เชื่อว่าก่อนหน้านี้ผู้บริโภคที่ใช้งานสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่หวังว่าจะได้เห็นจากโนเกียคือการนำระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มาใช้ในการทำตลาด ซึ่งถูกดับฝันไปเมื่อคราวที่ทางไมโครซอฟต์เข้าซื้อกิจการโทรศัพท์ของโนเกีย แต่ในท้ายที่สุดโปรเจกต์ลับที่โนเกียคิดค้นมานานอย่าง 'Nokia X’ ก็ได้เวลาเผยโฉมสู่ตลาดมือถือ
คำจำกัดความง่ายๆของ Nokia X คือแพลตฟอร์มที่โนเกียพัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เพียงแต่ตัดบริการต่างๆของกูเกิลออกไป และนำบริการของโนเกีย และไมโครซอฟท์เข้ามาแทนที่ เพื่อช่วยลดค่าโอเอส ให้สามารถสู่กับคู่แข่งในท้องตลาดได้
โดยจุดยืนของแพลตฟอร์ม Nokia X ในเวลานี้คือมาแทรกอยู่ระหว่าง Asha และ Lumia เพื่อจับตลาดกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ในระดับราคาที่เอื้อมถึงได้ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่ใหญ่มาก และโนเกียแทบไม่มีส่วนแบ่งในตลาดนี้เลยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ด้วยความที่ Nokia X เป็นสมาร์ทโฟนในระดับเริ่มต้น จึงทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานอาจจะไปเทียบกับเครื่องในระดับราคาที่สูงกว่าไม่ได้ แต่เชื่อว่าถ้าเปรียบเทียบในระดับเดียวกัน Nokia X ก็จะมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร อย่างการที่สามารถลงแอปฯจากทางแอนดรอยด์ได้ แถมยังมีแผนที่ออฟไลน์ของ Here Maps ให้ใช้งานกัน
การออกแบบและสเปก
ในแง่ของการออกแบบโนเกียยังคงคอนเซปต์ของสีสันที่สดใส ด้วยการนำสียอดฮิตอย่าง แดง เหลือง เขียว ฟ้า ขาว และดำ มาใช้งาน ในรูปของเครื่องแบบโมโนบล็อก ที่สำคัญคือสามารถเปลี่ยนฝาหลังได้ ช่วยให้ผู้ใช้งานที่ต้องการสลับสับเปลี่ยนสีสามารถทำได้ง่ายดาย
ทำให้โดยรวมของ Nokia X จะคล้ายกับใน Asha ค่อนข้างมาก ขณะที่ขนาดรอบตัวของ Nokia X จะอยู่ที่ 63 x 115.5 x 10.4 น้ำหนักของตัวเครื่องอยู่ที่ 128.7 กรัม
ด้านหน้า - ไล่จากส่วนบนจะมีลำโพงสนทนา ถัดลงมาเป็นโลโก้โนเกีย ซึ่งจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า และตรวจวัดแสงอยู่ด้วย ส่วนกลางเป็นหน้าจอขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด WVGA (800 x 480 พิกเซล) 16 ล้านสี ความละเอียดเม็ดสี 233 ppi ส่วนล่างหน้าจอจะมีปุ่มย้อนกลับเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น
ด้านหลัง - จะมีกล้องความละเอียด 3 ล้านพิกเซลอยู่ตรงส่วนบน และสัญลักษณ์ของโนเกียที่ฝาหลังเท่านั้น เมื่อถอดฝาหลังออก (จับบริเวณขอบเครื่องและใช้นิ้วดันบริเวณกล้อง) จะพบกับช่องใส่ไมโครซิมการ์ด 2 ช่อง และช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ด กับแบตเตอรี 1,500 mAh
ด้านซ้าย - ถูกปล่อยว่างไว้ ด้านขวา - เป็นปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง
ด้านบน - มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ด้านล่าง - มีพอร์ตไมโครยูเอสบี สำหรับเสียบสายชาร์จ และเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ พร้อมกับช่องไมโครโฟนสนทนา
สำหรับสเปกภายในของ Nokia X จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon S4 ที่เป็นดูอัลคอร์ 1 GHz RAM 512 MB พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่อง 4 GB สามารถใส่การ์ดเพิ่มได้ 32 GB ทำงานบนแพลตฟอร์ม Nokia X บนพื้นฐานของแอนดรอยด์ 4.1.2
ด้านการเชื่อมต่อรองรับการใช้งาน 3G บนคลื่นความถี่ 900 / 2100 MHz ส่วนรุ่นที่รองรับ 850 / 2100 MHz จะทยอยเข้ามาวางจำหน่ายในอนาคต โดยอัตราการดาวน์โหลดสูงสุดจะอยู่ที่ 7.2 Mbps อัปโหลด 5.76 Mbps และยังรองรับไวไฟ มาตรฐาน 802.11 b/g/n บลูทูธ GPS วิทยุ FM ด้วย
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ความโดดเด่นที่สุดของ Nokia X คงอยู่ที่การจัดเรียงอินเตอร์เฟสใหม่ให้ใช้งานได้ง่าย ผู้ที่เริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟนก็สามารถใช้งานได้ทันที ด้วยการนำไอค่อน และแอปพลิเคชันมาจัดเรียงให้เป็นช่องๆในหน้าแรกทั้งหมด คล้ายๆกับ Metro UI ใน Lumia ซึ่งแน่นอนว่าได้มีการดึงความสามารถในการแสดง Live Feed มาใช้ด้วยเช่นกัน
โดยแอปพลิเคชันที่พรีโหลดมาให้ในเครื่อง จะประกอบไปด้วย โทรศัพท์ รายชื่อผู้ติดต่อ ข้อความ เว็บเบราว์เซอร์ โนเกียสโตร์ (ใช้เข้าไปโหลดแอปฯเพิ่มเติม) อีเมล (ตัวจัดการอีเมล) สไกป์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ กล้อง เกม โนเกีย Mix Radio (ใช้ฟังเพลงออนไลน์จากคลังเพลงของโนเกีย) เครื่องเล่นเพลง วิทยุFM Here Maps เครื่องคิดเลข ปฏิทิน นาฬิกาปลุก
นอกจากนี้ก็จะมีแอปฯเกม และตัวจัดการไฟล์ของฝั่งแอนดรอยด์อย่าง Astro File Manager รวมกับ Viber WeChat Opera มาให้ลองใช้กัน
ในส่วนของหน้าจอล็อกสกรีน (ทำการปลดล็อกโดยลากนิ้วไปด้านข้าง) ซึ่งในหน้าจอนี้จะมีการแสดงรายละเอียด วัน เวลา และการแจ้งเตือนต่างๆอย่างเช่น สายที่ไม่ได้รับ การอัปเดตแอปฯ โซเชียลเน็ตเวิร์ก อีเมลต่างๆด้วย
ทั้งนี้ ถ้าลากนิ้วจากขอบบนหน้าจอลงมา จะพบกับแถบการตั้งค่าลัด ที่จะมีแสดงสถานะของซิมการ์ด การเปิดปิด ไวไฟ บลูทูธ ดาต้า และเสียง โดยสามารถกดเข้าไปหน้าตั้งค่ารวมได้จากปุ่มฟันเฟืองทางขวา
ถัดมาอีกส่วนคือ Fastlane ที่โนเกียใช้อยู่ในซีรีส์ Asha ก็นำมาอยู่ใน Nokia X ด้วย กล่าวคือเป็นหน้าจอแสดงผลลัดว่าเพิ่งมีการใช้งานอะไรไปล่าสุดบ้าง รวมไปถึงการแสดงผลของโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้กดปุ่มลัดเพื่อโพสต์ข้อความได้ทันทีด้วย
ส่วนแอปที่ให้มาอย่างนาฬิกาปลุก ก็จะเน้นสีสันที่สวยงาม สามารถตั้งวันเวลาปลุกได้ โดยเฉพาะ ส่วนเครื่องคิดเลขจะเป็นแบบมาตรฐานทั่วไป แต่มีปุ่มตัวเลขที่ค่อนข้างใหญ่ เว็บเบราว์เซอร์ที่ให้มาอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพียงแต่ด้วยหน้าจอขนาดเล็กทำให้อาจใช้งานได้ไม่สะดวกเท่าไหร่นัก
ถัดมาในส่วนของการตั้งค่า จะคล้ายคลึงกับในแอนดรอยด์คือมีการแบ่งส่วนออกเป็นการเชื่อมต่อต่างๆ โหมดใช้งานโทรศัพท์ ซึ่งตัวเครื่องรองรับการใช้งานแบบ 2 ซิม ก็จะมีตัวเลือกการตั้งค่าแต่ละซิมมาให้ด้วย ส่วนการตั้งค่าการแสดงผล เสียง บัญชีผู้ใช้ก็สามารถตั้งได้ตามปกติ สิ่งที่พิเศษและไม่คิดว่าจะมีใน Nokia X คือมีการนำระบบ Glance Screen หรือการสัมผัสหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อปลุก เหมือนในรุ่นพี่อย่าง Lumia มาให้เลือกใช้งานกันด้วย
Nokia Store ถือเป็นแหล่งโหลดแอปพลิเคชันแรก ที่ควรเข้ามาดาวน์โหลดแอปฯเพิ่มเพื่อใช้งาน ซึ่งทางโนเกียยืนยันว่าแอปฯที่อยู่ภายในนี้สามารถใช้งานกับ Nokia X ได้ 100% ซึ่งปริมาณก็จะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆด้วย
โดยผู้ใช้สามารถเลือกประเภทของแอปพลิเคชันเพื่อทำการดาวน์โหลดได้ทันที รวมไปถึงในนี้ก็จะมีแหล่งดาวน์โหลดแอปฯ 3rd Party อย่าง Mobile Me และ 1Market มาให้ผู้ใช้ลง เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ apk ของแอนดรอยด์มาติดตั้งในเครื่องได้ด้วย แต่ทั้งนี้ผู้ใช้ควรศึกษาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงแอปฯที่ไม่ได้ผ่านการรับรองด้วย
การใช้งานโซเชียลมีเดียใน Nokia X ถือว่าทำได้เหมือนในแอนดรอยด์ 100% กล่าวคือมีทั้งแอปฯเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ไลน์ วีแชท และอื่นๆให้โหลดมาใช้งานกัน รวมไปถึงสไกป์ ที่เพิ่มความพิเศษให้ผู้ใช้ Nokia X โทรฟรีทั้งเบอร์บ้านและเบอร์มือถือ 1 เดือน (ต้องเข้าไปโหลด Skype Gift ใน Nokia Store ก่อน)
ด้านระบบมัลติมีเดียที่มีมาให้อย่างเครื่องเล่นเพลง โนเกีย MixRadio และวิทยุFM เชื่อว่าสามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลงได่อย่างแน่นอน แต่ถ้าในมุมของการรับชมคลิปวิดีโอ ด้วยหน้าจอที่เล็กอาจทำให้เสพย์สื่อได้ไม่ดีนัก
Here Maps กลายเป็นอีกจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ Nokia X น่าสนใจ เพราะสมาร์ทโฟนเครื่องนี้จะกลายเป็นระบบ GPS นำทางแบบออฟไลน์ได้ด้วย เนื่องจาก Here Maps เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแผนที่มาเก็บไว้ในเครื่อง จึงไม่จำเป็นต้องออนไลน์ในระหว่างการใช้งาน แน่นอนว่ามาพร้อมกับระบบนำทางแบบเลี้ยวต่อเลี้ยวด้วย (Turn by turn)
ส่วนของคีย์บอร์ดอาจจะผิดหวังเล็กๆ เพราะการใช้งานค่อนข้างยาก ทั้งการสลับภาษา ที่ต้องใช้นิ้วลากระหว่างรูปฟันเฟืองไปยังปุ่ม Spacebar หรือคำสั่งการควบคุมอื่นๆ ซึ่งสามารถเข้าไปศึกษาได้ที่รูปแบบการสั่งการ แต่ถ้าไม่คิดมากก็สามารถหาคีย์บอร์ดของแอนดรอยด์อันอื่นมาลงใช้งานกันได้
โหมดโทรศัพท์ทำออกมาค่อนข้างเรียบง่าย ด้วยปุ่มกดตัวเลขขนาดใหญ่ บนพื้นหน้าจอสีขาวดูง่าย ส่วนหน้าจอขณะสนทนาจะกลายเป็นพื้นดำ พร้อมไอค่อนสำหรับเรียกใช้งานปุ่มกด เพิ่มสาย พักสาย ปิดเสียง และเปิดลำโพง ขณะที่หน้าจอสายเรียกเข้าจะใช้การลากลงเพื่อรับ หรือลากขึ้นเพื่อตัดสายแทน
ส่วนโหมดการใช้งานกล้อง ออกแบบมาค่อนข้างเรียบง่าย เพราะให้กล้องมาแค่ความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ไม่มีระบบออโต้โฟกัส การตั้งค่าถ่ายภาพจะมีให้เลือกปรับระดับแสง ตั้งความไวแสง สมดุลแสงขาว ใส่เอฟเฟกต์เล็กๆน้อยๆ รวมไปถึงปรับความเข้มสี แสง และความคมชัดได้ด้วย เพียงแต่คุณภาพโดยรวมของกล้อง ไม่ถึงกับดีมากนักแต่ก็ใช้แก้ขัดไปได้
จุดขาย
- บริการพิเศษของโนเกีย MixRadio Skype Here Maps
- ดาวน์โหลดแอปฯแอนดรอยด์มาติดตั้งใช้งานได้
- มีให้เลือกหลายสี รองรับการใช้งาน 3G 2 ซิม ในระดับราคา 3,990 บาท
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- ตัวเครื่องแยกการใช้งานะระหว่าง 3G 850/2100 MHz กับ 900/2100 MHz
- การตอบสนองยังไม่ลื่นมากนัก เพราะให้ RAM มาค่อนข้างน้อย
- ความละเอียดกล้องที่ให้ค่อนข้างต่ำ ตอบสนองช้า ไม่มีกล้องหน้า
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
Nokia X ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่โนเกีย กล้าที่จะออกจากกรอบเดิมๆ เพียงแต่ด้วยการวางให้เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางล่าง ส่งผลให้ประสิทธิภาพหลายๆอย่างยังถูกจำกัดอยู่ด้วยระดับต้นทุนของเครื่องที่ไม่ต้องการให้สูงมาก เพียงแต่ด้วยแนวคิดและรูปแบบการใช้งานที่ออกมาจะค่อนข้างเหมาะกับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น
โดยในส่วนของการนำแอปฯแอนดรอยด์มาใช้งาน ทางโนเกียคงต้องทำความเข้าใจกับผู้บริโภคค่อนข้างเยอะทั้งขั้นตอนในการดาวน์โหลดแอปฯมาติดตั้ง เพื่อให้สามารถใช้งานแพลตฟอร์ม Nokia X ได้สมบูรณ์แบบ
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีความรู้เชิงเทคนิคแล้ว ล่าสุด Nokia X ได้ถูก Root เพื่อทำการลง Google Service ให้ใช้งานได้เรียบร้อยแล้ว ถ้าต้องการใช้งานในจุดนั้นก็สามารถทำได้ เพียงแต่ก็จะเสี่ยงกับการหมดประกันของตัวเครื่องไปด้วย
Company Related Links :
Nokia
CyberBiz Social
