สิ่งหนึ่งที่เอเซอร์พยายามลุยเข้ามาในตลาดอุปกรณ์พกพานอกจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตแล้ว ก็ยังรวมไปถึงตลาดแฟบเล็ต หรืออุปกรณ์พกพาที่มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป แต่ก็เล็กกว่าขนาดหน้าจอแท็บเล็ต ด้วยแฟบเล็ตขนาดหน้าจอ 5.7 นิ้ว ในชื่อ Acer Liquid S1
Liquid S1 ถือเป็นแฟบเล็ตรุ่นแรกจากเอเซอร์ ซึ่งชูความโดดเด่นในแง่ของขนาดหน้าจอที่ใหญ่ แต่ตัวเครื่องบางเพียง 8 มิลลิเมตร ประกอบกับหน่วยประมวลผลระดับควอดคอร์ 1.5 GHz รองรับการใช้งาน 2 ซิม กล้อง 8 ล้านพิกเซล ในระดับราคาหมื่นบาทต้นๆ ซึ่งเอเซอร์หวังว่าจะเข้ามาเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมจากตลาดอย่างแน่นอน
การออกแบบและสเปก
ถ้ามองไปในแง่ของดีไซน์ต้องถือว่าเอเซอรืพัฒนาขึ้นมาค่อนข้างเยอะ เพราะถือว่าค่อนข้างฉีกจากดีไซน์รุ่นเดิมๆ มาเพิ่มความโค้งเว้าของฝาหลัง เพื่อให้ตัวเครื่องดูสวยงามมากขึ้น จากขอบสีเงินด้านข้าง โดยขนาดรอบตัวของ Liquid S1 อยู่ที่ 162 x 83 x 8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 195 กรัม วางจำหน่ายด้วยกัน 2 สี คือ ขาว และดำ
ด้านหน้า - ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้นหน้าจอทัชสกรีนที่ให้มาเป็นขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด 1,280 x 720 พิกเซล 16 ล้านสี โดยส่วนบนหน้าจอจะมีกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ติดอยู่และเอเซอร์ยังเคลมว่าเป็นกล้องหน้าที่ให้มุมถ่ายภาพกว้างถึง 88 องศา ซึ่งมากกว่ารุ่นอื่นๆในท้องตลาด
ถัดมาข้างๆก็จมีการเล่นลวดลายโค้งในบริเวณลำโพงสนทนา โดยมีโลโก้เอเซอร์สีเงินพาดอยู่ ส่วนล่างหน้าจอก็จะมีปุ่มสัมผัส สำหรับย้อนหลัง กลับหน้าแรก และเรียกดูแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งานค้างไว้ เพื่อสลับการใช้งานไปมาแบบมัลติเทสกิง
ด้านหลัง - พื้นผิวของฝาหลังจะให้ความรู้สึกคล้ายยางเล็กน้อยเพื่อให้จับกระชับมือ เนื่องจากตัวเครื่องค่อนข้างใหญ่ โดยมีกล้องหลักความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชอยู่ส่วนบน ถัดลงมาเป็นโลโก้เอเซอร์ และส่วนล่างมีสัญลักษณ์ระบบเสียงอย่าง dts ระบุไว้
เมื่อเปิดฝาหลังออกมาด้วยการแงะออกจะพบกับแบตเตอรี่ขนาด 2,400 mAh ซึ่งถือว่าไม่ใหญ่มากกับเครื่องหน้าจอขนาดนี้ นอกจากนี้ก็จะมีช่องใส่ไมโครซิมการ์ด 2 ช่อง และไมโครเอสดีการ์ดอยู่เหนือแบตฯ ทำให้เวลาใส่ต้องทำการปิดเครื่องก่อน
ด้านซ้าย - จะมีเพียงปุ่มเปิดเครื่องเท่านั้น ด้านขวา - เป็นปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านบน - มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ด้านล่าง - เป็นพอร์ตไมโครยูเอสบี สำหรับเสียบสายชาร์จ เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และช่องสำหรับแงะฝาหลังออก
โดยภายในกล่องของ S1 จะมาพร้อมกับสายยูเอสบี หูฟัง หัวอะแดปเตอร์ เคสหนังที่สามารถวางเครื่องแบบเอียงได้ ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน
สเปกภายในของ Liquid S1 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลควอดคอร์ 1.5 GHz ของค่าย MediaTek ในรุ่นรหัส MTK6589 มีหน่วยประมวลผลภาพ PowerVR SGX 544MP มาช่วย ตัวเครื่องให้ RAM มา 1 GB พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล 8 GB รองรับการใส่ไมโครเอสดีการ์ดสูงสุด 32 GB
ด้านการเชื่อมต่อ ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน 3G 900/2100 MHz นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อไวไฟ บนมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n สามารถใช้เป็นไวไฟฮ็อตสป็อตได้ บลูทูธ 3.0 ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 4.2.2 Jelly Bean
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ในแง่ของฟีเจอร์ที่ติดมากับเครื่องของเอเซอร์นั้น ส่วนใหญ่ถือเป็นการนำฟีเจอร์ที่มีอยู่ในแอนดรอยด์ออกมา อย่างเช่น Acer Live Screen ที่เป็นการแชร์หน้าจอร่วมกับเพื่อนที่ใช้งานร่วมกันสูงสุด 8 เครื่อง Float UI ที่เป็นการนำฟังก์ชันมัลติสกรีนในแอนดรอยด์รุ่นใหม่มาเรียกใช้งานแอปฯ แบบหลายๆหน้าต่าง และสุดท้ายคือระบบเปลี่ยนโปรไฟล์เสียงอัตโนมัติ เช่นเดียวกับโทรศัพท์ยุคก่อนๆที่มีให้ตั้งโหมดเสียง
โดยหน้าอินเตอร์เฟสหลักจะมีการแสดงผลให้รู้สึกคล้ายกับเป็น 3D จากวิตเจ็ตที่ใส่มา โดยในหน้าหลักจะมี 5 ไอคอนลัดอยู่ด้านล่างประกอบไปด้วย โทรศัพท์ ข้อความ เรียกดูแอปทั้งหมด เว็บเบราว์เซอร์ และกล้อง โดยในหน้าจอนี้ผู้ใช้สามารถจีบนิ้วออกเพื่อเรียกดูหน้าจอทั้งหมดได้ ขณะเดียวกันถ้ากดค้างที่หน้าจอก็จะมีเมนูอย่างการจับภาพหน้าจอ ถ่ายรูป เรียกดูอัลบั้มภาพ ขึ้นมาให้ใช้งาน
ขณะที่ในส่วนของการแจ้งเตือน ใช้อินเตอร์เฟสแบบปกติที่เป็นช่องๆ โดยมีให้เลือกเปิด-ปิด โหมเครื่องบิน แสดงสถานะแบตเตอรี ตั้งค่าไวไฟ การแสดงผลหน้าจอแบบไร้สาย บลูทูธ จีพีเอส การใช้งานดาต้า ดูปริมาณการใช้งาน ตั้งโปรไฟล์เสียง ปรับความสว่าง เวลาปิดหน้าจอ และระบบหมุนจออัตโนมัตื
สำหรับแอปพลิเคชันที่ให้มาในเครื่อง ก็จะมี เอเซอร์พรินต์ เป็นแอปฯช่วยในการสั่งพิมพ์เอกสาร รูปภาพร่วมกับพรินเตอร์ที่อยู่ในเครือข่าย เอเซอร์ คลาวด์ เป็นพื้นที่เก็บข้อมูล ระบบสำรองข้อมูล ตัวอ่านบาร์โค้ด เว็บเบราว์เซอร์ทั้งแบบปกติ และโครม เครื่องคิดเลข นาฬิกา ปฏิทิน กล้องถ่ายภาพ อีเมล ตัวจัดการไฟล์ วิทยุFM อัลบั้มภาพ และบริการต่างๆของกูเกิล
โหมดกล้องที่ให้มาในหน้าหลักจะมีแถบควบคุมฝั่งซ้าย ไว้สลับกล้องหน้า เปิด-ปิด แฟลช เลือกเอฟเฟกต์ภาพ และเข้าไปตั้งค่าต่างๆ อย่างรูปแบบการถ่ายภาพ เลือกซีน ความละเอียด สัดส่วนภาพ ความสมดุลแสง ปรับความสว่าง ระบบนับเวลาถอยหลัง พื้นที่เก็บข้อมูล ระบบบันทึกพิกัด และระบบใช้เสียงถ่ายภาพ
ส่วนอีกฝั่งจะเป็นปุ่มเลือกโหมดถ่ายภาพระหว่างภาพนิ่ง กับวิดีโอ โดยมีปุ่มชัตเตอร์อยู่ตรงกลาง สามารถใช้ปุ่มปรับระดับเสียงแทนการซูมภาพได้ และที่มุมขวาล่างจะเป็นทางลัดสำหรับเรียกดูภาพถ่ายจากอัลบั้ม
ในส่วนของการตั้งค่า ก็ใช้การแสดงผลแบบง่ายๆของแอนดรอยด์ 4.2.2 ที่มีการแบ่งหัวข้อหลักออกเป็นการเชื่อมต่อ ตัวเครื่อง ข้อมูลส่วนตัว การเชื่อมต่อบัญชีผู้ใช้ และตั้งค่าระบบ โดยมีที่เพิ่มเข้ามาให้เลือกปรับคือในแง่ของเสียง DTS Studio Sound เพื่อขับพลังเสียงให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ก็จะมีระบบอำนวยความสะดวกอย่างการแชร์ไวไฟฮ็อตสป็อตให้เครื่องอื่นใช้ ด้วยการสแกนบาร์โค้ดแทน รวมไปถึงระบบปรับเปลี่ยนโปรไฟล์ผู้ใช้งาน ที่ผู้ใช้สามารถตั้งได้ว่า เมื่ออยู่สถานที่ใด เวลาใด จะให้ใช้โปรไฟล์ไหน
ในส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 5,716 คะแนน และ 16,236 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 10 จุดพร้อมกัน
ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo ได้ 1,620 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ 489 คะแนน ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 ได้ 57.1 fps Nenamark2 53 fps An3dBench 7,658 คะแนน และ An3dBenchXL 39,686 คะแนน
ส่วนการทดสอบ CF-Bench และ 3D Mark ดูรายละเอียดได้จากรูปด้านล่าง
จุดขาย
- สเปกแรง จอใหญ่ 5.7 นิ้ว บาง 8 มม.ในราคาหมื่นต้นๆ
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
- กล้องหน้ามุมกว้าง
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- มุมมองหน้าจอค่อนข้างแคบ สีไม่ค่อยสดเท่าที่ควร
- ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ และค่อนข้างหนัก
- รองรับ 3G 900 / 2100 MHz เท่านั้น
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
ถ้ามองโดยรวมกับแอนดรอยด์โฟนหน้าจอขนาดใหญ่ในแบบฉบับของแฟบแล็ตในราคา 11,900 บาท ก็ถือว่าเอเซอร์ วางราคาจำหน่ายมาได้ค่อนข้างดี และเชื่อว่ามีกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องหน้าจอใหญ่ ในงบประหยัดด้วยเช่นกัน
แต่ก็เนื่องมาจากจอที่ค่อนข้างใหญ่ กับการดีไซน์แบบเหลือพื้นที่บริเวณขอบเครื่องค่อนข้างเยอะ ทำให้ตัวเครื่องพกพาค่อนข้างยาก สำหรับผู้ชาย แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่มีกระเป๋าถือก็สามารถนำไปใส่กระเป๋าถือใช้งานได้ค่อนข้างสะดวกเช่นเดียวกัน
การใช้งานโดยรวมถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี ทั้งแง่ของการตอบสนอง คุณภาพของกล้อง การใช้งานมัลติมีเดียต่างๆ ประกอบกับในกล่องมีแถมเคสหนังแบบพับวางเครื่องได้มาด้วย ช่วยให้ได้งานได้สบายขึ้น แต่สิ่งที่เอเซอร์ยังขาดไปคือการสร้างความต่าง โดยเฉพาะในแง่ของฟีเจอร์ที่ควรมีอะไรเด่นจากคู่แข่งให้มากกว่านี้ เพราะไม่งั้นแล้วก็แทบไม่แตกต่างจากเครื่องจีน หรือไอโมบายเลย
Company Related Links :
Acer
Code Social
CyberBiz Social