ในจังหวะความนิยมในการปั่นจักรยานกำลังพุ่งทะยานออกมา ในฝั่งของผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมเองก็ต้องเร่งปรับตัวเพื่อเพิ่มความสามารถให้กับอุปกรณ์ เพื่อช่วยให้การออกกำลังกายได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น Garmin ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตแผนที่นำทางและจีพีเอส อันดับต้นๆของโลกแล้ว ก็ยังให้ความสนใจกับตลาดจักรยานด้วยเช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี Garmin เริ่มทำตลาดอุปกรณ์เสริมสำหรับจักรยานมาแล้วภายใต้สินค้าตระกูล EDGE ซึ่งรุ่นล่าสุดที่ทำออกมาวางจำหน่ายคือ EDGE 1000 ที่ผสมรวมความต้องการของนักปั่นน่องเหล็กไว้ให้แบบครบชุด ชนิดที่ซื้อจักรยาน และ EDGE 1000 ก็พร้อมปั่นได้ทันที
อุปกรณ์ภายในกล่อง และความสามารถเบื้องต้น
ภายในกล่องของ EDGE 1000 นอกจากตัวแสดงผลที่เป็นอุปกรณ์หลักเพื่อใช้ในการเป็นแผนที่นำทาง แสดงผลข้อมูลต่างๆแล้ว ก็จะมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆที่แถมมาให้ด้วย ประกอบไปด้วยสายคาดหน้าอกพร้อมเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ตัววัดความเร็วและรอบขา กับอุปกรณ์ในการติดตั้งเพิ่มเติม
โดยตัว EDGE 1000 จะสามารถติดตั้งโดยตรงไปบนแฮนด์ หรือเฟรมจักรยาน โดยใช้ยางรัดที่มีมาให้เลือกหลายขนาด พร้อมยางสำรอง รัดแพลตล็อกเครื่อง หรือจะใช้ตัวที่เป็นฐานยื่นออกมาจากแฮนด์ หรือเฟรมก็ได้ ในกรณีที่ไม่สามารถติดตั้งโดยตรง ในจุดนี้ก็จะมียางรองมาให้เพื่อป้องกันการขูดขีดกับตัวเฟรม
ถัดมาใส่ส่วนของที่วัดรอบขา จะให้ยางรัดเฉพาะมา 2 ขนาด เพื่อนำไปรัดไว้ตรงบริเวณขาของจานหน้า ขณะที่ส่วนของที่วัดความเร็ว จะมีตัวยางที่เน้นหนาให้นำไปรัดไว้ที่แกนล้อ เพื่อให้คอยวัดความเร็ว และส่งข้อมูลมายัง EDGE 1000 ซึ่งอุปกรณ์ทั้ง 2 ชิ้นสามารถบิดฝาหลังเพื่อแกะออกมาเปลี่ยนแบตได้ด้วย
ขณะที่ตัวสายคาดอกจะมีแกนให้ปรับขนาดได้ โดยในการใช้งานจะรัดให้แถบส่งสัญญาณวัดอยู่บริเวณลิ้นปี่ และอุปกรณ์วัดอัตราการเต้นของหัวที่ใช้การล็อกไปสาย แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ออกแบบมาให้สามารถถอดเปลี่ยนแบตได้ง่ายแบบที่วัดความเร็วและรอบขา เนื่องจากต้องป้องกันความชื้นที่เกิดขึ้นจากเหงื่อด้วย
มาถึงตัว EDGE 1000 จะมีขนาดรอบตัวอยู่ที่ 5.8 x 11.2 x 2 เซนติเมตร น้ำหนัก 114.5 กรัม หน้าจอแสดงผลขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 240 x 400 พิกเซล ในแง่ของการเชื่อมต่อจะรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมผ่านบลูทูธ รวมถึงสมาร์ทโฟนที่ลงแอปพลิเคชัน Garmin Connect และตัวเครื่องสามารถเชื่อมต่อไวไฟได้ด้วย
โดยตัวเครื่องจะมีช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ด และพอร์ตไมโครยูเอสบีอยู่ข้างหลังที่มีจุดยางปิดอยู่ เพราะตัวเครื่องสามารถกันน้ำได้ในระดับ IPX7 ที่น้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร ไม่เกิน 30 นาที ทำให้สามารถปั่นจักรยานกลางสายฝน หรือใช้คู่กับพวกเสือภูเขาได้สบายๆ
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ในแง่ของฟังก์ชันที่น่าสนใจของ EDGE 1000 จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ อย่างแรกเลยคือเรื่องของการนำทางที่ Garmin ถือว่าเป็นผู้นำในแง่ของแผนที่นำทางอยู่แล้ว เมื่อมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับใช้งานร่วมกับจักรยาน ก็มีการนำแผนที่มาประมวลผลใหม่ เพื่อให้เป็นทางที่เหมาะสมกับการปั่นจักรยาน ซึ่งจะแตกต่างกับการนำทางของรถยนต์
โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแผนที่เพื่อติดตั้งไว้ในเครื่องผ่านการเชื่อมต่อไวไฟ หลังจากนั้นเมื่ออยู่บนถนนตัวเครื่องก็จะจับสัญญาณจีพีเอส โดยอัตโนมัติ และเลือกพิกัดเพื่อให้กลายเป็นแผนที่นำทางได้ทันที หรือจะเลือกวางแผนการเดินทางล่วงหน้าก็ได้เช่นเดียวกัน
แต่ก็น่าเสียดายเรื่องระบบการค้นหาสถานที่ ที่ยังค่อนข้างลำบากเมื่อเทียบกับการหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาพิมพ์ค้นหาสถานที่บนกูเกิล แมปส์ เพราะระบบค้นหายังอิงมาจากระบบนำทางเช่นเดียวกับในรถยนต์ที่ต้องใส่ชื่อถนน ชื่อแยก หรือการค้นหา POI ต่างๆอย่าง ปั้มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า ที่ต้องเลือกแบบเฉพาะเจาะจง
อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของการนำข้อมูลการขี่จักรยานต่างๆมาวิเเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระยะทาง ความเร็ว รอบขา อัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อนำมาคำนวนให้เหมาะสมกับการออกกำลังกายให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด
โดยเมื่อเริ่มกด RIDE ที่หน้าจอก็จะมีการแสดงผลขึ้นมาทันทีในรูปแบบของนาฬิกาจับเวลาว่า ขี่จักรยานไปแล้วกี่นาที ความเร็วเท่าหร่ ระยะทางเท่าไหร่ พร้อมกับแสดงเวลาปัจจุบัน และปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลานไป ซึ่งจริงๆตรงจุดนี้สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้ตามความต้องการของผู้ใช้ว่าอยากให้หน้าจอหลังแสดงผลอะไรบ้าง ในระหว่างขี่สามารถกดหยุดพัก เมื่อขี่จบกด End Ride ก็จะมีขึ้นมาว่าให้บันทึกการขี่ครั้งนี้ เพื่อย้อนกลับมาดูรายละเอียดหรือไม่
ในส่วนของการย้อนกลับมาดูรายละเอียดเข้าได้จากส่วนของ History เมื่อเข้ามาก็จะมีแสดงผล เวลา ระยะทาง จำนวนรอบ (ต้องกดที่เครื่องเมื่อครบรอบ) ความเร็วเฉลี่ย ความเร็วสูงสุด รอบขา อัตราการเต้นของหัวใจ ปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลานไป พร้อมกับเข้าไปเลือกดูแผนที่การขี่ ได้ด้วย
ส่วนของการตั้งค่าตัวเครื่องหลักๆ จะมีหน้าจอที่สามารถใช้นิ้วลากจากขอบบนลงมาเพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ (ยิ่งสว่างยิ่งใช้งานได้ระยะเวลาสั้น) แถบแสดงความแรงของสัญญาณจีพีเอส พร้อมกับแสดงเซ็นเซอร์ที่มีการเชื่อมต่ออยู่ และการเชื่อมต่อบลูทูธ กับไวไฟ
เมื่อเข้ามาในส่วนของการตั้งค่า ก็จะมีให้เลือกจำพวกโปรไฟล์ในการใช้งาน การเข้าไปเชื่อมต่อเซ็นเซอร์ การเชื่อมต่อบลูทูธ การซิงค์ข้อมูลผ่านไวไฟ เข้าไปตั้งค่าระบบต่างๆ อย่างการเลือกดาวเทียมจีพีเอสที่ใช้ หรือเลือกพื้นที่การเก็บข้อมูลว่าจะให้บันทึกข้อมูลอะไรบ้าง
รวมถึงการเข้าไปตั้ง Heart Rate Zones อย่างอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด และช่วงเวลาปกติ เพื่อคำนวนออกมาเป็น 5 โซน เช่นเดียวกับการตั้ง Power Zones เพื่อนำไปเก็บข้อมูล และนำออกมาวิเคราะห์สำหรับผู้ที่นำไปฝึกซ้อม
จุดขาย
- อุปกรณ์เสริมสำหรับนักปั่นแบบครบชุด ทั้งนำทาง วัดความเร็ว รอบขา และอัตราการเต้นหัวใจ
- รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อนำผลมาวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ
- แผนที่นำทางเฉพาะสำหรับจักรยาน แบบออฟไลน์ บนหน้าจอทัชสกรีนขนาด 3 นิ้ว
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่อง (ต้องปรับความสว่างหน้าจอต่ำถึงใช้ได้นาน)
- ราคาค่อนข้างสูง 23,400 บาท
- ระบบการค้นหาสถานที่ และ POI ต่างๆ ที่ค้นในสมาร์ทโฟนง่ายกว่า
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
ถ้าเป็นผู้ที่ชื่นชอบการขี่จักรยาน และราคาของ EDGE 1000 ไม่สร้างความลำบาก ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับอุปกรณ์เสริมจักรยานแบบครบชุด ที่ช่วยให้นักปั่นสนุกสนานไปกับการขับขี่จักรยานได้มากขึ้น แต่แน่นอนว่าสำหรับผู้ที่เริ่มชี่จักรยาน และไม่ได้ขี่แบบมืออาชีพ Garmin ก็จะมี EDGE รุ่นอื่นๆที่รองลงมา แต่ได้ความสามารถใกล้เคียงกันให้เลือกใช้เช่นเดียวกัน
และด้วยความสามารถในการซิงค์เข้ากับสมาร์ทโฟน และ Garmin Connect ทำให้สามารถแสดงผลสายเรียกเข้า หรือข้อความขณะที่ขี่อยู่ได้ รวมถึงการแสดงสถานะการขี่แบบเรียลไทม์ ก็เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่จะสามารถติดตามเส้นทางปั่นของบุตรหลานได้
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ใช้งานระบบเกียร์ไฟฟ้าของ Shimano Di2 ตัว EDGE 1000 สามารถเชื่อมต่อและแสดงผลอัตราเกียร์ที่กำลังใช้อยู่ได้ด้วย เช่นเดียวกับตัว Power Meter ที่ต้องติดตั้งเพิ่มถ้าต้องการใช้งาน เพราะอุปกรณ์ทั้ง 2 ชิ้นไม่ได้รวมอยู่ในชุดของ EDGE 1000
Company Related Links :
Garmin
CyberBiz Social
