ช่วงหลังจะเห็นได้ว่าแบรนด์ไอทีเริ่มหันมาแข่งขันกันในตลาดแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 7-8 นิ้ว ในระดับราคากลางๆมากขึ้น ซึ่งทางเอเซอร์หลังจากที่เปิดตัว Iconia A1-810 มาในช่วงปลายปีที่แล้ว และได้รับความนิยมจากผู้บริโภคพอสมควร
ล่าสุดก็ได้มีการอัปเกรดสเปกให้ดีขึ้นกลายเป็นรุ่น Iconia A1-830 เพื่อออกมาจับกลุ่มผู้ที่ต้องการแท็บเล็ตขนาดพอเหมาะ ดีไซน์สวย ในราคา 5,990 บาท เพียงแต่น่าเสียดายที่นำเข้ามาจำหน่ายเฉพาะรุ่นที่รองรับ Wi-Fi เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถใส่ซิมการ์ดเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตได้
การออกแบบและสเปก
ถ้ามองผ่านๆ โดยไม่นึกถึงแบรนด์ Acer ที่แปะอยู่ด้านล่างเครื่อง เชื่อว่าหลายคนต้องนึกไปถึงเจ้าพ่อในตลาดแท็บเล็ตอย่างไอแพดมินิแน่นอน เพียงแต่เมื่อได้สัมผัสแล้วก็จะรู้ถึงจุดต่างว่า Iconia A1 มีหนาและหนักกว่าเล็กน้อย
แต่ถ้าเทียบกับราคาที่ต่างกันครึ่งๆ ก็ถือว่าโอเคสำหรับคนที่อยากได้แอนดรอยด์แท็บเล็ตมาใช้งานโดยขนาดของ Iconia A1 830 จะอยู่ที่ 203 x 138.4 x 8.2 มิลลิเมตร น้ำหนักราว 380 กรัม วางจำหน่ายเพียงสีเดียวคือ สีขาว
ด้านหน้า - มาพร้อมกับหน้าจอ Capasitvie ทัชสกรีน ขนาด 7.9 นิ้ว ความละเอียด 1,024 x 768 พิกเซล ให้ความละเอียดเม็ดสี 162 ppi โดยมีกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซลอยู่ส่วนบนหน้าจอ ขณะที่ส่วนล่างหน้าจอจะมีโลโก้แปะอยู่
ด้านหลัง - บริเวณขอบบนจะมีกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซลอยู่ ส่วนขอบล่างจะมีช่องลำโพง โดยมีโลโก้ของ เอเซอร์ และอินเทลติดอยู่ พร้อมกับสัญลักษณ์มาตรฐานต่างๆ โดยแบตเตอรีที่ให้มาไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ขนาด 4,000 mAh
ด้านขวา - มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ปุ่มปรับระดับเสียง และช่องเสียบไมโครเอสดีการ์ด รองรับได้สูงสุด 32 GB
ด้านบน - เป็นช่องเสียบหูฟัง และช่องเสียบสายชาร์จแบบไมโครยูเอสบี
สำหรับสเปกภายในของ Iconia A1-830 จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลอินเทล อะตอม Z2560 ที่เป็นดูอัลคอร์ความเร็ว 1.6 GHz หน่วยประมวลผลภาพ PowerVR SGX544 พื้นที่หน่วยความจำที่ให้มา (ROM) 16 GB แต่เหลือพื้นที่ให้ใช้งานราว 11.52 GB RAM 1 GB ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อไวไฟ มาตรฐาน 802.11 b/g/n และบลูทูธ 3.0 ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.2
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ความโดดเด่นหลักๆสุดของ Iconia A1 คงหนีไม่พ้นในแง่ของราคาเมื่อเทียบกับรูปแบบการใช้งานที่ได้บนแท็บเล็ต เพียงแต่น่าเสียดายที่เอเซอร์ ยังไม่ได้มีการพัฒนาอินเตอร์เฟสเฉพาะตัวเข้ามาเพิ่มมูลค่า เพราะพวกแอปฯต่างๆที่ให้มาก็เหมือนกับแท็บเล็ต แอนดรอยด์ 4.2 รุ่นอื่นๆในตลาด
โดยในส่วนของแถบการแจ้งเตือนในอุปกรณ์จำพวกแท็บเล็ต ในกรณีที่ลากนิ้วจากส่วนบนฝั่งซ้ายก็จะเป็นการแสดงผลการแจ้งเตือนตามปกติ แต่ถ้าลากจากฝั่งขวา จะเป็นการแสดงส่วนของการตั้งค่าลัด สถานแบตเตอลี่ และการเชื่อมต่ออื่นๆ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าภายในจะไม่มีแอปฯอะไรที่น่าสนใจเลย เพราะถ้าจำกันได้ที่ผ่านมาเอเซอร์เคยเปิดบริการฝากไฟล์บนคลาวด์ เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้งานสินค้าในแบรนด์เอเซอร์ สามารถเข้าถึงพื้นที่เก็บไฟล์ฟรีได้ และก็นำฟังก์ชันนี้มาเป็นส่วนหนึ่งของ Iconia A1 ให้ใช้งานกันด้ว นอกจากนั้นก็จะเป็นแอปฯเกี่ยวกับบริการทั่วไปของกูเกิล
คีย์บอร์ดที่ให้มากับตัวเครื่องถือได้ว่าเป็นคีย์บอร์ดแบบมาตรฐาน รองรับการใช้งานทั้งแนวตั้งและแนวนอน แต่แน่นอนว่าถ้าไม่ชื่นชอบก็สามารถหาโหลดเพิ่มเติมจากเพลยสโตร์ได้
หน้าจอการตั้งค่าก็เป็นรูปแบบดั้งเดิมของแอนดรอยด์ ที่จะมีแถบการตั้งค่าให้เลือกประเภทอยู่ทางฝั่งซ้าย และเข้าสู่การปรับแต่งทางด้านขวา ซึ่งอย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้ไม่รองรับ 3G ทำให้ตัดการเชื่อมต่อเครือข่ายออกไป ขณะที่หน่วยความจำเหลือให้ใช้จริงประมาณเกือบ 9 GB
ในส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Antutu ได้คะแนน 18,772 คะแนน ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo ได้ 1,825 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ 636 คะแนน
ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 ได้ 59.8 fps Nenamark2 59.9 fps An3dBench 7,985 คะแนน และ An3dBenchXL 41,445 คะแนน ส่วนการทดสอบ 3D Mark ในส่วนของ Ice Storm ได้ 6,783 คะแนน Ice Storm Extreme ได้ 3,699 คะแนน ส่วน Ice Storm Unlimited ไม่สามารถทดสอบได้
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม Passmark PerformanceTest Mobile ได้คะแนน System 3,076 คะแนน CPU 9,556 คะแนน Disk 5,903 คะแนน Memory 3,860 คะแนน 2D Graphics 2,890 คะแนน และ 3D Graphics 898 คะแนน
จุดขาย
- แท็บเล็ตขนาดเกือบ 8 นิ้ว พกพาง่าย ดีไซน์ยอดนิยม
- ประสิทธิภาพสูง พอกับการใช้งานทั่วไป ในราคาจับต้องได้
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- ตัวเครื่องไม่รองรับการเชื่อมต่อ 3G ทำให้ลำบากในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- ความละเอียดหน้าจอยังไม่เป็นระดับ HD
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
ถ้ามองถึงความคุ้มค่าจากเงิน 5,990 บาท ที่เสียไป Iconia A1-830 ถือว่าเป็นแท็บเล็ตอีกหนึ่งตัวที่มีความคุ้มค่า เพราะจากขนาดหน้าจอ 7.9 นิ้ว รวมกับหน่วยประมวลผลอย่างอินเทล อะตอม ที่ให้ประสิทธิภาพการใช้งานค่อนข้างครอบคลุมการใช้งานทั่วไปทั้งหมดอยู่แล้ว
เพียงแต่จะขาดก็ในแง่ของการใช้งานโทรศัพท์ ที่คู่แข่งอย่างเอซุสมี Fonepad 7 ที่รองรับการใส่ซิมการ์ดในระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานมากกว่า ว่าต้องการใช้เพียงแค่เป็นแท็บเล็ตเพื่อใช้งานเท่านั้น หรือต้องการความสามารถในการใช้โทรศัพท์ด้วย
เรื่องของแบตเตอรี่ที่ให้มา 4,000 mAh ถือว่ารองรับการใช้งานที่ต่อเนื่องได้สบายๆ 2-3 วัน ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน เพราะด้วยขนาดหน้าจอที่ไม่ใหญ่เกินไป และการที่ไม่มีการใส่ซิม ช่วยให้ยืดระยะเวลาการใช้งานออกไปได้เมื่อเทียบกัน
ส่วนจุดที่เชื่อว่าผู้บริโภคหลายคนจะเลือกซื้อคือ ในแง่ของการรับประกันหลังการขาย กับการเพิ่มเงินราว 2,000 บาท ระหว่างเลือกแบรนด์จีน กับอินเตอร์แบรนด์อย่างเอเซอร์ ที่มีการันตีได้ว่า ถ้าเครื่องมีปัญหาจะมีบริการช่วยเหลืออย่างแน่นอน รวมไปถึงการอัปเกรดเฟิร์มแวร์ในอนาคตด้วย
Company Related Links :
Acer
CyberBiz Social