เบ็นคิวถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ไอทีที่ให้ความสนใจกับตลาดสมาร์ทโฟน โดยล่าสุดเริ่มทำตลาดในประเทศไทยด้วยแอนดรอยด์โฟน 4G ในระดับราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาท พร้อมไปกับการนำจุดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีหน้าจอของเบ็นคิวมาประกอบ เพื่อลดการแสดงผลแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา
ในมุมของประสิทธิภาพตัวเครื่องต้องถือว่าค่อนข้างคุ้มกับราคา เนื่องจากวางราคาเปิดตัวมาที่ 8,490 บาท และปรับลงเหลือ 7,990 บาท ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน 4G หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ทำงานบนหน่วยประมวลผล Snapdragon 400 ที่เป็นควอดคอร์ 1.2 GHz RAM 2 GB ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆไปแน่นอน
การออกแบบและสเปก
ในแง่ของการออกแบบต้องบอกว่าดีไซน์ของเบ็นคิวจะค่อนข้างล่าสมัยเล็กน้อยไปเหมือนสมาร์ทโฟนเมื่อสัก 3-4 ปีก่อนของเพื่อร่วมชาติอย่าง HTC Desire แต่ก็ถือว่าด้วยงานประกอบที่ทำออกมาค่อนข้างดี ทำให้ถ้าไม่ได้คาดหวังกับเรื่องของดีไซน์มากนัก Benq F5 ก็ถือเป็นรุ่นที่น่าสนใจ ขนาดตัวเครื่องจะอยู่ที่ 142.8 × 72.8 × 8.5 มม. น้ำหนัก 135 กรัม
ด้านหน้า - ที่เห็นเด่นชัดสุดคือหน้าจอ IPS LCD ทัชสกรีนขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD (1,280 x 720 พิกเซล) โดยมีลำโพงสนทนาที่มีการใส่สีส้มลงไป โลโก้ benq เซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า วัดแสง และกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล อยู่ส่วนบนหน้าจอ ส่วนล่างหน้าจอเป็นปุ่มสัมผัสย้อนกลับ โฮม และเรียกดูแอปที่ใช้งานล่าสุด
ด้านหลัง - จะเป็นฝาพลาสติกสีดำด้าน โดยมีกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และไฟแฟลช LED อยู่ด้านบน ซึ่งตรงจุดนี้มีเล่นดีไซน์ของขอบกล้องเป็นสีแดงเพื่อสร้างความโดดเด่นให้แก่ตัวเครื่อง ถัดลงมาเป็นโลโก้ Benq และสัญลักษณ์ที่ระบุว่ารองรับ 4G LTE และลำโพง
เมื่อแกะฝาหลังออกจะพบกับแบตเตอรีขนาด 2,520 mAh ที่มีฝาอะลูมิเนียมปิดอยู่อีกชั้นทำให้ไม่สามารถถอดแบตได้ พร้อมกับช่องใส่ไมโครซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติมอยู่ส่วนบนทางฝั่งขวาและซ้าย ฝาหลังแกะได้ด้วยการงัดบริเวณขอบเครื่องซึ่งจะมีช่องให้งัดอยู่ทั้งสองฝั่ง
ด้านซ้าย - ถูกปล่อยว่างไว้ ด้านขวา - เป็นปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านบน - มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และไมโครโฟนตัดเสียง ด้านล่าง - เป็นพอร์ตไมโครยูเอสบี และช่องไมโครโฟน
สำหรับสเปกภายในของ Benq F5 ทำงานบนหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 400 ที่เป็นควอดคอร์ 1.2 GHz RAM 2 GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 16 GB (เหลือให้ใช้งานราว 12 GB) สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้สูงสุด 64 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอดย์ 4.4.2
ด้านการเชื่อมต่อรองรับ 3G ทุกคลื่นความถี่ พร้อมกับ 4G ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 150 Mbps อัปโหลด 50 Mbps ไวไฟมาตรฐาน 802.11 b/g/n รองรับ DLNA บลูทูธ 4.0 จีพีเอส วิทยุFM แต่ไม่มี NFC
อุปกรณ์ที่ให้มาในตัวกล่องนอกจากจะมีตัวเครื่อง หูฟังแบบทั่วไป สายชาร์จยูเอสบี อะแดปเตอร์ คู่มือ ใบรับประกันแล้ว ยังใส่ฟิล์มกันรอยมาให้ด้วย เรียกว่าแกะกล่องก็พร้อมใช้งานได้ทันที
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
เมื่อเข้ามาให้ความสำคัญในตลาดสมาร์ทโฟน เบ็นคิว ก็ไม่ยอมที่จะใช้ยูสเซอร์อินเตอร์เฟสทั่วไปของแอนดรอยด์ และได้ทำการพัฒนา Q UI ขึ้นมา โดยเลือกที่จะนำหน้ารวมแอปพลิเคชันออก ให้เลือกเพียงแค่หน้าหลัก ที่สามารถสไลด์เพื่อเข้าถึงแอปทั้งหมดในเครื่องแทน
ทำให้หน้าจอแรกของ F5 จะมีทั้งส่วนที่เป็นวิตเจ็ตและส่วนที่เป็นโฟลเดอร์รวมไอคอนแอป โดยจะมีแถบไอคอนหลักด้านล่างคือ โทรศัพท์ รายชื่อ กล้อง และผู้มาใหม่ (แอปฯที่ดาวน์โหลดเพิ่มจะรวมอยู่ในนี้) ส่วนของแถบแจ้งเตือนก็จะมีเมนูตั้งค่าลัดให้เลือกกดใช้ซึ่งจะมีทั้งเข้าสู่หน้าจอการตั้งค่าหลัก สถานะแบตเตอรี การเชื่อมต่อไวไฟ ดาต้า บลูทูธ ปรับเสียง หมุนหน้าจอ โหมดไฟสีฟ้าต่ำ จีพีเอส โหมดเครือข่าย (2G 3G 4G) การสั่นเมื่อสัมผัส ความสว่างหน้าจอ การซิงค์ข้อมูล หมดเวลาหน้าจอ โหมดประหยัดพลังงาน ไฟฉาย รีบูตเครื่อง และปิดเครื่อง
เมื่อเข้ามาดูในส่วนของแอปฯที่ติดตั้งมาให้ในเครื่อง จะมี 2 โฟลเดอร์คือ Benq เลือกติดตั้งมาให้ก็จะมีพวกตัวจัดการไฟล์ เฟซบุ๊ก ฟลิปบอร์ด ทวิตเตอร์ วอทส์แอป โปรแกรมจัดการเอกสาร โปรแกรมล้างข้อมูลเครื่อง และแอปพลิเคชันของเบ็นคิวมีโหมดพิเศษเพิ่มขึ้นมาคือการลดการแสดงผลจากไฟสีฟ้า ที่สามารถเลือกได้ว่าต้องการนำไปใช้กับการเล่นมัลติมีเดีย ท่องเว็บ และอ่านอีบุ๊ก กับอีกส่วนหนึ่งคือระบบประหยัดพลังงาน ที่มีโหมดการเชื่อมต่อแบบอัจฉริยะ ที่ตัวเครื่องจะทำการปิดการเชื่อมต่อไวไฟ และดาต้า อัตโนมัติเมื่อปิดหน้าจอเครื่อง (แต่ก็ทำให้ไม่สามารถใช้งานพุชเมล หรือรับข้อความสนทนาผ่านแอปแชทได้)
เทียบระหว่างโหมดการใช้งานปกติ (รูปบน) และโหมดตัดแสงสีฟ้า (รูปล่าง)
ในส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 8,125 คะแนน และ 17,630 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 5 จุดพร้อมกัน
ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo จากเว็บเบราว์เซอร์ได้ 1,198 คะแนน โครมเบราว์เซอร์ 1,662 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ (Metal) 769 คะแนน Multicore 1,117 คะแนน ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 ได้ 59.9 fps และ Nenamark2 57.1 fps An3dBench 7,541 คะแนน และ An3dBenchXL 37,554 คะแนน
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม Passmark PerformanceTest Mobile ได้คะแนน System 2,371 คะแนน CPU 7,283 คะแนน Disk 7,351 คะแนน Memory 1,724 คะแนน 2D Graphics 2,266 คะแนน และ 3D Graphics 776 คะแนน
ส่วนการทดสอบ 3D Mark ตัว Ice Storm Unlimited ได้ 4,610 คะแนน ส่วน Ice Storm Extream 2,876 คะแนน และ Ice Storm 5,596 คะแนน ขณะที่ CF-Bench ดูรายละเอียดได้จากรูปด้านล่าง
จุดขาย
- สมาร์ทโฟนหน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด HD รองรับ 4G ในราคา 7,990 บาท
- หน้าจอมีโหมดไฟสีฟ้าต่ำ ช่วยลดอัตราจากหน้าจอของสมาร์ทโฟน
- กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่ให้ความคมชัดคุ้มกับราคาที่จ่ายไป
- แบตเตอรีที่ให้มา 2,520 mAh ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานใน 1 วัน
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- ดีไซน์ของ F5 จะดูไม่ค่อยหวือหวามากนัก
- โหมดการเชื่อมต่ออัจฉริยะ ที่ทำให้มีการหน่วงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเวลาเปิดหน้าจอแล้วต้องการใช้งานทันที
- กล้องหลุดโฟกัสค่อนข้างบ่อยในที่แสงน้อย
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
ถ้ากำลังมองหาสมาร์ทโฟนขนาดหน้าจอใหญ่ ใช้งานง่าย และที่สำคัญคือรองรับการเชื่อมต่อ 4G ในระดับราคาต่ำกว่าหมื่นบาท Benq F5 ถือเป็น 1 ในตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะจากสเปกภายในที่อยู่ในระดับกลางๆ แต่ให้ RAM มาถึง 2 GB ทำให้การใช้งานได้ค่อนข้างลื่นไหล รองรับการใช้งานได้หลากหลายจากการที่เป็นแอนดรอยด์ 4.4.2
นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่พิเศษเพิ่มขึ้นมาอย่างโหมดไฟสีฟ้าต่ำ สำหรับผู้ที่รักการถนอมสายตา ซึ่งถือเป็นจุดเด่นหลักในตลาดจอภาพของเบ็นคิวช่วงหลังๆก็ว่าได้ กล้องที่ให้มา 13 ล้านพิกเซล ถือว่ามีคุณภาพการใช้งานที่ค่อนข้างดี เสียอย่างเดียวคือเรื่องของ Q UI ที่ต้องการสร้างความต่าง แต่ทำให้คนที่เคยใช้แอนดรอยด์มาก่อนอาจจะไม่ค่อยชิน
Company Related Links :
Benq
CyberBiz Social
http://instagram.com/cbizonline