อะโดบีถือเป็นหนึ่งบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ตกแต่งภาพที่ประสบความสำเร็จสูงจนมีเวอร์ชันใหม่ๆ ออกมาให้เลือกซื้อ-อัปเกรดทุกปี และในปี 2556 นี้อะโดบีได้เปิดบริการใหม่เกี่ยวกับคลาวด์สตอเรจในชื่อ Adobe Creative Cloud ที่มีจุดเด่นอยู่ที่การเป็นบริการพื้นที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลผ่านคลาวด์เซิร์ฟเวอร์ของอะโดบีที่มาพร้อมเดสก์ท็อปซอฟต์แวร์ในชุด Creative Suite (Photoshop, After Effect เป็นต้น) ให้เลือกดาวน์โหลดมากถึง 20 ชุด
นอกจากนั้นอะโดบียังได้ปล่อยชุดทดสอบ Adobe Photoshop Lightroom 5 beta Version ใหม่ที่มาพร้อม 3 ฟีเจอร์เด่นออกมาให้สื่อได้ทดสอบประสิทธิภาพและทีมงานไซเบอร์บิซก็ไม่พลาดจะรีวิวให้ชมกันในบทความนี้พร้อมกันทั้ง 2 ซอฟต์แวร์
Adobe Creative Cloud
คอนเซปหลักของ Adobe Creative Cloud จะคล้ายกับ Dropbox หรือ BOX คือเป็นพื้นที่เก็บข้อมูลสำหรับไว้ฝากไฟล์ทำงานจากชุดซอฟต์แวร์อะโดบีทั้งบนพีซี แมค หรืออุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ เพื่อใช้ในการแชร์ไฟล์ทำงานไปยังกลุ่มผู้ใช้ในองค์กรหรือใช้ซิงค์จากสมาร์ทดีไวซ์ไปสู่พีซีหรือแมค ทำให้ผู่้ใช้สามารถส่งไฟล์เอกสารต่างๆ ไปยังอุปกรณ์ที่แตกต่างกันได้ผ่านระบบคลาวด์โดยไม่ต้องพึ่งฮาร์ดแวร์จำพวกแฟลชไดร์ฟในการโอนย้ายข้อมูล
แต่สิ่งที่แตกต่างจากบริการคลาวด์สตอเรจเหล่านั้นก็คือ ชุด Adobe Creative Cloud จะมาพร้อมเดสก์ท็อปซอฟต์แวร์ (Adobe Photoshop, Lightroom, Premiere เวอร์ชันล่าสุด เป็นต้น) จากอะโดบีให้เลือกใช้และมีการเก็บค่าบริการรายเดือนถ้าต้องการใช้ฟีเจอร์จาก Creative Cloud แบบเต็มออปชัน
โดยราคาจะเริ่มต้นจากฟรี ได้พื้นที่เก็บข้อมูล 2GB สามารถทดลองใช้งานเดสก์ท็อปซอฟต์แวร์ได้ 30 วัน ไปจนถึงราคา 49.99$ (ประมาณ 1,451 บาท) ต่อเดือน สามารถใช้งานเดสก์ท็อปซอฟต์แวร์ได้ทุกตัว พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล 20GB และใช้บริการจากอะโดบีได้ทุกรูปแบบ
นอกจากนั้นในชุด Adobe Creative Cloud ยังมีบริการคลาวด์สตอเรจสำหรับองค์กรด้วยราคา 69.99$ (ประมาณ 2,032 บาท) ต่อเดือน พร้อมรับพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเป็น 100GB
ในส่วนการใช้งาน จำเป็นต้องสมัครสมาชิก Adobe ID และล็อคอินผ่านทาง https://creative.adobe.com จากนั้นผู้อ่านสามารถอัปโหลดไฟล์ทุกนามสกุลผ่านหน้าเว็บ Creative Cloud Files ได้ โดยรูปแบบไฟล์ที่สามารถแสดง Thumbnail ได้เช่น ไฟล์ PSD (Photoshop) JPEG, PNG หรือไฟล์จากซอฟต์แวร์ Touch apps ต่างๆ บนสมาร์ทดีไวซ์จะโชว์เป็นรูปตัวอย่างขึ้นมาตามภาพประกอบด้านบน
และจุดเด่นของ Creative Cloud กับความสามารถในการดาวน์โหลดเดสก์ท็อปซอฟต์แวร์มาใช้งานได้ฟรีๆ ทุกตัว จากภาพประกอบจะเห็นว่าซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้งานได้ คือ ซอฟต์แวร์ในชุด Creative Suite 6 รุ่นล่าสุดทั้งหมดไปถึงซอฟต์แวร์ตกแต่งภาพราคาแพงอย่าง Lightroom และ Game Developer Tools มาใช้งานได้ทันทีทั้งเวอร์ชันแมคและวินโดวส์
ส่วนผู้ใช้ท่านใดที่ไม่อยากเสียเวลาเข้าเว็บไซต์เพื่อไปอัปโหลดไฟล์ ก็สามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ Creative Cloud Files มาติดตั้งได้แบบเดียวกับ Dropbox และผู้ใช้ก็สามารถโยนไฟล์ ซิงค์ไฟล์ได้โดยวิธีการโยนไฟล์ที่ต้องการเข้าไปที่กล่อง Creative Cloud Files
และที่น่าสนใจโดดเด่นเป็นพิเศษก็คือบรรดาแอปฯ อะโดบีบนสมาร์ทดีไวซ์ ไม่ว่าจะเป็น Photoshop Touch หรือ Adobe Ideas ก็สามารถเชื่อมต่อกับ Creative Cloud ได้และการบันทึกไฟล์ผ่านแอปฯ เหล่านั้นส่วนหนึ่งจะอยู่ในสมาร์ทโฟนและอีกส่วนหนึ่งจะถูกอัปโหลดขึ้นสู่คลาวด์ของอะโดบีทำให้สามารถกดรับชมได้จากบนพีซีหรือแมคก็ได้
ยกตัวอย่างเช่นแอปฯ Adobe Ideas เมื่อกดรับชมผ่านพีซีและแมคจะไปเชื่อมต่อกับ Adobe illustrator และสามารถแก้ไขปรับแต่งไฟล์จาก Ideas ได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันเมื่อไฟล์จากชุดเดสก์ท็อปซอฟต์แวร์ถูกอัปโหลดกลับเข้าไปบนคลาวด์ก็จะสามารถนำไปใช้งานกับชุด Touch apps บนสมาร์ทดีไวซ์ได้ทันที เพราะทุกสิ่งทุกอย่างบน Creative Cloud ถูกทำงานบนคอนเซปของคลาวด์ทั้งหมด
สุดท้ายสำหรับ Adobe Creative Cloud ถึงแม้จะเป็นบริการคลาวด์สตอเรจที่ต้องเสียเงินซื้อบริการรายเดือน (ที่ราคาค่อนข้างแพงพอสมควรสำหรับผู้ใช้ทั่วไป) แต่ความคุ้มค่าอยู่ที่การเปิดให้ผู้ใช้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ในชุด Creative Suite 6 ได้ทั้งหมดแบบไม่มีกั๊ก ซึ่งน่าจะเหมาะแก่เหล่ากราฟิกดีไซน์ที่ต้องทำงานกับซอฟต์แวร์ของอะโดบีเป็นประจำ เพราะเท่ากับว่าแค่สมัครใช้บริการ Adobe Creative Cloud นอกจากจะสามารถใช้คุณสมบัติของคลาวด์สตอเรจได้แล้ว ผู้อ่านยังสามารถดาวน์โหลดแอปฯ Creative Suite มาใช้งานได้จากทุกดีไวซ์ที่รองรับ แถมยังสามารถใช้งานครอสดีไวซ์กันได้อย่างเช่น Adobe Ideas บนสมาร์ทโฟนสามารถซิงค์มาใช้งานกับ Adobe illustrator บนพีซีและแมคได้
Adobe Photoshop Lightroom 5 Beta
มาถึงอีกหนึ่งซอฟต์แวร์เด่นที่เพิ่งคลอด Public Beta Version ออกมาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบกับ Adobe Photoshop Lightroom 5 ที่ทางทีมไซเบอร์บิซได้นำมารีวิวในบทความส่วนสุดท้ายนี้ โดยการเปลี่ยนแปลงจากเวอร์ชันก่อนจะมี 3 ฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเข้ามา และปรับปรุงฟีเจอร์บางส่วนให้ดีขึ้น
เร่ิมจากฟีเจอร์แรก Advanced Healing Brush จากเดิมเครื่องมือลบวัตถุไม่พึงประสงค์ออกจากภาพจะไม่มีอิสระในการเลือกลบวัตุ แต่ใน Lightroom 5 จะสามารถเลือกลบวัตถุได้อิสระมากขึ้น โดยผู้อ่านสามารถลากหัวแปรงที่ปรับเปลี่ยนขนาดได้เพื่อลบวัตถุโดยใช้หลักการนำพื้นที่ส่วนข้างๆ เข้ามาตัดแปะกับวัตถุที่ต้องการลบออกผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นไปตามภาพตัวอย่าง
Upright เป็นเครื่องมือที่เพิ่มเข้ามาจากเวอร์ชันก่อน (4.0) โดยเครื่องมือนี้จะมีหน้าที่ในการปรับและครอปภาพที่เอียงทั้งแนวตั้ว แนวนอน แนวลึกให้กลับมาตรงได้
สำหรับที่อยู่ของเครื่องมือนี้จะถูกใส่ไว้ใน Lens Corrections > Constrain Crop และ Upright โดยสามารถเลือกระดับการครอปภาพได้ทั้งแบบแมนวลปรับแต่งเองหรือจะเลือกเป็น Full ให้ระบบครอปภาพแบบอัตโนมัติ
Radial Filter ส่วนนี้เป็นเครื่องมือใหม่ถอดด้ามที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการตกแต่งภาพสำหรับเน้นวัตถุและ Eyes focus ให้มีความเด่นเป็นจุดสนใจมากขึ้น โดยเครื่องมือจะถูกเพิ่มไปยังบริเวณแถบ Tool bar ด้านล่าง Histogram (วงกลม) โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้ตั้งแต่ค่าความสว่าง ความเข้มของสี Clarity และอื่นๆ โดยผลลัพธ์ที่ออกมาจะทำให้ภาพมืดลงและวัตถุที่ต้องการมีความเด่นสว่างมากขึ้น
Smart Preview ส่วนนี้เป็นฟีเจอร์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นส่วนสุดท้ายใน beta version และถือเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจมาก เพราะ Smart Preview จะช่วยให้ผู้ใช้ Lightroom 5 สามารถสร้างไฟล์พรีวิวภาพขนาดเล็กเพื่อใช้ในการตกแต่งภาพโดยไม่จำเป็นต้องใช้ไฟล์ต้นฉบับ
ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องพกไฟล์ RAW ขนาดใหญ่ให้เปลืองพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ และเมื่อมีการนำฮาร์ดดิสก์ที่มีไฟล์ภาพต้นฉบับมาเชื่อมต่อ ข้อมูลที่ปรับแต่งทุกอย่างจะซิงค์กันอย่างสมบูรณ์
และนี่คือฟีเจอร์และเครื่องมือที่เพิ่มเติมมาใน Lightroom 5 รุ่น Beta ที่อาจไม่มากนักถ้าเทียบกับการเปลี่ยนแปลงตอน Lightroom 4 แต่ก็ถือว่าอะโดบีทำออกมาได้ดีและอุดช่องโหว่สร้างจุดแข็งให้ Lightroom ให้ยังครองใจแฟนๆ อยู่ โดยฟีเจอร์โดดเด่นร้องว้าว! หนึ่งเดียวเคงอยู่ที่ Smart Preview ที่บรรดาช่างภาพถ่าย RAW คงสะดวกสบายในการตกแต่งภาพกับโน้ตบุ๊กที่มีพื้นที่ไม่มากนัก เพราะแค่ไฟล์พรีวิว 1MB ก็สามารถตกแต่งภาพตามใจต้องการได้แล้ว และเมื่อใดที่ต้องการซิงค์กับไฟล์ต้นฉบับเพื่อทำ Output จริงก็เพียงเชื่อมต่อกับฮาร์ดดิสก์ที่เก็บไฟล์ต้นฉบับนั้นไว้ ทุกอย่างจะเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบทันที
Company Related Link :
Adobe