรายให้เราได้เห็นตลอดสาองข้างทาง
นอกจากนี้ ยังได้สัมผัสสถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญ เช่น โบสถ์เซนต์ฟรานซิสเซอร์เวีย, Memorial Pengisytiharan Kemerdekann เป็นที่ประกาศอิสรภาพแต่ปัจจุบันย้ายไปอยู่ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์แล้วและป้อมปราการ เอ ฟาโมซา ร้านขายของเก่า แกลลอรี่ หรือถ้าอยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่ใช่การนั่งสามล้อธรรมดาเหมือนบ้านเรา ลองนั่งสามล้อที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสวยงามเที่ยวชมเมืองมะละกาได้
เมื่อได้ทบทวนความรู้วิชาสังคมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางเข้าสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือบางครั้งเราขอเรียกฉบับย่อว่า “KL” เพื่อสัมผัสกับความศิวิไลซ์และที่ที่มีความเป็นที่สุดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตึกปิโตรนาส ตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูงถึง 452 เมตรและเสาธงที่สูงที่สุดในโลกที่มีความสูงถึง 100 เมตร
จุดแรกที่เราเริ่มผจญภัยในกัวลาลัมเปอร์คือ ลานเอกราช (Merdeka Square)
ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของสโมสรกษัตริย์รัฐเซอรังงอร์และเป็นสนามที่ชาวมาเลเซียใช้ฉลองการได้เป็นอิสรภาพตรงกันข้ามกับลานเอกราชก็เป็นที่ตั้งของอาคารสุลต่านอับดุลซามัดที่หรูหรา มีลักษณะของหอนาฬิกาและหลังคาเป็นทองแดง ตอนกลางคืนจะสว่างไสวด้วยไฟประดับอันสวยงาม เมื่อก่อนอาจเป็นอาคารปกครองของอังกฤษแต่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนมาเป็นอาคารศาลสูงสุดของมาเลเซียแล้ว
กัวลาลัมเปอร์ เป็นเมืองหลวงที่มีทิวทัศน์สวยงาม เนื่องจากเคยเป็นเมืองอาณานิคมของอังกฤษและแขกมัวร์มาก่อน แม้ว่าจะเป็นเมืองหลวงที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วตามกาลเวลา แต่ว่ากรุงกัวลาลัมเปอร์ก็ยังคงเก็บรักษาภาพลักษณ์เมืองในสวนไว้ โดยจะเห็นได้ว่ามีสวนสาธารณะกลางเมืองอยู่หลายแห่งเผยภูมิทัศน์ที่สวยงามและความสมบูรณ์ของพืชพรรณธรรมชาติที่เขียวขจี หรือจะเป็นโครงสร้างอาคารใหม่ๆ ที่มีอาคารเก่าที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมแทรกตัวอยู่ เช่น อาคารแบบแขกมัวร์ตึกที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษที่มีอายุหลายปี อยู่ใกล้กับอาคารโครงสร้างใหม่หรือแม้กระทั่งคอนโดสูงเสียดฟ้า
สถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ แห่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์สามารถเดินทางถึงกันได้ง่าย เพราะอยู่ไม่ห่างกัน อาจสามารถไปโดยการเดิน รถโดยสารประจำทาง หรือรถไฟฟ้า และถ้าจะไม่พูดถึงตึกคู่ที่สูงที่สุดในโลกก็ดูจะเชยไปหน่อย ซึ่งตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลกนั้นเป็นสถาปัตยกรรมที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมของชนชาติมาเลเซียที่มีทั้งชาวมลายู จีน และอินเดีย ดังจะเห็นได้ว่าตึกแฝดปิโตนาสจะที่มีสะพานเชื่อมกันตรงบริเวณของชั้น 41 เพราะเรื่องของโครงสร้างที่ต้องอาศัยการพยุงกันในยามที่ลมแรง
และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดที่รัฐบาลมาเลเซียภูมิใจนำเสนอ นั่นคือ เมืองปุตราจายา เป็นเมืองปกครองใหม่ ด้วยระยะทาง 25 กิโลเมตรไปทางทิศใต้ของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ปุตราจายา เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองสวนสวยและมีรูปแบบผังเมืองที่มีการวางแผนอย่างดี แต่การออกแบบของสถาปัตยกรรมก็ยังคงเป็นความเป็นธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด แถมยังเป็นที่ทำงานของนายกรัฐมนตรีและเป็นที่ตั้งของกระทรวงต่างๆ
และอีกหนึ่งจุดเด่นที่ชาวมุสลิมอยากจะไปเยี่ยมสักครั้งอยู่ที่มัสยิดปุตราจายา มัสยิดสีชมพูที่มีความงดงามของสถาปัตยกรรมเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีอะไรหลายๆ อย่างไว้พร้อมรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งเราอาจไม่สามารถเล่าถึงความน่าตื่นเต้นได้สมบูรณ์เท่ากับให้เหล่านักแสวงหาความแปลกใหม่ของชีวิตลองไปสัมผัสเอง
เที่ยวสนุกอะไรได้บ้างในมาเลเซีย
มาเลเซียเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถให้ความหลากหลายกับนักท่องเที่ยว เพราะมีครบทั้งทะเลและภูเขา ซึ่งเราได้รวบรวมกิจกรรมที่สามารถสนุกและสัมผัสกับมาเลเซียมาไว้ให้เป็นคู่มือเที่ยวฉบับย่อยๆ กันแล้ว
ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ :: ที่มาเลเซียมีกิจกรรมสำหรับผู้ที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าร้อนชื้นในทามานเนการา หรือจะไปปีนป่ายพิชิตความสูงของเทือกเขาที่ถ้ำบาตูและบูกิตตาคนในรัฐเซอรังงอร์ นอกจากนั้น ยังมีการล่องแพในกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากที่สุไหง ซุงไกในรัฐเปรัคได้อีกด้วย
เที่ยวเทศกาลระดับโลก :: มหกรรมที่คนรักความเร็วไม่ควรพลาดก็คือ การแข่งขันฟอร์มูล่า วันในสนามแข่งที่เซปัง ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ สร้างความตื่นเต้นท้าทายให้กับนักนิยมความเร็ว จนทำให้มาเลเซียเป็นจุดหมายหนึ่งที่สำคัญของการชมกีฬาท้าทายความเร็ว ที่นี่ยังเป็นสนามแข่งขันที่มีความยาวเป็นอันดับสองของโลกอีกด้วย
กอล์ฟ :: ด้วยภาพทางภูมิศาสตร์ทำให้มาเลเซียมีสนามกอล์ฟมากมายที่เป็นทางเลือกให้กับคอวงสวิงทั้งหลาย ตั้งแต่บนภูเขาสูง ริมทะเล เกาะเขตร้อน หรือจะเลือดไดร์ใจกลางเมืองก็มีให้เหล่านักกอล์ฟเลือกตามสไตล์
ดำน้ำ :: มาเลเซียเป็นอีกหนึ่งสวรรค์ของนักดำน้ำ เพราะเต็มไปด้วยสถานที่ดำน้ำที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นและสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งในเอเชียแปซิฟิก ไม่ว่าจะเป็นเกาะบอร์เนียวและเกาะลาบวน ล้วนแล้วแต่อุดมไปด้วยหมู่ปะการังและบรรดาปลาหลากประเภท
ทัวร์สุดอร่อย :: เพราะความหลากหลายทางวัฒนธรรมทำให้มีอาหารอร่อยๆ หลายชาติให้ผู้มาเยือนได้ลิ้มลองไม่ว่าจะเป็นอาหารอินเดีย อาหารจีน หรืออาหารสไตล์มาเลเซียที่ผ่านการผสมผสานด้วยฝีมือเชฟชั้นยอด ซึ่งถ้าหากมาในช่วงเทศกาลอาหารประจำปีรับรองว่าน้ำหนักตัวจะเพิ่มกลับไปอย่างแน่นอน
สวรรค์นักชอป :: กิจกรรมสุดตื่นเต้นของนักชอปปิ้งทั้งหลายรับรองว่าจะต้องมาสยบอยู่ที่มาเลเซีย เพราะที่นี่มีตัวเลือกมากมายทั้งในเรื่องของราคา ตัวสินค้า ซึ่งโดยปกติห้างสรรพสินค้าจะเปิดบริการตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม สำหรับสินค้าประเภทของที่ระลึกสินค้าพื้นเมืองหรืองานฝีมือต้องไปที่ เซ็นทรัล มาร์เกต หรือจะไปเที่ยวตลาดกลางคืนอย่าง ปาซาร์ มาลาม ที่มีสินค้าทุกอย่างตั้งแต่สินค้าสดๆ จากฟาร์มไปจนถึงเสื้อผ้า และเครื่องใช้สอยในบ้าน และทุกๆ ช่วงปลายปีจะมีกิจกรรมเซลลดกระหน่ำครั้งใหญ่ไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยว
Travel Info.
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ :: มาเลเซียแบ่งออกเป็น 3 ส่วนซึ่งประกอบด้วย 13 รัฐในมาเลเซียฝั่งคาบสมุทร, 3 อาณาเขตสหภาพ, รัฐซาบาร์และซาราวัคที่ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว โดยมีกรุงกัวลาลัมเปอร์เป็นเมืองหลวง
ดอกไม้ประจำชาติ :: ดอกชบา 5 กลีบ ที่สื่อถึงกฎหมายที่สำคัญของมาเลเซีย
ลักษณะทางประชากร :: มาเลเซียประกอบด้วยคนเชื้อสายอินเดีย จีน และชนเผ่าพื้นเมือง
ภาษาที่ใช้ :: ภาษามลายูเป็นภาษาทางการแต่ภาษาอังกฤษก็ใช้กันอย่างแพร่หลาย
การท่องเที่ยวมาเลเซียในงบที่จำกัด :: ที่นี่มีที่พักราคาประหยัดมากมายที่กรุงกัวลาลัมเปอร์จะมีที่พักราคาถูกอยู่หลายแห่งที่ถนนบูกิต ถนนตุนกูอับดุลรามาน และในย่านไชน่าทาวน์