การกลับมารุกตลาดในรอบนี้ของหัวเว่ย ด้วยการนำมือถือที่อยู่ในระดับพรีเมี่ยมจากวัสดุ และความบางที่สุดในโลกมาเป็นสิ่งชูโรง ถือว่าเป็นการกลับมาในตลาดที่สร้างสีสรรได้พอสมควร เพียงแต่อาจยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ให้ผู้บริโภครับรู้ถึงคุณภาพแบรนด์ต่อไปอีกสักนิด
Ascend P6 ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่เกิดมาพร้อมกับความบางที่สุดในโลกเพียง 6.18 มิลลิเมตร ถือเป็นจุดขายหลักที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูงแบบควอดคอร์ และหน้าจอ 720p ในระดับราคา 13,990
การออกแบบและสเปก
ดีไซน์กลายเป็นจุดดึงดูดหลักของ Ascend P6 ก็ว่าได้ เพราะถ้าได้เห็นและสัมผัสตัวจริงจะพบว่าตัวเครื่องทำจากวัสดุอย่างอะลูมิเนียมบริเวณขอบตัวเครื่อง ผสมกับพลาสติกคุณภาพสูงอย่างโพลีคาร์บอเนต ที่มีดีไซน์คล้ายคลึงกับไอโฟน 5 เป็นอย่างมาก แต่ก็ดีกว่าที่ตัวเครื่องบางลง
สำหรับขนาดตัวเครื่องของ Ascend P6 อยู่ที่ 132.7 x 66.5 x 6.18 มิลลิเมตร น่้ำหนัก 120 กรัม วางจำหน่ายด้วยกันก่อน 2 สีคือ ขาวและดำ ส่วนสีชมพู อาจมีการนำเข้ามาจำหน่ายในอนาคต
ด้านหน้า - อย่างที่บอกไปว่าการออกแบบมีลักษณะคล้ายคลึงกับไอโฟน อาจจะเป็นเพราะมาจากโรงงานที่ใกล้เคียงกัน เริ่มจากส่วนบนหน้าจอจะมีช่องลำโพงสนทนาพาดอยู่ตรงกึ่งกลาง โดยมีเซ็นเซอร์วัดแสง ตรวจจับใบหน้าอยู่ฝั่งซ้าย และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลอยู่ฝั่งขวา
ตัวหน้าจอทัชสกรีนที่ให้มามีขนาด 4.7 นิ้ว เป็นจอแบบ IPS ที่ให้มุมมองด้านข้างชัดเจนขึ้น ความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 1,280 x 720 พิกเซล โดยมีความละเอียดเม็ดสีอยู่ที่ 331 ppi โดยตัวเครื่องจะไม่มีปุ่มสัมผัสใดเพราะนำเข้าไปอยู่ในส่วนล่างของจอทัชสกรีนแทน ทำให้ล่างหน้าจอเหลือเพียงโลโก้หัวเว่ยเท่านั้น
ด้านหลัง - ถูกดีไซน์ออกมาให้มีความเรียบหรู กล่าวคือเป็นพลาสติกเรียบๆที่มีสัญลักษณ์ของหัวเว่ยอยู่ตรงกึ่งกลางบน โดยมีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแอลอีดี ที่มุมบนเท่านั้น ขณะที่มุมล่างก็จะมีช่องลำโพง และรหัสระบบข้อมูลรายละเอียดสินค้าต่างๆ ตัวเครื่องถูกทำให้ไม่สามารถถอดแบตเตอรี่ได้ โดยให้แบตฯมาขนาด 2,000 mAh
ด้านซ้าย - จะมีเพียงช่องเสียบหูฟัง ที่มีตุ่มเหล็กปิดอยู่ ซึ่งเมื่อแกะตุ่มออกมาก็จะเป็นเหล็กแหลมสำหรับใช้จิ้มถาดใส่ซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ด ด้านขวา - จะมีทั้งปุ่มเปิดปิดเครื่อง ปุ่มปรับระดับเสียง และช่องสำหรับถาดใส่ซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ด ที่ต้องใช้เหล็กแหลมขนาดเล็กจิ้มออกมา
ด้านบน - มีเพียงพอร์ตไมโครยูเอสบี สำหรับเสียบสายชาร์จ และเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ด้านล่าง - จะมีการปรับดีไซน์ให้ขอบล่างโค้งมน โดยมีช่องไมโครโฟนสนทนาติดอยู่
ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่อง ซึ่งมีการออกแบบให้ดูหรูหราขึ้น ทั้งสายสำหรับดึงกล่องออกมา การจัดวางอุปกรณ์ภายในเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกเหนือจากตัวเครื่องก็จะมี เคสใส หูฟังแบบปกติ สายยูเอสบี และหัวชาร์จเท่านั้น
สำหรับสเปกภายในของ Ascend P6 ใช้หน่วยประมวลผลควอดคอร์ 1.5 GHz ให้ RAM มา 2 GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 8 GB แต่เหลือให้ใช้ราว 4.7 GB สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติมได้สูงสุด 32 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.2
ด้านการเชื่อมต่อรองรับ 3G ทุกคลื่นความถี่ ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 21.6 Mbps อัปโหลดสูงสุด 5.76 Mbps ส่วนไวไฟ รองรับมาตรฐาน 802.11 b/g/n มีระบบ DLNA Wi-Fi Direct ใช้เป็น HotSpot ได้ บลูทูธ 3.0 วิทยุFM
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ต้องยอมรับว่าหัวเว่ยทำการบ้านมาพอสมควรกับการปรับปรุงอินเตอร์เฟสของแอนดรอยด์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ด้วยการครอบ Emotion UI 1.6 เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน โดยเริ่มกันจากหน้าจอปลดล็อกหน้าจอที่มีแสดงผลวันเวลา และแถบปลดล็อกที่เลื่อนไปเพื่อเรียกใช้งานกล้องทันทีได้ เหมือนกับหลายๆค่ายที่ออกมาก่อนหน้านี้
เมื่อเข้ามาก็จะพบกับหน้าจอหลัก ที่ผู้ใช้สามารถนำวิตเจ็ตต่างๆเข้ามาใส่เพิ่มได้ แต่ไม่เพียงเท่านี้ เพราะหัวเว่ยได้รวมหน้าแอปพลิเคชันมาไว้ในหน้าวิตเจ็ตด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ในแอนดรอยด์ของหัวเว่น จะไม่มีหน้ารวมเมนูเหมือนแบรนด์อื่นๆ ซึ่งในจุดนี้ก็สามารถสร้างโฟลเดอร์เพื่อรวมกลุ่มแอปฯเข้าด้วยกันได้ ตามความสามารถของแอนดรอยด์รุ่นใหม่ๆ
ลูกเล่นที่เพิ่มเข้ามาให้เลือกใช้ก็จะมีทั้งการเปลี่ยน Transitions ระหว่างการหมุนหน้าจอที่มีรูปแบบให้เลือกใช้งานมากมาย รวมไปถึงการเปลี่ยนธีมของตัวเครื่อง ที่มีให้มาทั้งแบบฟรี และสามารถเลือกดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ หรือจะปรับแต่งด้วยตนเองก็ได้เช่นเดียวกัน
สำหรับการกดปุ่มเรียกดูแอปฯที่ใช้งานล่าสุดในรุ่นนี้ นอกจากจะใช้สลับแอปฯแล้ว ยังมีปุ่มเพื่อให้กดล้าง เพื่อเคลียแรมที่ใช้ไปด้วย โดยจะมีสถานะของแรมแสดงอยู่ข้างบน ซึ่งถ้าใช้งานแล้วพบว่าเครื่องมีอาการกระตุกหรือหน่วงๆก็สามารถกดล้างได้ทันที
ในส่วนของแถบการแจ้งเตือน Notification ก็จะมีแถบลัดสำหรับการตั้งค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อไวไฟ จีพีเอส ดาต้า บลูทูธ เปลี่ยนโปรไฟล์เสียง หมุนหน้าจอ การแชร์หน้าจอกับอุปกรณ์ที่รองรับ ซึ่งในจุดนี้สามารถเข้าไปสลับตำแหน่ง หรือเพิ่มการตั้งค่าที่ใช้งานบ่อยๆมาไว้ได้ด้วย
โดยแอปพลิเคชันที่ให้มาในเครื่องจะประกอบไปด้วยเว็บเบราว์เซอร์ กล้อง แกลอรี่ภาพ เครื่องเล่นเพลง แผนที่ อีเมล นาฬิกา ปฏิทิน ตัวจัดการไฟล์ แอปฯต่างๆจากเซอร์วิสของกูเกิล ตัวพยากรณ์อากาศ ไฟฉาย เครื่องคิดเลข บันทึกเสียง สมุดจด และวิทยุ
เว็บเบราว์เซอร์ที่ให้มา ถือเป็นไปตามมาตรฐานของแอนดรอยด์ 4.2.2 กล่าวคือรองรับการแสดงผล HTML 5 แบบเต็มรูปแบบ การใช้งานถือว่าลื่นไหลดี อาจจะเกิดจากแรมและซีพียูที่ให้มา การแสดงผลสามารถทำได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนตามปกติ
โหมดโทรศัพท์มีระบบเดารายชื่อผู้ติดต่อมาให้ด้วย สามารถซิงค์เลขหมายและรูปภาพมาใช้งานได้ทันที ขณะสนทนาจะมีเมนูให้เลือกเพิ่มสาย พักสาย ดูรายชื่อ จดโน้ต เปิดลำโพง ปิดเสียง เรียกปุ่มกด และแถบปุ่มวางสายขนาดใหญ่ ส่วนหน้าจอเมื่อมีสายเรียกเข้าจะมีวงแหวนขึ้นมาให้เลื่อนรับสาย วางสาย หรือส่งข้อความกลับ
ตัวจัดการไฟล์สามารถเลือกดูไฟล์ได้ทั้งในตัวเครื่อง และเอสดีการ์ด โดยมีปุ่มเลือก ตัด คัดลอก ให้ใช้งานได้แบบทันที เครื่องอัดเสียงมีให้เลือกทั้งโมโน และสเตอริโอ โดยมีแถบคลื่นเสียงให้ดูด้วย ตัวพยากรณ์อากาศที่ติดมาก็มีลูกเล่นในการแสดงผลที่สวยงาม
นอกจากนี้ก็ยังมีแอปฯอย่างไฟฉาย ตัวระบบ DLNA สำหรับแชร์คอนเทนต์ไปยังอุปกรณ์เครื่องอื่นๆที่เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่ายเดียวกัน และก็ยังมีระบบสั่งโทรออกด้วยเสียง ระบบค้นหาด้วยเสียง เพิ่มขึ้นมาให้จากความสามารถของแอนดรอยด์ด้วย
คีย์บอร์ดภาษาไทยที่ให้มา ถือว่าค่อนข้างโอเค การจัดเรียงแป้นพิมพ์เป็นไปตามมาตรฐานคีย์บอร์ดปกติ สามารถสลับสับเปลี่ยนภาษาได้จากกดกดปุ่มเดียว รองรับการใช้งานในแนวนอนด้วย
โหมดกล้องที่ให้มาถือว่าค่อนข้างอัตโนมัติพอสมควร กล่าวคือในโหมด Smart เมืื่อเปิดใช้งานก็จะพร้อมถ่ายได้ทันที แต่ถ้าต้องการปรับพวก ISO สมดุลแสงขาว ความสว่างรูปภาพก็ต้องเลือกใช้งานในโหมดปกติแทน นอกจากนี้ก็ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า หน้ายิ้มมาให้เล่นด้วย
ส่วนการบันทึกภาพเคลื่อนไหวก็สามารถใช้งานได้ถึงระบบ 1080p ในส่วนของกล้องหลัง ส่วนกล้องหน้าจะได้ที่ระดับ 720p แม้ว่าจะให้ความละเอียดกล้องหน้ามาถึง 5 ล้านพิกเซลก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าเซ็นเซอร์ของกล้องหน้าที่ให้มาค่อนข้างคมชัด
มาถึงในส่วนของการตั้งค่าตัวเครื่อง จะมีให้เลือกปรับ 2 โหมดคือ ทั่วไป และแสดงทั้งหมด ซึ่งในโหมดทั่วไปก็จะแสดงการปรับแต่งธรรมดาๆ อย่างเช่นการเชื่อมต่อไวไฟ บลูทูธ ปรับความสว่างหน้าจอ เปลี่ยนภาพพื้นหลัง ขนาดฟอนต์ เสียงเรียกเข้าเป็นต้น
แต่ในโหมดของทั้งหมด ก็จะมีการแบ่งตามประเภทตามแอนดรอยด์ 4.2.2 คือ ส่วนของการเชื่อมต่อ ตั้งค่าตัวเครื่อง ตั้งค่าแอปพลิเคชัน ตั้งค่าส่วนบุคคล บัญชีผู้ใช้ และตั้งค่าระบบต่างๆในตัวเครื่อง
จุดที่น่าสนใจใน Ascend P6 คงหนีไม่พ้นการปรับตั้งสีหน้าจอได้ด้วยตนเอง ซึ่งถ้าชอบการแสดงผลสีแนวไหนก็สามารถปรับได้ นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์อย่างการคว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง หยิบเครื่องแล้วเสียงเรียกเข้าจะเบาลง ยกขึ้นแนบหูเพื่อรับสาย หรือโทรออกหารายชื่อนั้นๆ
ส่วนของระบบการอัปเดตเฟิร์มแวร์ ก็มีให้เลือกทั้งอัปผ่าน OTA การโหลดไฟล์มาเก็บไว้ในเครื่อง หรือเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่ออัปเกรดก็ได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าหัวเว่ยทำงานมาได้ค่อนข้างดี เพราะจากการอัปเดตล่าสุดตัวเครื่องมีความสเถียรขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และด้วยความที่ตัวเครื่องให้แบตฯมา 2,000 mAh การใช้งานซีพียูแบบควอดคอร์ ทำให้กินแบตพอสมควร จึงได้มีโหมดประหยัดพลังงานมาให้เลือกใช้ด้วย ที่น่าสนใจคือตัวโหมดดังกล่าวสามารถคำนวนเวลาการใช้งานที่เหลือของการโทร เล่นอินเทอร์เน็ต เล่นวิดีโอ อ่านข้อมูล หรือฟังเพลงได้ด้วย นอกจากนี้ก็ยังสามารถปรับเลือกการประหยัดพลังงานกับบางแอปฯได้ด้วย
ในส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 4,922 คะแนน และ 12,672 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 10 จุดพร้อมกัน
ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo ได้ 1,414 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ 355 คะแนน ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 และ Nenamark2 60 fps An3dBench 7,562 คะแนน และ An3dBenchXL 29,961 คะแนน
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม Passmark PerformanceTest Mobile ได้คะแนน System 2,271 คะแนน CPU 7,361 คะแนน Disk 10,459 คะแนน Memory 1,101 คะแนน 2D Graphics 1,754คะแนน และ 3D Graphics 1000 คะแนน
ส่วนการทดสอบ CF-Bench และ 3Dmark ดูรายละเอียดได้จากรูปด้านล่าง
จุดขาย
- เน้นไปที่ความบางและดีไซน์ที่ดูเรียบหรู ในระดับราคาหมื่นกว่าบาท
- ประสิทธิภาพเพียงพอต่อการใช้ได้ครบถ้วน
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- อินเตอร์เฟสที่ให้ความสวยงามใช้งานง่าย
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- ด้วยความที่ตัวเครื่องบางทำให้อาจจับถือไม่ถนัดมือ ส่งผลให้ต้องหาเคสมาใส่อยู่ดี
- ตัวเครื่องยังขาดเทคโนโลยีใหม่ๆอย่าง NFC หรือฟีเจอร์ที่โดดเด่นไม่มีใครเหมือน
- ถ้าต้องการใช้งานหูฟังอาจต้องหาที่เก้บตุ่มสำหรับใช้จิ้มถาดใส่ซิมเก็บแยกไว้ระวังหาย
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
หัวเว่ย Ascend P6 ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่หมายมั่นเข้ามาเจาะกลุ่มผู้ที่ไม่มีกำลังซื้อไอโฟนเป็นหลัก เนื่องมาจากด้วยการออกแบบดีไซน์ที่ใกล้เคียงกัน แต่ปรับลดระดับราคาลงมาให้เหลืออยู่ในช่วงหมื่นต้นๆเท่านั้น
ความสามารถหลักของ Ascend P6 คงไม่แตกต่างจากแอนดรอยด์รุ่นอื่นๆในท้องตลาดซึ่งทำงานบนหน่วยประมวลผลแบบควอดคอร์ RAM 2 GB สักเท่าไหร่ เพราะว่าทางหัวเว่ยแค่นำอินเตอร์เฟสมาครอบให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นความบางของตัวเครื่องที่ถือเป็นจุดขายหลัก เพียงจุดเดียว เพราะถ้ามองไปในท้องตลาดทั้งเรื่องความละเอียดกล้อง ความละเอียดหน้าจอ แบรนด์ไทยอย่างไอโมบายล้ำหน้ากว่าไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เพียงในแง่ของวัสดุที่ใช้เท่านั้นเองที่ยังตามหลังหัวเว่ยอยู่
Company Related Links :
Huawei