ดีแทคเริ่มเดินเครื่องบุกตลาด 3G อย่างเต็มตัว ด้วยการเสริมทัพเครื่องลูกข่ายราคาถูกอย่าง Dtac TriNet Cheetah ลงตลาด และถือว่าเป็นเฮาส์แบรนด์ภายใต้ตราสินค้าที่ผลิตร่วมกันของดีแทคและหัวเว่ยอย่างเต็มตัว และด้วยราคาที่สอดรับกับฟีเจอร์เครื่องได้อย่างดีเยี่ยมทำให้คาดว่าจะมัดใจผู้ใช้ได้อยู่หมัด
การออกแบบและสเปก
Cheetah ผลิตจากวัสดุพลาสติกชนิดด้านให้น้ำหนักเบาตลอดตัวเครื่อง รูปทรงแบบมาตรฐานที่สมาร์ทโฟนเลือกใช้คือโมโนบล็อก แม้ว่าตัวเครื่องจะไม่ขายความบางแต่ก็สร้างจุดเด่นที่คุณภาพการประกอบซึ่งทำให้เครื่องดูมีระดับขึ้นมาได้บ้าง โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 134 x 67 x 9.9 มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 150 กรัม
ด้านหน้า - มองจากด้านบนจะเห็นลำโพงสนทนาเป็นช่องแนวนอนอยู่เหนือโลโก้หัวเว่ย ด้านซ้ายจะมีกล้องหน้า VGA ขนาดเล็กสำหรับการโทรแบบเห็นหน้าคู่สนทนา หรือใช้สำหรับโปรแกรมแชทต่างๆที่รองรับการใช้งานวิดีโอคอล
จอแสดงผลขนาด 4.5 นิ้ว 16 ล้านสี ความละเอียด 854 x 480 พิกเซล แบบ IPS Capacitive Touchscreen ส่วนล่างหน้าจอจะเป็นปุ่มแบบสัมผัส 3 ปุ่มซึ่งจะแสดงไฟสัญลักษณ์ขึ้นมาเมื่อสัมผัสโดน แต่เมื่อไม่ใช้งานไฟจะดับและกลายเป็นพื้นสีดำเพื่อลดการรบกวนสายตาเมื่อไม่ได้ใช้งาน
ด้านหลัง - มีกล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล วางอยู่ตำแหน่งตรงกลางค่อนไปทางด้านบน ด้านซ้ายจากกล้องมีลำโพงที่ให้เสียงคุณภาพระดับ DTS ตามที่สเปกเครื่องแจ้งมา ขณะที่ด้านขวาจะมีแฟลชแบบ LED ที่ให้ความสว่างในโหมดไฟฉายด้วยนอกเหนือจากการเป็นแฟลชถ่ายรูป และเยื้องไปทางขวาจะมีช่องไมโครโฟนที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนระหว่างสนทนา ถัดลงมากลางเครื่องมีโลโก้ดีแทคพร้อมสัญลักษณ์สีขาวซึ่งตัดกับพื้นสีดำที่เป็นสีหลักของเครื่องที่นำมาทดสอบ และแน่นอนว่าด้านล่างตำแหน่งกลางเป็นตำแหน่งของโลโก้ผู้ผลิตเครื่องซึ่งก็คือหัวเว่ยนั่นเอง
เมื่อเปิดฝาหลังออกจะเห็นแบตเตอรี่ขนาด 1,700 mAh อยู่ภายใน ด้านล่างจะมีช่องเสียบซิมการ์ดขนาดปกติโดยต้องถอดแบตเตอรี่ออกก่อนจึงจะสามารถใส่ซิมการ์ดได้ ถัดมาทางด้านซ้ายมีช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ดที่ไม่ต้องถอดแบตเตอรี่ก็สามารถใส่ได้ รองรับการ์ดสูงสุด 32 GB ขณะที่ด้านบนจะเห็นกล้องพร้อมแฟลชแอลอีดีและลำโพงเช่นเดียวกับที่ฝาปิด
ด้านซ้าย - มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่องอยู่ด้านบน ถัดลงด้านล่างมีปุ่มปรับระดับเสียงเป็นแนวยาว ขณะที่ด้านล่างสุดจะเป็นช่องเสียบไมโครยูเอสบี สำหรับต่อสายชาร์จและลิงก์ข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์และ Dtac TriNet Cheetah ด้านขวา - ไม่มีปุ่มใดๆโดยมีฝาหลังของเครื่องครอบปิดจนถึงหน้าจอ
ด้านบน - มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร สำหรับการฟังเพลง สมอลทอร์ค และเป็นสายสัญญาณวิทยุยามที่ต้องการฟังวิทยุจากมือถือ ขณะที่ด้านล่าง - มีช่องไมโครโฟนเล็กๆเยื้องไปทางซ้าย
Cheetah มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Dual-Core 1.2 GHz จาก Qualcomm ในตระกูล Snapdragon หน่วยประมวลผลภาพแบบ Adreno 203 ช่วยให้การแสดงผลภาพลื่นไหล ทำงานบนแรมขนาด 512 MB พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล 4 GB โดยเมื่อติดตั้งโปรแกรมพื้นฐานแล้วจะเหลือพื้นที่ให้ใช้งานโดยประมาณ 2.2 GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำแบบไมโครเอสดีการ์ดได้สูงสุด 32 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.1 (Jelly Bean)
รองรับเครือข่าย 3G ย่านความถี่ 850 MHz และ 2100 MHz ความเร็วสูงสุด HSDPA 7.2 Mbps ตอบโจทย์วัตถุประสงค์หลักของดีแทคในการเพิ่มจำนวนเครื่องลูกข่ายที่ใช้งาน 3G บนย่านความถี่ 850 MHz ในตลาดอย่างชัดเจน รองรับ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 a/b/g/n มีบลูทูธและจีพีเอสสำหรับแอปพลิเคชันนำทางและระบุพิกัดที่อยู่
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นด้วยราคาที่ถูกกว่าความสามารถเครื่องเป็นอย่างมาก โดยเมื่อเทียบกับมือถือรุ่นใกล้เคียงในตลาดพบว่ามีราคาที่ต่ำกว่าจนทำให้ตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก และที่สำคัญการพ่วงโปรโมชันตามสไตล์การขายของผู้ให้บริการ ทำให้มูลค่าของเครื่องเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ความคุ้มค่ายิ่งเพิ่มขึ้นมากอีกระดับหนึ่ง
การเลือกใช้อินเตอร์เฟสแบบ Motion UI ที่แม้ว่าจะออกแบบโดยหัวเว่ยเองแต่ก็สร้างลูกเล่นให้เครื่องได้ไม่น้อย เพราะความสามารถเปลี่ยนรูปแบบหน้าเมนูได้หลายแบบซึ่งแต่ละแบบก็เป็นลูกเล่นที่แตกต่างกัน โดยอินเตอร์เฟสแบบนี้จะไม่มีเมนูที่รวมแอปพลิเคชันเหมือนแอนดรอยด์ทั่วไป และแทนที่โดยการเพิ่มหน้าเมนูได้ถึง 9 หน้า ซึ่งแต่ละหน้าสามารถวางไอคอนได้กว่า 12 ไอคอน และยังเพิ่มโฟลเดอร์เก็บไอคอนได้สูงสุด 12 ไอคอนต่อโฟลเดอร์ โดยส่วนตัวถือว่าสะดวกในการใช้งาน เนื่องจากไม่สับสนเวลาใช้งานเพราะมีที่มาเดียวคือจากหน้าเมนู และไม่ต้องคอยดึงไอคอนที่ใช้งานบ่อยเหมือนที่เคยทำกับแอนดรอยด์ที่มีปุ่มรวมแอปฯแล้วต้องดึงมาไว้ที่หน้าเมนูเพราะทุกแอปฯ อยู่ในหน้าเมนูแบบเดียวกันหมด
การแสดงผลภาพยังไม่เป็นที่ประทับใจเท่าไหร่สำหรับ Adreno 203 แต่ถ้าเทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก และหากต้องการใช้งานให้ลื่นไหลขึ้น อาจจะต้องปิดการทำงานแอปฯที่ไม่สำคัญออกเพื่อช่วยให้การแสดงผลและการทำงานลื่นไหลมากขึ้น และด้วยขนาดหน้าจอ 4.5 นิ้วที่นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานด้านความบันเทิงและเสริมความรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการอ่านและการดูหนังฟังเพลงก็สามารถใช้งานได้อย่างถนัดตา
ในส่วนของคีย์บอร์ดที่ให้มากับตัวเครื่อง โดยส่วนตัวมองว่าตัวอักษรมีขนาดกำลังพอเหมาะสามารถกดได้ถนัดมือ แต่รูปแบบการวางที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม ทำให้เกิดอาการกดผิดอยู่บ่อยครั้ง แต่กระนั้นก็ต้องถือว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น หากต้องการรูปแบบคีย์บอร์ดที่ถนัดก็สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จาก Google Play ตามสะดวก
ในส่วนของระบบนำทางที่มีมาให้ แม้ว่าจะเป็นมือถือราคาเพียงแค่ 4,590 เท่านั้น แต่ก็สามารถใช้งานได้จริง การใช้งานเพื่อนำทางด้วยแผนที่กูเกิลถือว่าใช้งานได้พอประมาณ คือสามารถเอาตัวรอดจากการหลงทางด้วยแอปนี้ได้กรณีไปไม่ถูกทางจริงๆ ก็ต้องถือว่าคุ้มค่าที่มีมาให้ กับราคาที่ไม่น่าจะมีฟีเจอร์มากเช่นนี้
มีลูกเล่นของการฟังวิทยุผ่านเครื่องด้วย แต่ยังต้องเสียบหูฟังเพื่อเป็นเสาอากาศรับสัญญาณอยู่เช่นเดิม แถมลูกเล่นการใช้งานด้านบันเทิงที่พ่วงคุณภาพเสียงระดับ DTS ที่แม้ว่าจะเอียงหูฟังอย่างไรก็ฟังไม่ออกจริงๆว่า DTS เพลงไหนบ้าง แต่ก็ถือว่ามีความพยายามที่จะทำให้ครบถ้วนทุกการใช้งานจริงๆ ทั้งนี้ยังเพิ่มลูกเล่นในส่วนของ แอปโปรไฟล์ ที่สร้างเป็นลักษณะอินเตอร์เฟสหมุนเช่นเดียวกับการเลือกโหมดกล้องถ่ายภาพ ช่วยเพิ่มสีสันให้กับปรับเปลี่ยนโหมดได้ไม่น้อย
การใช้งานด้านเว็บไซต์มีเบราว์เซอร์มาตรฐานของตัวเครื่องให้เลือกใช้ สามารถแสดงผลแฟลชได้เป็นปกติ การใช้งานลื่นไหลดี จากการเล่นอยู่พักใหญ่ไม่พบการ Error แต่อย่างใด มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่เกิดอาการกระตุกและเด้งกลับไปที่หน้าแรก แน่นอนว่าอาการดังกล่าวมักเกิดจากการใช้งานอย่างต่อเนื่องและเปิดขึ้นพร้อมกันหลายๆโปรแกรม
กล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้าขนาด 3 แสนพิกเซล แม้ว่าจะไม่ใช่ประสิทธิภาพที่เลิศหรูแต่ก็ถือว่ามากกว่าราคาที่จ่ายออกไปอย่างแน่นอน ช่วยให้ลูกเล่นดูครบเครื่องเรื่องมัลติมีเดีย นอกจากนี้ยังมาพร้อมแฟลชแอลอีดีที่สามารถเป็นไฟฉายได้ในยามที่ไม่ได้ใช้งานด้านการถ่ายภาพ เป็นอีกหนึ่งคุณประโยชน์ที่อาจจะไม่มากแต่ก็ช่วยคุณได้ในยามที่มืดมิด
ด้านการเชื่อมต่อ สามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้ทั้งแบบสายแบบไมโครยูเอสบีและบลูทูธ โดยทั้งสองแบบถือเป็นพื้นฐานของการเชื่อมต่อ ในขณะที่การเล่นไฟล์มีเดียสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ผ่านระบบ DLNA ได้อย่างสะดวก โดยมีหมวดให้เลือกใช้ได้ตามใจ
แม้ว่าจะเป็นเครื่องรุ่นกลางที่ราคาไม่สูงแต่ก็พกพาแบตเตอรี่ขนาด 1,700 MAh มาให้ใช้งานได้อย่างคล่องตัว การใช้งานที่ไม่หนักมากเช่นการรับสายโทรเข้า-ออกบางเวลา การเปิดหน้าเว็บเป็นบางครั้ง หรือแม้กระทั่งการฟังเพลงที่ไม่บ่อยนักสามารถประคองเครื่องได้จนเต็มวัน แต่ก็ไม่ดีเท่าที่ควรเนื่องจากความร้อนของหลังเครื่องยังถือว่าสูง
ในส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 2,574 คะแนน และ 5,657 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 5 จุดพร้อมกัน
ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo ได้ 1,182 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ 376 คะแนน ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 ได้ 54.0 fps Nenamark2 31.7 fps ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่ต่ำตามคาด เพราะด้วยราคาที่ถูกย่อมได้คุณภาพของของอุปกรณ์ตามราคา จะสังเกตได้ว่า Cheetah จะมีการ์ดจอแบบ Adreno 203 แต่ก็ยังทำคะแนนได้ไม่ดีพอเนื่องจากส่วนประกอบอื่นๆยังคงทำงานร่วมกันได้ไม่ดีพอนั่นเอง
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม Passmark Performance Test Mobile ได้คะแนน System 1,338 คะแนน CPU 3,040 คะแนน Disk 1,706 คะแนน Memory 1,056 คะแนน An3dBench 6,869 คะแนน และ An3dBenchXL 27,451 คะแนน
ส่วนการทดสอบ CF-Bench ดูรายละเอียดได้จากรูปด้านล่าง
จุดขาย
- ราคา 4,590 บาท พร้อมโปรโมชันจากค่ายดีแทค และระยะเวลารับประกันนานกว่า 15 เดือน
- หน้าจอใช้งานง่ายด้วยอินเตอร์เฟสแบบ Motion UI
- ฟังก์ชันการเชื่อมต่อแบบ DLNA ที่ไม่ค่อยเห็นในเครื่องราคาต่ำ
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- การทำงานของเครื่องยังไม่ค่อยเสถียรเท่าทีควร ยังมีอาการสะดุดให้เห็นเมื่อสังเกตหน้าจอ
- แบตเตอรี่ร้อนเร็วซึ่งอาจจะส่งผลให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น
- แอปพลิเคชันของดีแทคใช้ได้กับซิมดีแทคเท่านั้น
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
หากต้องการสมาร์ทโฟนรองรับ 3G ราคาถูกแต่สามารถตอบโจทย์ด้านการเชื่อมต่อสู่โลกออนไลน์ได้ Cheetah ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเวลานี้ โดยการใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานลื่นไหลดี แม้ว่าจะเกิดอาการหน่วงเป็นบางครั้ง แต่ท้ายที่สุดการใช้งานบนพื้นฐานของผู้ที่เริ่มต้นใช้งานสมาร์ทโฟน ก็น่าจะเป็นรุ่นที่จับจองมาเป็นเจ้าของได้
แต่สำหรับผู้ที่คิดว่าอยากได้สเปกเครื่องเทพแต่ราคาเดินดิน อย่าได้หลงทางเข้ามาซื้ออย่างเด็ดขาด เพราะความเข้าใจผิดอาจจะทำให้ต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่ก่อนวันอันควรเนื่องจากความหวังที่สูงเกินราคา
ดังนั้นโดยรวมแล้ว Cheetah จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเรียนรู้วิธีการใช้งานสมาร์ทโฟนในระดับราคาไม่สูงจนเกินไป แต่สามารถให้ประสิทธิภาพโดยรวมได้ครบครัน เพียงแต่ว่าด้วยความที่เป็นระบบแอนดรอยด์ ทำให้ถ้าต้องการใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพ และสร้างความประทับใจอาจต้องเสียเงินซื้อเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงกว่านี้มาใช้งานในอนาคต
Company Relate Link :
CyberBiz Social