xs
xsm
sm
md
lg

Review: Garmin nuvi 3592LM อุปกรณ์นำทางพลังแอนดรอยด์ตัวแรกของการ์มิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




กล่าวถึงแบรนด์การ์มิน (Garmin) ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่านคงไม่มีใครไม่รู้จักกับผู้ผลิตอุปกรณ์นำทางที่มีชื่อเสียงโด่งดังแบรนด์นี้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่การ์มินขึ้นชื่อเรื่องอุปกรณ์นำทางไฮเอนด์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพและคุณภาพของแผนที่ (นำเข้าโดย ESRI ประเทศไทยโดยการเลือกใช้แผนที่ NOSTRA Digital Map เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก)

และในวันนี้ถือเป็นครั้งแรกของการ์มินกับอุปกรณ์นำทางพกพากลุ่มไฮเอนด์รุ่นใหม่ Garmin nuvi 3592LM ด้วยการปรับเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0.4 Ice Cream Sandwich พร้อมกับความสามารถที่เพิ่มขึ้นจนเข้าขั้นเป็นอินโฟเทนเมนต์ติดรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกการใช้งานเลยทีเดียว

การออกแบบ




สำหรับรูปทรงภายนอกรวมถึงการออกแบบทั้งหมด Garmin nuvi 3592LM ยังคงใช้หน้าจอสัมผัสมัลติทัชขนาด 5 นิ้ว TFT ความละเอียดหน้าจอ 800x480 พิกเซล ไม่มีปุ่มกดที่หน้าจอใดๆ เพราะใช้เป็นระบบสัมผัสทั้งหมด

ในส่วนตัวเครื่องมีขนาด 13.66 (W) x 8.63 (H) x 1.81 (D) เซนติเมตร น้ำหนักรวม 262 กรัม มีแบตเตอรีลิเธียมไอออนในตัว สามารถใช้งานโดยไม่ต้องต่อไฟในรถยนต์หรือในบ้านได้นาน 2 ชั่วโมง

มาถึงบริเวณด้านหลังของตัวเครื่องจะมีขาตั้งแบบ Kickstand สามารถกางออกเพื่อตั้งตัวเครื่องเวลาใช้งานทั่วไป พร้อมลำโพงหนึ่งตัวให้เสียงดังโดยไม่จำเป็นต้องต่อเข้าวิทยุในรถยนต์



ด้านอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องค่อนข้างครบครันตั้งแต่ตัวเครื่องอุปกรณ์นำทาง แท่นยึดติดในรถยนต์ สายชาร์จไฟในรถยนต์ สายชาร์จไฟบ้าน AC Adapter สาย USB สำหรับเชื่อมต่อโอน-ถ่ายข้อมูลจากคอมพิวเตอร์และคู่มือใช้งานเบื้องต้นพร้อมใบรับประกันที่สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแอปพลิเคชันในอุปกรณ์นำทางนี้




มาดูที่ด้านข้างของตัวเครื่องกับช่องเชื่อมต่อต่างๆ เริ่มจากด้านซ้ายมือจะเป็นช่องมินิยูเอสบี - AV-IN (สำหรับเชื่อมต่อกับกล้องวิดีโอติดรถหรืออุปกรณ์มัลติมีเดียต่างๆ) - ช่องหูฟังที่สามารถหาสายหัวเชื่อมต่อขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาต่อเข้ากับช่อง AUX In ในรถยนต์เพื่อนำเสียงจากอุปกรณ์นำทางนี้ออกผ่านลำโพงในรถยนต์ - ช่องใส่การ์ด MicroSD



ส่วนอีกด้านของตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง และบริเวณด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นช่องเชื่อมต่อกับขายึดติดกระจกรถยนต์พร้อมรายละเอียดชื่อรุ่นและบอกถึงสถานที่ผลิตตัวอุปกรณ์นำทาง "MADE IN TAIWAN"



มาถึงด้านบนของตัวเครื่องตรงกลางจะเป็นช่องเกี่ยวกับขายึดติดกระจกรถยนต์ ส่วนด้านซ้ายจะเป็นปุ่มเปิดปิด-Sleep/Awake ตัวเครื่อง




ส่วนขายึดติดกับกระจกรถยนต์ เนื่องจากเป็นการ์มินรุ่นท็อปของตลาด ที่บริเวณขายึดจึงมาพร้อมช่องเชื่อมต่อสายไฟ ช่อง AV-IN ช่องเชื่อมต่อ MicroUSB และด้านใต้ของขายึดติดจะเป็นปุ่มกดสำหรับปลดล็อกตัวเครื่องกับขายึดติดกระจกออกจากกัน



สำหรับสายไฟเชื่อมต่อในรถยนต์สามารถเชื่อมต่อเข้ากับช่องจ่ายไฟ 12V ได้ทันที แต่มีข้อแนะนำเล็กน้อยว่าก่อนเสียบสาย 12V ควรสตาร์ทรถยนต์ให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยเสียบสายเพื่อป้องกันไฟกระชากจนฟิวส์ขาดและหลังดับรถยนต์แล้วควรดึงสายออกทุกครั้ง ป้องกันไฟลัดวงจรในช่วงเวลาที่ผู้ใช้ไม่อยู่ในรถยนต์

โดยตัวเครื่องจะมีระบบปิดและเปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ดึงหรือเสียบสาย 12V เข้าออกช่องเสียบ

สเปก



มาถึงสเปกของตัวเครื่อง ส่วนของหน่วยประมวลผลหลักจะใช้ซีพียู ARM Cortex-A9 Dual Core ความเร็ว 1.20GHz พร้อมแรมประมาณ 658MB ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูลตามเอกสารประชาสัมพันธ์ระบุไว้ว่าอยู่ที่ 8GB แต่ความจริงเมื่อหักลบพื้นที่ของระบบปฏิบัติการและข้อมูลแผนที่ออกแล้วเหลือให้ใช้จริง 4.6GB (แต่ผู้ใช้สามารถเพิ่มความจุได้โดย MicroSD Card)




ด้านซอฟต์แวร์ขับเคลื่อนหลักเป็นแอนดรอยด์ 4.0.4 โดยทาง ESRI ได้ติดตั้งแผนที่ไทยพร้อมระบบนำทางเลี้ยวต่อเลี้ยวด้วยเสียงไทย (Thai Narisa) และบอกชื่อถนนได้

นอกจากนั้นส่วนของแผนที่นำทางยังมาพร้อมระบบ LaneAssist (ช่วยเลนถนนที่ควรอยู่), Junction View (ภาพทางแยกจริง ลดความสับสนเวลาขับรถถึงทางแยก) และภาพอาคาร 3 มิติพร้อมเข็มทิศและรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth กับสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานโทรศัพท์ผ่านหน้าจอสัมผัสรวมถึงรองรับการเชื่อมต่อ WiFi 802.11 b/g/n และรองรับบริการ Google Service ทั้งหมด สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันผ่าน Google PlayStore เหมือนแอนดรอยด์แท็บเล็ตทั่วไปได้

ฟีเจอร์เด่นและรูปแบบการใช้งาน



ด้วยการที่การ์มินเลือกใช้บริการแอนดรอยด์ (Powered by Android) เป็นส่วนขับเคลื่อนหลักทั้งหมด ทำให้ nuvi 3592LM จะไม่ต่างจากแอนดรอยด์แท็บเล็ตที่วางขายอยู่ในท้องตลาดทั่วไป โดย nuvi 3592LM มาพร้อมลิขสิทธิ์แผนที่แท้จาก ESRI (สามารถอัปเดตแผนที่ได้ฟรีตลอดอายุใช้งาน) และผู้ใช้สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันจาก PlayStore หรือไฟล์ apk ได้อย่างอิสระ ไปถึงการจัดหน้าโฮมสกรีนเพื่อดึง Widgets ต่างๆ มาตกแต่งหน้าจอได้เหมือนสมาร์ทโฟนอย่างใดอย่างนั้น


นอกจากการใช้งานแผนที่นำทางจาก Garmin/ESRI ได้แล้ว ด้วยการรองรับ Google Service ทั้งหมดทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อ WiFi จาก Personal Hotspot และเรียกใช้ Google Maps ได้ด้วย

แต่สำหรับค่าเริ่มต้นทางการ์มินจะดึง Widget ของการ์มินเองมาไว้หน้าแรกเพื่อให้สามารถเข้าใช้งานส่วนหลักที่ง่าย ไม่ซับซ้อน ได้แก่ ค้นหาตำแหน่งและดูแผนที่ (สำหรับเปิดดูข้อมูลว่าตอนนี้เราอยู่ถนนเส้นใด) และเมื่อกดเข้ามาในส่วนของหน้ารวมแอปพลิเคชัน App Drawer (ปุ่มสีเหลี่ยมด้านขวาบนสุด) จะมีการแบ่งหมวดหมู่สำหรับแอปพลิเคชันที่สามารถใช่ร่วมกับแผนที่ GARMIN ไว้แยกออกจากหน้าแอปฯ รวมทั่วไปอย่างชัดเจน



และอย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นแล้วว่า Garmin nuvi 3592LM เป็นอุปกรณ์นำทางที่เหมือนรวมร่างอินโฟเทนเมนท์ไว้ เพราะว่านอกจากตัวเครื่องจะสามารถนำทางด้วยเสียงแบบเลี้ยวต่อเลี้ยว (Turn by Turn) ได้แล้ว แอปพลิเคชันภายในยังมาพร้อมแอปฯ เล่นเพลง (PlayMusic) YouTube รวมถึงมีระบบแจ้งเตือนด้วย เพียงผู้ใช้ต่อใช้งานกับ WiFi สาธารณะ/บ้านหรือ Personal Hotspot ร่วมกับแท็บเล็ตสมาร์ทโฟน เพียงเท่านี้ผู้ใช้ก็สามารถเข้าถึงออนไลน์คอนเทนต์ได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะท่องเว็บไซต์ ฟังวิทยุออนไลน์ เปิดหาพิกัดจาก Foursquare หรือถอดออกมาเล่นเกมฆ่าเวลา ก็สามารถทำได้ทั้งหมดเหมือนกับอินโฟเทนเมนท์ในรถยนต์ยุคใหม่อย่างใดอย่างนั้น



และที่โดดเด่นอีกหนึ่งฟีเจอร์ก็คือสามารถใช้บลูทูธเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและกดโทรออก รับสายจาก nuvi 3592LM ได้รวมถึงสามารถกดดูประวัติการโทรเข้าออกและสายล่าสุดและที่ไม่ได้รับได้และดึงบัญชีรายชื่อจากสมาร์ทโฟนของเราให้มาปรากฏบน nuvi 3592LM ได้ด้วย



ในส่วนคีย์บอร์ดที่ผู้ใช้จะพบเห็นใน Garmin nuvi 3592LM จะแบ่งเป็นสองรูปแบบได้แก่ แบบแรกเป็นคีย์บอร์ดเต็มหน้าจอ 5 นิ้ว ซึ่งจะปรากฏในโหมดแผนที่นำทาง โดยเป็นคีย์บอร์ด QWERTY สี่แถว ส่วนแบบที่สองจะปรากฏเมื่อผู้ใช้เรียกใช้งานแอปพลิเคชันแอนดรอยด์ เป็นคีย์บอร์ดที่ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการโดยดาวน์โหลดเพิ่มเติมจาก Google PlayStore ได้



มาถึงหน้าจอส่วนแผนที่นำทางจะมีหน้าจอแผนที่เหมือนกับอุปกรณ์นำทางรุ่นอื่นของการ์มินคือเป็นแผนที่สี มีไอคอนจุดสนใจ POI บอกชัดเจน และถ้าสถานที่ที่ขับรถผ่านที่ใดมีแผนที่ 3 มิติ ก็จะแสดงเป็นรูปสถานที่แบบสามมิติให้เห็น ส่วนด้านบน (สีเขียว) บอกชื่อถนนที่อยู่ในตอนนี้ ด้านซ้ายเป็นระยะทางที่จะถึงทางแยกหรือจุดเลี้ยวแบบเรียลไทม์


Speed Limit

ด้านซ้ายเป็นระยะทางที่จะถึง (สามารถปรับเปลี่ยนได้เช่น เปลี่ยนเป็นระยะเวลาที่ถึง เป็นต้น) ตรงกลางจะเป็นส่วนของ LaneAssist ซึ่งจะปรากฏขึ้นเมื่อวิ่งถึงแยกหรือเลี้ยวต่างๆ เพื่อป้องกันผู้ใช้อยู่เลนถนนผิด ส่วนด้านขวาสุดจะเป็นความเร็วรถที่วิ่งอยู่ในตอนนี้ (จับจาก GPS) พร้อมป้ายบอกจำกัดความเร็วในถนนที่วิ่งอยู่รวมถึงถ้าขับรถเร็วเกินป้ายจำกัดความเร็วที่ปรากฏอยู่จะมีระบบแจ้งเตือนทั้งตัวอักษรสีแดงและเสียงแจ้งเตือน

ส่วนปุ่มคำสั่งสามปุ่มด้านขวาสุดของจอภาพจากด้านบนจะเป็นปุ่มปิด-เปิดเสียงนำทาง ตรงกลางปุ่มกากบาทสีแดงคือยกเลิกการนำทาง ล่างสุดคือปุ่มเรียกเส้นจราจร



และถ้ากดปุ่มขีดสามขีดด้านล่างขวาจะปรากฏเมนูเกี่ยวกับเส้นทางขึ้นมาตั้งแต่ข้อมูลจราจร ค้นหาทางอ้อม หาทางออกที่ใช้เวลาวิ่งบนทางด่วนหรือวิ่งอยู่บนถนนหลัก รวมถึงข้อมูลการเดินทางและโหมดพิเศษ EcoRoute ที่มีเมนูภายในเกี่ยวกับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ในตอนแรกผู้ใช้ต้องกรอกข้อมูลของรถยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้พร้อมราคาต่อลิตรก่อน

จากนั้นทุกครั้งที่วิ่งไปยังจุดหมาย ผู้ใช้สามารถกดรับชมอัตราสิ้นเปลือง กม./ต่อลิตรได้แบบคร่าวๆ พร้อมคะแนนและมีคำแนะนำในการขับรถเพื่อประหยัดพลังงานด้วย



และนอกจากนั้นเพื่อความแม่นยำในการคำนวณเส้นทาง Garmin nuvi 3592LM ยังรองรับการเชื่อมต่อกับสายรับสัญญาณจราจรที่แยกขายต่างหาก เช่น GTM35 Traffic receiver เพื่อจะได้ใช้ตรวจสอบสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ได้ (ตอนนี้เน้นใช้งานเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวมถึงเส้นสุขุมวิทเกือบทั้งเส้น)



และที่เด็ดสุดอีกหนึ่งฟีเจอร์เสริมก็คือสามารถบอกไฟแดงตามแยกต่างๆ ได้ โดยเมื่อขับรถยนต์ถึงแยกไฟแดง บริเวณแถบสีเขียวด้านบนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมเสียงเตือนและไอคอนเครื่องหมายตกใจสีแดงจะปรากฏขึ้น โดยจะมีการบอกระยะทางที่จะถึงไฟสัญญาณจราจรบอกให้ผู้ขับเตรียมตัวเบรกรถ และเมื่อผ่านไฟสัญญาณจราจรไฟ ระบบแจ้งเตือนสีแดงจะถูกยกเลือกและกลับเข้าสู่โหมดนำทางอัตโนมัติ

แต่ทั้งนี้ระบบแจ้งเตือนแยกสัญญาณไฟจราจรดังกล่าวจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพถ้าผู้ใช้ขับรถเร็วเกินไป (เท่าที่ผมทดสอบถ้าขับถึงแยกช่วงไฟเขียวที่ความเร็วเกิน 115 กิโลเมตร/ชั่วโมง การแจ้งเตือนจะผิดพลาดถึงขนาดวิ่งเลยสัญญาณไฟจราจรไปแล้วการแจ้งเตือนถึงค่อยปรากฏขึ้น)




จบเรื่องฟีเจอร์เด่นไปแล้ว มาถึงเรื่องการใช้งานแผนที่นำทาง เมื่อผู้ใช้กดเข้าสู่ "ค้นหาตำแหน่ง" จะเข้าสู่หน้าเมนูที่ผู้ใช้สามารถค้นหาสถานที่ที่ต้องการได้จากแถบค้นหาด้านบน หรือจะเข้าไปเลือกจากไอคอนหมวดหมู่ที่แบ่งไว้ เช่น ปั๊มน้ำมันหรือแหล่งช้อปปิ้ง เป็นต้น โดยระบบการค้นหาจะเน้นค้นหาจากสถานที่ที่ใกล้กับที่ผู้ใช้อยู่ในตอนนี้ก่อน ซึ่งถ้าต้องการปรับเปลี่ยนเขตเมืองหรือจังหวัดที่ค้นหาต้องกดเปลี่ยนที่ปุ่มข้างช่องค้นหา

หรืออีกหนึ่งวิธีก็คือหาค่าพิกัดมาใส่สำหรับสถานที่ที่ไม่มีในแผนที่

และสำหรับผู้เดินทางที่ชอบแวะหลายสถานที่ก็สามารถวางแผนเส้นทางและเก็บบันทึกไว้ได้ผ่านแอปฯ "แผนเดินทาง" เช่น ขับรถจากกรุงเทพฯ หยุดแวะที่ตลาดหนองมน และไปถึงจุดหมายปลายทางที่ชายหาดบางแสน



มาถึงการการใช้งานในการนำทางหลังจากตั้งจุดหมายปลายทางเสร็จเรียบร้อยและกดสั่งนำทาง สิ่งแรกที่ผู้ใช้สามารถสัมผัสได้ก็คือมีเสียงพูดบอกเลี้ยวต่อเลี้ยวพร้อมหน้าจอแผนที่จะปรากฏเส้นสีชมพูและมีรูปไอคอน (สามารถเปลี่ยนได้โดยการดาวน์โหลดผ่าน myGarmin) ในที่นี่คือไอคอนรูปรถสีขาว จะขยับตามรถของเราที่วิ่งอยู่ในถนน และเมื่อถึงทางแยก เช่น แยกขึ้นสะพานยกระดับจะมีหน้าจอ Junction View ขึ้นมาซ้อนทับเพื่อบอกแยกในรูปแบบ PhotoReal Junction เน้นรูปและทางแยกจากภาพจำลองของจริงพร้อมป้ายบอกว่าต้องเข้าแยกไหน

และเมื่อขึ้นทางด่วน มอเตอร์เวย์ หรือโทลล์เวย์ที่มีทางแยกและป้ายบอกทางจำนวนมาก ระบบจะนำเส้นทางแยกเหล่านั้นมาแสดงผลใหม่เป็นตัวอักษรอย่างชัดเจน โดยผู้ใช้สามารถกดเลือกเส้นทางอื่นได้หรือถ้าไม่กดเลือก ระบบเครื่องจะเลือกเส้นทางให้อัตโนมัติโดยมีกรอบสีเขียวล้อมบอกไว้อย่างชัดเจน

อีกทั้งระบบ LaneAssist ยังสามารถบอกเลนเข้าแยกถนนที่ถูกต้องได้ระหว่างขับรถด้วยความเร็วระดับหนึ่งด้วยภาพกราฟิกขนาดใหญ่ชัดเจนไม่ต้องกลัวอยู่เลนส์ผิด เช่น ทางเข้าท่าอาศยานสุวรรณภูมิช่วงมอเตอร์เวย์จะมีเลนถนน 3 เลนจากซ้ายที่สามารถเบี่ยงเข้าเส้นสุวรรณภูมิได้ เป็นต้น



สุดท้ายนอกจากการนำทางด้วยแผนที่แล้ว Garmin nuvi 3592LM ยังมาพร้อมกับความสามารถในการเก็บเส้นทางที่เดินทางได้ (Trip Log) เพื่อกลับมาเรียกดูภายหลังสำหรับการศึกษาเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย

ทดสอบประสิทธิภาพ



มาถึงการทดสอบประสิทธิภาพผม @dorapenguin ขอแบ่งการทดสอบเป็นสองส่วนได้แก่ ทดสอบให้ส่วนของระบบการทำงานของตัว Garmin nuvi 3592LM ส่วนนี้ถือว่าสอบผ่านในเรื่องความครบครันและความสามารถในรูปแบบแอนดรอยด์ที่ใช้งานได้แบบแอนดรอยด์แท็บเล็ตแท้ๆ ทุกฟีเจอร์ แถมซีพียูดูอัลคอร์ที่ใส่เข้ามาก็ตอบสนองการใช้งานทั่วไปได้ทั้งหมดไปถึงเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ สามารถทำได้ไม่มีสะดุด แต่แบตเตอรีที่ใส่เข้ามาอาจมีขนาดเล็กเกินไป เวลาถอดมาใช้งานโดยไม่เชื่อมต่ออะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้านหรือในรถยนต์จะมีอายุใช้งานได้ไม่เกิน 2 ชั่วโมง

และอีกเรื่องที่เป็นข้อสังเกตก็คือระบบหน้าจอสัมผัสทำได้ไม่ดี โดยเฉพาะความแม่นยำที่ต่ำมากและการตอบสนองที่ช้าต้องจิ้มหน้าจอแรงๆ กว่าจะกดติด



มาถึงส่วนที่สองกับการทดสอบนำทาง โดยภาพรวมถือว่าทำได้ดีตามแบบฉบับการ์มิน โดยเฉพาะเรื่อง LaneAssist - PhotoReal Junction View และความสามารถเชื่อมต่อกับสายสัญญาณจราจรได้เหมือนรุ่นไฮเอนด์ก่อนหน้าของการ์มินถือว่าทำได้ดีและเป็นไม้ตายที่การ์มินยังทำได้ดีเสมอมา ยิ่งต่อกับสายสัญญาณจราจร nuvi 3592LM จะนำทางได้เทพมากและสามารถหลีกเลี่ยงรถติดให้เราได้อย่างดี ถ้าศูนย์ข้อมูลจราจรไม่มั่วนะครับ)

สำหรับการค้นหาสถานที่เพื่อนำทางยังคงมีข้อจำกัดเหมือนอุปกรณ์นำทางรุ่นอื่น เพราะบางครั้งฐานข้อมูลสถานที่ไม่มีในระบบ (เนื่องจากเป็นแผนที่ออฟไลน์) ถึงอย่างไรเราก็ต้องพึ่งสมาร์ทโฟนและระบบออนไลน์อย่างกูเกิลหรือ Foursquare ในการค้นหาบางสถานที่ก่อน แล้วค่อยนำเลขพิกัดที่ได้มาพิมพ์ลงในส่วนค้นหาด้วยเลขพิกัด ซึ่งถ้าโชคดีหน่อยในรถมีการปล่อย Personal Hotspot ตลอดก็สามารถจิ้มหาผ่าน Google ได้ แต่สุดท้ายแล้วส่วนของ Google ก็มีปัญหาใช้งานร่วมกับแอปฯ นำทางของการ์มินเล็กน้อยต้องพลิกแพลงวิธีใช้งานพอสมควร

ส่วนในเรื่องเสียงนำทางแบบเลี้ยวต่อเลี้ยว ส่วนนี้ถือว่ามีเรื่องที่ควรปรับปรุงอย่างเร่งด่วนเพราะนอกจากเสียงพูดที่เหมือนหุ่นยนต์แล้ว เรื่องการอ่านแยกและชื่อถนนที่ใช้หลักการแปลง Text to Speech ยังทำให้เสียงพูดบางครั้งเพี้ยนออกไปแถมการเว้นวรรคยังไม่ถูกต้องจนสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้งานในบางโอกาส

แต่ก็ใช่ว่าเรื่องเสียงนำทางจะไม่มีข้อดีเลย สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจตลอดการใช้งานร่วม 2 อาทิตย์ก็คือ "เสียงบอกเลี้ยวต่อเลี้ยวไปถึงการบอกให้เบี่ยงเข้าเส้นทางต่างๆ ทำได้ละเอียดมากแบบวินาทีต่อวินาที" ใครใช้อุปกรณ์ตัวนี้แล้วเลี้ยวเข้าเลนผิดก็ไม่รู้จะกล่าวคำใดแล้วเพราะละเอียดมากจริงๆ

สรุป/ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?

ขอชม

- แผนที่นำทางมีระบบ LaneAssist/PhotoReal Junction View
- สามารถเชื่อมต่อเสาอากาศรับสัญญาณจราจรได้
- ขับเคลื่อนด้วยแอนดรอยด์ ใช้งานได้ครบครันและอิสระทั้ง Google Service และติดตั้งแอปฯ เพิ่มเติมได้แบบแอนดรอยด์แท็บเล็ต
- สามารถฟังเพลงผ่านแอปฯ ของกูเกิลได้ขณะนำทาง
- อัปเดตแผนที่ฟรีตลอดอายุการใช้งาน
- มีบลูทูธ สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อเข้าถึงระบบโทรศัพท์ได้
- ช่องหูฟังสามารถประยุกต์เสียบร่วมกับ AUX IN 3.5 มิลลิเมตรเพื่อให้เสียงออกลำโพงในรถได้
- สามารถลงแอปฯ แผนที่นำทางอื่นๆ ที่อยู่ใน Google PlayStore ได้ เช่น Sygic

ข้อสังเกต

- หน้าจอสัมผัสไม่แม่นยำและตอบสนองช้าต้องอาศัยแรงกดที่มากถึงตอบสนอง
- พบอาการไม่จับสัญญาณ GPS ระหว่างนำทางต้องปิดและเปิดแอปฯ นำทางใหม่
- ไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปฯ Garmin Smartphone Link ได้ในปัจจุบัน (มีประโยชน์มากสำหรับการหาพิกัดสถานที่ที่ไม่มีในระบบ)
- ไม่รองรับการใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์เพื่อเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ต

สำหรับราคา Garmin nuvi 3592LM อยู่ที่ 13,500 บาทซึ่งถือเป็นราคาที่การ์มินมักตั้งให้กับอุปกรณ์นำทางรุ่นไฮเอนด์อยู่แล้ว ทีนี้คำถามคือราคานี้กับความคุ้มค่าสอดคล้องไปด้วยกันได้หรือไม่ คำตอบนี้สำหรับผมขอแยกตอบว่าถ้าผู้ใช้มีรถยนต์รุ่นใหม่พึ่งซื้อมาไม่เกิน 2-3 ปี ในรถยนต์มีระบบอินโฟเทนเมนท์ที่เพียบพร้อมอยู่แล้วและผู้ใช้ต้องการแผนที่นำทางภาษาไทยสักรุ่น Garmin nuvi 3592LM อาจถือว่ามีราคาที่สูงเกินไป ลองมองหา Garmin รุ่นอื่นที่มีแผนที่นำทางอย่างเดียวราคาไม่เกิน 6-7 พันบาทก็เพียงพอ

แต่สำหรับคนที่มีรถเก่า วิทยุก็มีแค่เครื่องเล่นซีดีและช่อง AUX IN เท่านั้น การลงทุนซื้อ Garmin nuvi 3592LM ก็อาจถูกใจผู้ใช้กลุ่มนี้ได้ไม่ยาก เพราะนอกจากความสามารถในการนำทางแล้วท่านจะได้ทั้งระบบอินโฟเทนเมนท์รวมถึงแอนดรอยด์แท็บเล็ตติดในรถแบบ 3 in 1 เลยทีเดียว แต่อาจต้องปรับตัวกับเรื่องหน้าจอสัมผัสที่ไม่ค่อยแม่นยำและจิ้มยากให้ได้ก่อน

Company Related Link :
Garmin/ESRI Thailand

CyberBiz Social



Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket






กำลังโหลดความคิดเห็น