เคยได้ยินชื่อและกิตติศัพท์อันเลื่องลือเรื่องความสวยงามและความเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของ ประเทศนิวซีแลนด์ มานาน และคิดว่านิวซีแลนด์คงเป็นเพียงเมืองท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆ คน รวมทั้งตัวผู้เขียนเองซึ่งไม่แน่ใจว่าชาตินี้จะมีโอกาสไปเยือนสักครั้งหรือไม่ ก็ได้แต่ฝัน!! แล้วจู่ๆ เราก็ได้รับคำเชิญจาก การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย ให้เราไปสัมผัสหิมะที่แสนบริสุทธิ์ในฤดูหนาวของประเทศนิวซีแลนด์ โอ้ว…นี่เรื่องจริงหรือจอร์จ!
+ และแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปในเส้นทางแห่งความฝันที่เป็นความจริงที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ในนิวซีแลนด์ ซึ่งการเดินทางของเราในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย และบริษัท บิ๊กเวิลด์ ฮอลิเดย์ จำกัด ที่เตรียมโปรแกรมสุดพิเศษพาเราไปตะลุยเกาะเหนือของนิวซีแลนด์…
เพราะความที่ประเทศนิวซีแลนด์นั้นตั้งอยู่ทางแถบขั้วโลกใต้ ฤดูกาลจึงตรงกันข้ามกับฝั่งยุโรปหรืออเมริกาอย่างสิ้นเชิง เช่น ในช่วงคริสต์มาสที่เด็กฝั่งยุโรปเตรียมปั้นตุ๊กตาหิมะนั้น ที่นิวซีแลนด์เด็กจะกำลังสนุกสนานอยู่กับการก่อปราสาททรายริมชายหาด ฉลองคริสต์มาสในบรรยากาศของฤดูร้อน ฉะนั้นในช่วงเดือนกรกฎาคมที่เราเดินทางไปนั้นจึงต้องงัดเตรียมคอลเลกชั่นฤดูหนาวออกมาไว้ใช้ที่นิวซีแลนด์ด้วย และเมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย!!
+ ด้วยเวลาเกือบ 11 ชั่วโมงที่เราเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย มาสู่ สนามบินนานาชาติโอ๊กแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เราต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าที่แสนเข้มงวดในเรื่องการนำสินค้าบางประเภทเข้าประเทศ เพราะที่ประเทศนิวซีแลนด์มีกฎข้อห้ามคือห้ามนำพืชพันธุ์อาหาร และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ทุกชนิด หรือสินค้าที่อาจเป็นพาหะนำแมลงหรือเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอันตรายต่อพืชและสัตว์ในประเทศนิวซีแลนด์เข้าประเทศ หรือถ้าเรามีสินค้าเข้าข่ายที่ว่าก็ต้องชี้แจงเพื่อตรวจสอบกันก่อน แต่ถ้าเราไม่ได้มีสิ่งของตามที่เขาระบุ เราก็สามารถเข้าไปเป็นนักท่องเที่ยวได้อย่างไม่ยุ่งยากนัก เพราะที่นิวซีแลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องการต้อนรับและอัธยาศัยที่แสนน่ารักของคนในประเทศอยู่แล้ว
+ นิวซีแลนด์ ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นดินแดนที่อายุน้อยที่สุดในโลก แต่ความประทับใจที่ทุกคนได้ไปเยือนมานั้นกลับไม่น้อยเหมือนอายุของดินแดน ที่นี่มีเสน่ห์รอบตัวมากมายที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวที่เคยไปแล้วยังอยากที่จะกลับไปอีกสักครั้ง และอีกหนึ่งความหมายที่น่ารักๆ ของนิวซีแลนด์ ในภาษาเมารีนั้นก็ยังหมายถึง "ดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาว" อีกด้วย
จุดหมายแรกที่เรามาถึงนิวซีแลนด์คือการเที่ยวชมตัวเมืองโอ๊กแลนด์ เมืองที่ได้รับสมญานามว่า "เมืองแห่งการแล่นเรือใบ" เนื่องจากมีอ่าวจอดเรือที่สมบูรณ์ และชาวเมืองนี้มักแล่นเรือใบกันมากในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้วิวทิวทัศน์ของอ่าวเมืองโอ๊กแลนด์มีสีสันสวยงามมาก อีกทั้งยังเป็นเมืองท่าเรือที่สำคัญแห่งหนึ่งของเกาะเหนือด้วย
+ ที่โอ๊กแลนด์นี้แม้ว่าจะไม่ใช่เมืองหลวงแต่ก็มีสถานกงสุลของหลายๆ ประเทศตั้งอยู่ไม่น้อยไปกว่ากรุงเวลลิงตันเมืองหลวงเลย เพราะว่าโอ๊กแลนด์เป็นเมืองขนาดใหญ่และเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของประเทศที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีประชากรประมาณ 1.4 ล้านคน ถึงแม้จำนวนประชากรในเมืองโอ๊กแลนด์จะมีจำนวนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก แต่นับว่าเป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดในนิวซีแลนด์ รวมถึงเป็นเมืองที่มีอัตราเฉลี่ยของจำนวนบ้านต่อประชากรหนึ่งคนสูงที่สุดในโลกอีกด้วย
สิ่งที่เห็นเด่นเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอ๊กแลนด์ก็คือ สกาย ซิตี้ ทาวเวอร์ หอคอยชมวิวที่มีความสูงถึง 320 เมตร มีพื้นเป็นกระจกแก้วให้ยืน ทดสอบความเสียวของตัวเอง และที่เห็นด้านหลัง ก็จะมีบันจี้ จัมป์ กลางเมืองเป็นรีเวิร์ส บันจี้ ที่มีลักษณะเหมือนดีดหนังสติ๊กขึ้นท้องฟ้าไว้ท้าคนที่ชอบความเสียวมาลองดูสักครั้ง
+ ระหว่างการเดินทางเที่ยวชมเมือง จากตอนแรกๆ แดดจ้าฟ้าใสต้อนรับการมาเยือนของเราอยู่ดีๆ สักประเดี๋ยวก็มีเมฆฝนก้อนใหญ่กระหน่ำตกลงมาแล้วก็หยุดไปและแดดออกต่อทันที เดาใจสภาพอากาศไม่ถูกเลยจริงๆ! ที่เกิดอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลันนั้น เป็นเพราะความที่ภูมิประเทศเป็นชายฝั่งทะเลทำให้เกิดความชื้นง่ายทำให้ฝนตกแบบไม่ทันตั้งตัว ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ชาวนิวซีแลนด์จำเป็นต้องพกตลอดเวลาก็คือร่ม พร้อมรับมือฝนที่อาจตกเมื่อไหร่ก็ได้
จากนั้นเราก็เดินทางไปยังอีกที่ที่เป็นไฮไลต์ของโอ๊กแลนด์ก็คือ Mt.Eden หรือ ยอดเขาอีเดน ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 196 เมตร เป็นจุดที่สูงที่สุดในโอ๊กแลนด์ โดยเราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองโอ๊กแลนด์ได้ทั้งเมืองอย่างชัดเจนแบบ 360 องศา ที่นี่เราได้เห็นรุ้งหลังฝนเฉดสีชัดเจนโดยมีแบ็กกราวน์เป็นท้องฟ้าที่สดใสหลังฝน เรียกว่าเป็นของขวัญชิ้นงามจากธรรมชาติในวันแรกของการมาถึงนิวซีแลนด์เลย
แล้วเราก็ไปเที่ยวชมรอบๆ เมืองโอ๊กแลนด์กันต่อ โดยผ่าน วิกตอรี ปาร์ก มาร์เกต แหล่งชอปปิ้งของมือสอง ถนนควีนส์สตรีทแหล่งชอปปิ้งเด็ดแบรนด์เนม ย่านคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อัลเบิร์ต ปาร์ก ที่อยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยโอ๊กแลนด์ สะพานฮาร์เบอร์ และไปชมวิวตามเส้นทาง ตามากิ ไดรฟ์ เลียบชายฝั่งโอ๊กแลนด์ ซึ่งคราวนี้ทำให้เราเข้าจะระบบเศรษฐกิจ สังคมและระบบการศึกษาของที่นี่มากขึ้น โดยนิวซีแลนด์ได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินสูง เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะอันอุดมสมบูรณ์ ประชาชนอยู่ดีกินดี รัฐบาลให้การดูแลเรื่องสวัสดิการต่างๆ เป็นอย่างดี อาชญากรรมจึงมีน้อย
+ นอกจากนี้ นิวซีแลนด์ยังเป็นประเทศหนึ่งที่มีชื่อเสียงเรื่องการศึกษา ตั้งแต่เด็กนั้นการศึกษาจะไม่เครียดและกดดันเด็กเท่าไหร่เน้นการค่อยเป็นค่อยไป แต่จะเข้มงวดขึ้นในระดับสูงขึ้น ซึ่งรัฐเองก็ส่งเสริมเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก รวมถึงการดูแลนักเรียนต่างประเทศที่มาศึกษาในนิวซีแลนด์ด้วย และวันต่อมาก็เป็นวันที่เราต้องเริ่มออกผจญภัย เที่ยวชมธรรมชาติของนิวซีแลนด์แบบเต็มตัว โดยคราวนี้เราต้องเดินทางจากโอ๊กแลนด์ไปยังเมืองโรโตรัว ที่ต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยระหว่างทางนั้นไกด์นำเที่ยวของเราก็ได้เล่าถึงประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของประเทศนิวซีแลนด์
+ นิวซีแลนด์นั้นเดิมถูกปกครองโดยชาวเมารี แต่มีนักล่องเรือชาวดัตช์ ชื่อ อเบล แอนชุน ทัสแมน ได้ล่องเรือเลียบมาทางออสเตรเลียและได้พบเกาะนิวซีแลนด์เข้า และได้พบกับชาวเมารีที่ส่วนใหญ่นั้นเป็นมิตรจึงได้ตั้งชื่อเกาะนี้ว่า Nieuw Zeeland หรือ New Zealand จากนั้นชื่อเสียงของนิวซีแลนด์ก็เป็นที่รู้จักกันในยุโรป เพราะมีธรรมชาติที่สวยงามเหมาะกับการเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์มาก ต่อมากัปตันเจมส์ คุก ได้ล่องเรือมาบ้าง แต่โชคดีที่มีคนบนเรือสามารถพูดภาษาไวทิงกิได้บ้าง จึงเจรจากับชาวเมารีได้ และพบว่าชาวเมารีเป็นชนเผ่าสายเลือดนับรบ จึงได้ตกลงแลกพืชพันธุ์กับอาวุธจากทางยุโรป และต่อมาเมื่อชาวเมารีมีอาวุธมากจึงสู้รบกันจนชนเผ่าเมารีลดลง ทางอังกฤษจึงได้ส่งคนมาทำสัญญา ที่มีชื่อว่า สนธิสัญญาไวทังกิ (Treaty of Waitangi) เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ และได้ถือเอาวันนั้นเป็นวันชาตินิวซีแลนด์ด้วย
ได้ฟังทั้งเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและชื่นชมกับวิว ทิวทัศน์สองข้างทางระหว่างเดินทางแล้ว ทำให้เราเพลิดเพลินจนไม่หลับเลยตลอดทาง (ทั้งที่ปกติขึ้นรถปุ๊ปเป็นหลับปั๊ป) และสิ่งหนึ่งที่เราเห็นและอดที่จะรีบคว้ากล้องถ่ายรูปขึ้นมาเก็บภาพความประทับใจทุกครั้งก็คือ ภาพของ ”รุ้งกินน้ำ” สีสวยสด ที่คราวนี้เราเห็นเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมบรรจบกับพื้นราวกับเป็นสะพานทอดผ่านให้เราเดินขึ้นไปเลยทีเดียว…
แล้วด้วยเวลาไม่นานเราก็เดินทางมาถึงทะเลสาบโรโตรัว เพื่อล่องเรือเลกแลนด์ ควีน ชมวิวทิวทัศน์พร้อมรับประทานอาหาร หลังจากอิ่มเอมกับอาหารและบรรยากาศของทะเลสาบโรโตรัวแล้ว เรากำลังจะเดินทางไปพบกับอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศนิวซีแลนด์ที่ อโกรโดม (Agrodome) ฟาร์มเลี้ยงแกะแห่งใหญ่ในเมืองโรโตรัว เพื่อชมการแสดงของแกะพันธุ์ต่างๆ ที่เดินเรียงรายราวกับแฟชั่นโชว์บนเวที พร้อมชมการสาธิตการตัดขนแกะที่แสนสนุกสนานอีกด้วย ซึ่งจากข้อมูลทางสถิติของประเทศนิวซีแลนด์แล้วจำนวนประชากรแกะมีมากกว่าจำนวนพลเมืองประชากรมนุษย์ในนิวซีแลนด์เสียอีก
+ ชิลๆ กับธรรมชาติและความน่ารักของเจ้าแกะตัวน้อยกันสักพักก็ได้เวลาเล่นไปกิจกรรมสนุกๆ กันที่ สกายไลน์ กอนโดล่า แอนด์ ลูจ ไรด์ โดยเราต้องนั่ง กระเช้ากอนโดล่า เพื่อขึ้นไปบนยอดเขาที่สูง 487 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ได้เห็นวิวทะเลสาบและเมืองโรโตรัวแบบพาโนราม่า ก่อนที่เราจะสไลด์ลูจจากยอดเขาสู่ด้านล่าง การเล่นลูจที่นี่มี 2 เส้นทางให้เลือก
สำหรับคนที่ชอบความท้าทายก็อาจจะเลือกเล่นในเส้นทางแอดวานซ์ ที่เส้นทางจะขดเคี้ยวและชันกว่าแบบเบสิก ส่วนตัวเองขอเลือกแบบเบสิกจะดีกว่า เพื่อความชัวร์!! กะว่าจะเล่นอีกสักรอบเพื่อลองแบบแอดวานซ์สักหน่อย แต่ด้วยความที่เป็นช่วงฤดูหนาวทำให้มืดเร็ว
และนี่ก็ใกล้จะมืดแล้วแถมเรายังมีโปรแกรมไปเซย์ฮัลโหลเจ้านกกีวีอีก เราจึงต้องรีบเดินทางไปยัง เรนโบว์ สปริง สถานอนุรักษ์พันปลาเทร้า ที่มีปลาเทร้านับหมื่นตัวจากทะเลสาบมาวางไข่ตามธรรมชาติ และยังมีต้นเฟิร์นสีเงิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศนิวซีแลนด์ด้วย ต้นเฟิร์นสีเงินมีความสูงเกือบ 2 เมตร ขนอ่อนๆ บนใบเฟิร์นทำให้สีของใบเฟิร์นมองเห็นเป็นสีเงิน ในตอนแรกนึกอยากจะได้ต้นเฟิร์นสีเงินมาเป็นของฝากคนรู้จักที่นิยมการปลูกเฟิร์น แต่เมื่อถูกคุณไกด์ทักท้วงเรื่องการนำกลับประเทศแล้ว ก็เลยคิดว่าให้อยู่ที่นิวซีแลนด์นั่นแหละเหมาะที่สุดแล้ว!!
+ หลังจากที่เดินชมปลาและพันธุ์ไม้ต่างๆ เกือบรอบ ก็ได้เวลาไปทักทายนกกีวีสักหน่อย นกกีวีเป็นนกที่ออกหากินเฉพาะเวลากลางคืน ฉะนั้น ที่นี่จึงต้องจำลองสภาพแสงภายในห้องกีวีเหมือนกับเป็นกลางคืนตลอดเวลาเพื่อให้นกกีวีได้ออกมาปรากฏตัวให้เราเห็น แต่เราต้องเก็บเสียงให้เงียบที่สุด มิฉะนั้นนกกีวีจะไปแอบซ่อนไม่ให้เราเห็น จากการช่วยกันมองหานกกีวีของคณะที่เดินทางไปด้วยกัน สักพักเราก็เห็นนกกีวีกำลังเดินคุ้ยเคี่ยพื้นเพื่อหาของกิน
ว้าว…ในที่สุดเราก็มาถึงนิวซีแลนด์แล้ว!! นกกีวีจัดว่าเป็นสัตว์หายากที่ใกล้สูญพันธุ์ซึ่งตอนนี้เหลือน้อยเต็มทีและการขยายพันธุ์ก็เป็นไปได้ยากเสียด้วย ฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่เราจะได้เห็นนกกีวีตัวเป็นๆ
+ อีกแหล่งท่องเที่ยวของโรโตรัวที่ห้ามพลาดก็คือ เต ปุยเอ เป็นศูนย์วัฒนธรรมและศูนย์ฝึกหัดงานด้านการฝีมือของชาวเมารี มีการจำลองวิถีความเป็นอยู่ของชาวเมารี เช่น การแกะสลักไม้ และการทอเครื่องนุ่งห่ม นอกจากนั้นภายในเต ปุยเอ ยังมีบ่อน้ำพุร้อน บ่อโคลนเดือด สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากพลังความร้อนใต้พิภพที่พวยพุ่งจากพื้นดินทำให้โรโตรัวได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพลังความร้อนใต้พิภพ และด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยบวกกับการที่เป็นประเทศรักษาสิ่งแวดล้อม พลังงานความร้อนใต้พิภพได้ถูกนำมาผลิตไฟฟ้าเป็นพลังงานไอน้ำจ่ายไฟสำหรับบ้านเรือนในเมืองโรโตรัวทั้งเมืองได้เลยทีเดียว
+ และอีกหนึ่งจุดหมายที่เราต้องไปก็คือ เตาโป ที่ที่มีทะเลสาบเทาโปอันเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนิวซีแลนด์ และน้ำตกฮูก้าอันงดงาม ที่ซึ่งแม่น้ำไวคาโตกระโจนผ่านช่องเขาแคบๆ และข้ามชั้นหินสูง 11 เมตร กลายเป็นน้ำตกที่สวยงามเมื่อต้องแสงแดด และฝอยน้ำที่เย็นเฉียบจะทอประกายสีเขียวอมฟ้าก่อนไหลลงสู่สระน้ำเบื้องล่าง พาลให้คิดถึงบางฉากจากภาพยนตร์เรื่องโปรด เดอะ ลอด ออฟ เดอะ ริงส์ ที่หลายๆ ฉากของเรื่องใช้นิวซีแลนด์เป็นโลเกชั่นในการถ่ายทำ
ที่น้ำตกแห่งนี้เราสามารถชมความงามอย่างใกล้ชิดด้วยการนั่งเจตโบ๊ตไปชมแม่น้ำและช่วงน้ำตกอันสวยงาม และสิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงนิวซีแลนด์นั่นก็คือ การท้าทายตัวเองด้วยกีฬากระตุกต่อมเสียว พิสูจน์ความกล้า ด่งบการโดดบันจี้จัมป์ กีฬายอดนิยมและเลื่องชื่อของประเทศนิวซีแลนด์ แต่เมื่อลองไปยืนอยู่ในบรรยากาศจริงแล้วสมาชิกกรุ๊ปของเราก็ขอบาย เพราะด้วยความสูงกว่า 43 เมตร เบื้องหน้าแล้ว เราขอเป็นกองเชียร์ปรบมือให้กับนักท่องเที่ยวใจกล้าท่านอื่นๆ ดีกว่า
+ และไฮไลต์ของการมาเที่ยวนิวซีแลนด์ครั้งนี้ก็มาถึง เพราะเป็นวันที่เรากำลังจะเดินทางไปสู่ลาน สกีวาคาปาป้า ลานสกีที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุดในเกาะเหนือ โดยมีลานสกีสำหรับการฝึกเล่นสกีและสำหรับนักเล่นสกีจากทั่วโลก โดยในช่วงเช้าของวันที่เราเดินทางจากเทาโปไปยังลานสกีนั้นปรากฏว่ามีฝนตก ซึ่งถ้าสภาพอากาศไม่ดีเราก็อาจจะไม่สามารถขึ้นไปเล่นสกีได้ แต่โชคดีที่เมื่อเราขึ้นไปถึงยอดท้องฟ้าก็กลับสดใสทำให้เราได้เก็บภาพภูเขาสูงที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาวและได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
ในการเล่นสกีนั้นนอกจากการเตรียมร่างกายให้แข็งแรงแล้วเรายังต้องมีอุปกรณ์ เครื่องแต่งกายที่พร้อมด้วยเพราะเนื่องจากบนยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมจะมีอากาศหนาวมากและหิมะหนา ฉะนั้น เสื้อผ้าอาจจะต้องเป็นชนิดหนาพิเศษและที่สำคัญต้องสามารถกันน้ำได้ด้วย หรือถ้าเราไม่พร้อมที่นี่ก็มีบริการให้เช่าทั้งชุดเดินหิมะ ชุดเล่นสกี และอุปกรณ์ต่างๆ ด้วย
+ เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ได้เวลาสัมผัสกับหิมะอันขาวบริสุทธิ์ โดยเราต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปยังจุดสตาร์ทสำหรับสไลด์สกีที่มีหลายจุด ไต่ระดับไปตั้งแต่ 1,760 เมตร ไปจนถึงสูงสุดที่ 2,245 เมตร ด้วยใจนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ขอขึ้นไประดับสูงสุดแม้จะเล่นสกีไม่เป็นก็ตามที แต่อย่างน้อยก็ขอขึ้นไปแอ็กชั่นกับบรรยากาศยอดเขาสักหน่อย และหลังจากเพลิดเพลินกับการเล่นคว้างหิมะสักระยะหลายคนอาจจะรู้สึกเหนื่อย เพราะความที่ยอดเขามีอากาศเบาบางประกอบกับการวิ่งเล่นของเราอาจทำให้เหนื่อยเร็วเป็นพิเศษ ไกด์จึงต้องคอยดูแลและส่งสัญญาณให้ลงได้แล้วเพราะเกรงว่าจะไม่สบาย เนื่องจากร่างกายเราไม่ชินกับสภาพอากาศที่ทั้งหนาวเย็นและอากาศเบาบาง แต่ใจของเรายังไม่อยากจากกองหิมะขาวพิสุทธิ์เหล่านั้นเลย...
อาจจะเป็นเพราะความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในด้านทัศนียภาพ อากาศ และความบริสุทธ์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกที่ด้วยความเต็มใจทำให้ประเทศนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่น่าประทับใจ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปเยือนอีกสักครั้ง และแน่นอนว่าความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับนิวซีแลนด์คงจะยังไม่จางหายไปง่ายๆ แน่ เพราะคราวใดที่เราได้มองเห็นเมฆยาวสีขาวและสายรุ้งสีสดใส เราก็จะหวนลำรึกถึงนิวซีแลนด์อีกแน่นอน
Travel Info.
:: การไปเยือนประเทศนิวซีแลนด์คุณต้องมีวีซ่า และถ้าเข้าไปทำงานก็ต้องมีใบอนุญาตทำงานระบุอย่างชัดเจน หรือถ้าจะขับรถเที่ยวเองคุณก็ต้องมีใบขับขี่สากลด้วย
:: ประเทศนิวซีแลนด์มีประชากรประมาณ 4 ล้านคน ประกอบไปด้วยผู้คนหลายชาติ หลายภาษา เนื่องด้วยนโยบายของรัฐบาลนิวซีแลนด์ที่สนับสนุนให้ผู้มีความรู้ความ สามารถจากประเทศต่างๆ เข้ามาตั้งถิ่นฐานได้นั่นเอง ชาวนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวยุโรป เช่น อังกฤษ สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ส่วนชนเผ่าพื้นเมืองเรียกว่า ชาวเมารี ซึ่งมีผิวสีเหลืองมีอยู่ประมาณ 151,100 คน ซึ่งมีสิทธิทางสังคมเทียบเท่ากับชาวผิวขาวทุกอย่าง
:: กิจกรรมภายนอกที่เป็นที่นิยมของชาวนิวซีแลนด์คือ กีฬารักบี้ คริกเกต และเนตบอล รวมถึง กีฬาเอกซ์ตรีมสปอร์ตและการเดินไกลด้วย
:: ต้นกำเนิดบันจี้จัมป์ เอ เจ แฮกเกตต์ (A J Hackett) เริ่มจากการสร้างความน่าเชื่อถือของความปลอดภัยในการกระโดดด้วยการกระโดดบันจี้ที่หอไอเฟลในกรุงปารีส จากนั้นเขาก็สร้างความน่าตื่นเต้นอีกด้วยการกระโดดบันจี้ที่สะพานประวัติศาสตร์เหนือแม่น้ำคาวาราว ใกล้ๆ เมืองควีนส์ทาวน์ ซึ่งนับเป็นการโดดบันจี้อย่างเป็นทางการที่แรกในโลกที่ความสูง 43 เมตร ท่ามกลางทิวทัศน์โดยรอบอันงดงาม สำหรับผู้นิยมความตื่นเต้นเมื่อได้มานิวซีแลนด์ต้องแวะมาสัมผัสประสบการณ์เสียวต้นแบบของโลกสักครั้ง
:: การเดินทางระหว่างเกาะเหนือและเกาะใต้ของนิวซีแลนด์สามารถเดินทางได้ทั้งทางเครื่องบินและทางเรือเฟอร์รี่ โดยทางเรือจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ในการข้ามไปยังอีกเกาะ
:: ร้านค้าส่วนใหญ่ในนิวซีแลนด์จะเปิดทำการเวลา 09.00-17.30 น. (วันจันทร์-วันพฤหัสบดี) และวันศุกร์เปิดถึง 21.30 น. เมืองใหญ่จะเปิดทำการวันเสาร์ด้วย ระหว่างเวลา 09.30-17.30 น.
:: ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ สามารถติดต่อได้ที่การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย โทรศัพท์ 0-2670-0116 หรือแวะชมได้ที่เว็บไซต์ www.newzealand.com
กีวีกับนิวซีแลนด์
กีวี (Kiwi) เป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของประเทศนิวซีแลนด์ แต่ความจริงแล้วกีวีมีแหล่งกำเนิดมาจากบริเวณหุบเขาหยางซี ประเทศจีน ก่อนหน้านี้ผลไม้กีวีไม่เป็นที่รู้จักของชาวโลกเท่าไหร่ แต่เมื่อได้นำมาถูกทดลองปลูกที่นิวซีแลนด์แล้วได้ผลผลิตและรสชาติที่ดี จึงทำให้กีวีเป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากขึ้น ยิ่งในปี 1998 ได้มีการค้นพบกีวีสีทอง (Zespri Gold Kiwi) ซึ่งมีเนื้อสีเหลืองและรสชาติหวานฉ่ำกว่าเดิมมาทดแทนพันธุ์สีเขียว (Hayward Green Kiwi) ที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวด้วยแล้ว ยิ่งทำให้กีวีกลายเป็นที่นิยมยิ่งขึ้น
กีวีมีคุณค่าทางวิตามินซีมากกว่าส้มสองเท่าตัวและยังมีวิตามินอีมากกว่าผลอะโวคาโดถึงสองเท่าตัว และมีคุณค่าทางโภชนาการอยู่มาก นอกจากนี้ ยังพบว่า การเก็บกีวีไว้ในตู้เย็นหรือห้องเย็นสามารถที่จะรักษาคุณภาพกีวีได้นานถึง 6 เดือน
ชอปอะไรบ้างที่นิวซีแลนด์
ที่นิวซีแลนด์มีแหล่งชอปปิ้งมากมาย ตั้งแต่ตลาดงานศิลปะและงานฝีมือ แกเลอรี่ ร้านขายของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์ ไปจนถึงร้านของดีไซน์เนอร์ชั้นนำ
1. หากต้องการของพื้นเมืองของนิวซีแลนด์ ลองมองหางานแกะสลักของชาวเมารี ทั้งที่แกะจากไม้ กระดูกสัตว์ และหยกเขียวที่เรียกกันว่าเพานามู นอกจากนี้ ยังมีเครื่องประดับที่ทำจากเปลือกหอยเป๋าฮื้อ ซึ่งถือเป็นสมบัติล้ำค่าของชาวเมารีและมีความสวยงาม
2. งานฝีมือด้านช่างปั้นและช่างศิลป์ของนิวซีแลนด์ก็มีชื่อเสียงติดอันดับโลกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะที่ทำจากหิน ไม้ แก้ว หรือโลหะ และอุตสาหกรรมขนสัตว์ที่ใหญ่โตของนิวซีแลนด์ ยังมีส่วนทำให้คุณหาซื้อเสื้อทอขนสัตว์ พรมขนแกะคุณภาพดี ของตกแต่งบ้านที่ทำจากขนสัตว์ หรือเส้นด้ายทอมือคุณภาพเยี่ยมในราคาไม่แพงได้ไม่ยาก
3. นอกจากห้องเสื้อชื่อดังของดีไซน์เนอร์จากทั่วโลกที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองใหญ่ทั่วนิวซีแลนด์แล้ว ยังมีห้องเสื้อแบรนด์เนมยี่ห้อดังของดีไซน์เนอร์ชาวนิวซีแลนด์ อาทิ ยี่ห้อ Zambesi, NomD, Karen Walker และ World
4. ของฝากที่มักถูกใจดูดเงินนักชอปชาวไทยที่สุดเห็นจะเป็น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ทำจากธรรมชาติชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำผึ้ง ไวน์ หรือผลไม้เมืองหนาว และที่สำคัญที่ฮอตสุดๆ ก็เห็นจะเป็นครีมรกแกะนั่นเอง