Skullcandy เป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีในกลุ่มคอเพลงนักนิยมหูฟัง ล่าสุด Skullcandy เปิดตัวหูฟังแบบสวมศรีษะ (headphone) ใหม่ในตระกูล Navigator และเริ่มทำตลาดในงานคอมมาร์ตไทยแลนด์ 2013 ที่เพิ่งจบไป ทีมงานไซเบอร์บิสจึงถือโอกาสนำผลงานล่าสุดของ Skullcandy มาปอกเปลือกให้ทุกคนได้ชม
***การออกแบบ สเปกและจุดขาย
ดีไซน์ที่โดดเด่นที่สุดของ Skullcandy Navigator ต้องยกให้ Driver 2 ข้างที่เมื่อพับลงแล้วจะมองเหมือนกับแว่นกันแดดทรง Aviator ขณะที่วัสดุที่ใช้ทำ earpads นั้นเป็นหนังนุ่มสวมสบายซึ่งตัดเป็นสัญลักษณ์ Skullcandy รูปหัวกระโหลกที่สาวกรู้จักกันดี คอเพลงจะสามารถปรับเลื่อนขึ้นหรือลงให้หูฟังเหมาะกับขนาดศรีษะได้ง่าย เรียกว่าสวมใส่ได้สบายแม้จะใช้งานแบบมาราธอน
Skullcandy Navigator เป็นหูฟังประเภท Supra-aural (หรือที่เรียกกันว่า On Ear) ซึ่งออกแบบมาให้ใช้กับ iPhone, iPad และ iPod Touch ตัวหูฟังแนบติดใบหู เหมาะสำหรับฟังเพลงในสถานที่ที่มีเสียงดังตามสไตล์หูฟังสำหรับ DJ แต่มีขนาดเล็กกว่า เชื่อมต่อด้วยสาย Stereo ขนาด 3.5 มม. ที่สายติดระบบควบคุมโทรศัพท์ ให้การปรับระดับเสียงทำได้ง่าย พร้อมติดไมโครโฟนทำให้การรับสายและคุยโทรศัพท์ระหว่างการฟังเพลงเป็นไปอย่างสะดวกสบาย
ปกติแล้ว คอหูฟังมักจะมีวิธีการตัดสินว่าหูฟังนั้นมีภาพลักษณ์ดีหรือร้ายที่ 2 คุณสมบัติหลัก นั่นคือค่าความต้านทานหรือ Impedance และค่าความไวหรือ Sensitivity ข้อมูลสเปกบนกล่องสะท้อนว่า Skullcandy Navigator คือหูฟังที่เหนือกว่าเฮดโฟนทั่วไปในท้องตลาด Impedance ของ Skullcandy Navigator คือ 34 ohms (โอมห์) เรียกว่ามีภาษีดีกว่าหูฟังทั่วไปที่มี 32 ohms (หูฟังแถมสไตล์ ear bud และ in-ear ที่มักจะมีค่า Impedance ราว 16 ohms) สำหรับ Sensitivity ของ Skullcandy Navigator คือ 104 dB ชนะเฮดโฟนกลุ่มเดียวกันไป 1 เดซิเบล
อย่างไรก็ตาม ความไวและโอมห์ที่สูงกว่า สะท้อนว่า Skullcandy Navigator ต้องใช้กำลังไฟสูงกว่าหูฟังอื่นด้วย จุดนี้ผู้ใช้จะสังเกตได้ว่าแบตเตอรี่ใน iPhone หรือ iPad จะหมดเร็วกว่าหูฟังที่แอปเปิลแถมมาให้
Skullcandy Navigator ใช้ระบบควบคุมเสียง MIC3 รองรับระบบ iOS อย่างสมบูรณ์แบบ น้ำหนักหูฟัง 200 กรัมถือว่าหนักกว่าหูฟังมาตรฐานในระดับเดียวกัน
Skullcandy Navigator ไม่มีระบบไร้สาย (Wireless) แต่ออกแบบให้สายเชื่อมระหว่างหูฟังสามารถถอดออกได้
แจ็คหรือ connector และสายนั้นเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างเครื่องและหูฟัง ไม่ว่าเครื่องขับจะมีคุณภาพดีขนาดไหน แต่ถ้าสายและแจ็คไม่มีคุณภาพทุกอย่างก็ไม่มีค่า จุดนี้ต้องชื่นชมว่าแจ็คและสายของ Skullcandy Navigator ทำออกมาได้สมราคา วัสดุดีและยึดกับเครื่องได้แน่น แต่ผู้ใช้เองจะต้องเป็นฝ่ายระวังเพราะมีโอกาสที่จะเชื่อมแจ็คกับหูฟังไม่แน่นพอจนอาจทำให้เสียงที่ได้ผิดพลาดไป
เช่นเดียวกับเฮดโฟนหลายรุ่นในตลาด Skullcandy Navigator สามารถพับลงเพื่อให้พกพาสะดวก อุปกรณ์ที่แถมมาให้คือถุงผ้าสีดำน้ำหนักเบาที่จะช่วยป้องกันรอยได้ระดับหนึ่ง
***ทดสอบประสิทธิภาพ
สิ่งที่เราสามารถสรุปได้หลังจากทดลองฟังเพลงผ่าน Skullcandy Navigator คือความชนะเลิศของ Navigator เรื่องความกลมกลืนของเสียง จากการทดลองฟังเราพบว่า Navigator เหมาะเสียงเพลงซอฟต์ เน้นความนุ่ม ไม่ใช่กลุ่มเพลงร็อก เสียงที่ได้ชัดเจนและใสน่าประทับใจ แต่คุณภาพเสียงในการรับสายโทรศัพท์ผ่านไมโครโฟนในหูฟังยังอยู่ในระดับ"พอใช้ได้"เท่านั้น
การเชื่อมต่อของ Skullcandy Navigator นั้นแทบไม่มีปัญหาเพราะเป็นการเชื่อมต่อผ่านสายและแจ็ค 3.5 มิลลิเมตร จุดนี้เราทดสอบประสิทธิภาพร่วมกับ iPhone 5 บน iOS 6.1.3 กับเพลงหลากหลายแนว พบว่า Navigator สามารถรับเสียงเบสในขีดความสามารถที่จำกัด ทำให้เหมาะกับการฟังเพลงนุ่มๆ (Soft) ซึ่งคอเพลงจะได้รับความนุ่มนวล ครบถ้วน เนื้อเสียงดี เรียกว่าชิลล์มากกว่าเครื่องเสียงยี่ห้อดังบางรุ่นเสียอีก
ปกติแล้ว หูฟังทั่วไปจะเน้นเสียงแหลม ไม่ให้เสียงกลาง แต่หูฟังมีราคาจะสามารถแยกเสียงให้ กรณีของ Navigator นั้นสามารถให้เสียงกลางได้ดี แต่ยังเก็บเสียงต่ำเช่นเบส หรือ กลองได้น้อย ทำให้ Navigator ไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการฟังเพลงร็อกหนักแน่น
ความชิลล์ของ Skullcandy Navigator อยู่ที่ภาพรวมทั้งคุณภาพเสียงและความสบายในการสวมใส่ ทุกอย่างสมราคาจนถือว่าเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคนที่อยากฟังเพลงนุ่มๆคนเดียว
Navigator ยังเป็นคำตอบที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้น "ฝึกฟัง" หรือ Ear Training ซึ่งผู้เริ่มต้นจะได้รับอีกประสบการณ์จากหูฟังราคาระดับนี้ ตัวโฟมใน earcup หรือที่แนบใบหูออกแบบให้สามารถตัดเสียงรบกวนรอบด้านได้ดี ทำให้การฟังเพลงในสถานที่ที่มีเสียงดังทำได้ไร้ที่ติ
ประเด็นการใช้คุยโทรศัพท์ Navigator ทำได้ดีในระดับพอใช้ได้ การติดไมโครโฟนจิ๋วในรีโมทคอนโทรล์อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถคุยสายและปรับลดหรือเพิ่มระดับเสียงได้เร็วและง่าย แต่ปัญหาคือคุณภาพเสียง ตรงนี้ปลายสายสามารถเข้าใจเนื้อความที่เราพูดผ่าน Navigator เช่นเดียวกับที่เราสามารถเข้าใจเนื้อความที่ปลายสาย แต่ว่าคุณภาพเสียงไม่คมชัดเลยเมื่อเทียบกับเฮดโฟนรุ่นอื่นที่ทำได้ดีกว่า
การทดสอบกับเครื่องเล่น MP3 รุ่นเก่าๆ พบว่ายังให้เสียงชัดเจน ไม่มีเสียง Noise แทรกมากเท่าการเล่นผ่านลำโพงโนเนมที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ เสียงที่ได้จาก Navigator จะมีเสียงรบกวนมากจนไร้อรรถรส
***ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?
Navigator นั้นวางจำหน่ายในต่างประเทศที่ราคา 99.99 เหรียญ (ราคาไทยคือ 3,890 บาท) ด้วยราคานี้ นักวิจารณ์ต่างชาติบรรยายความสามารถไว้ค่อนข้างเป็นบวก ซึ่งหลังจากได้ทดลองฟังเพลงผ่าน Navigator "ผู้จัดการไซเบอร์" ก็โอนเอนไปในทางเดียวกัน
ดีไซน์ของ Skullcandy Navigator ถือว่าไม่ใหญ่เกินความจำเป็น มองแล้วมีกลิ่นอายความคลาสสิกแต่ก็ทันสมัยตามสไตล์ retro-future design เมื่อสวมใส่จะรู้สึกสบายไม่เจ็บใบหู ทำงานรองรับอุปกรณ์ของแอปเปิลเต็มตัวทั้งในรูปรีโมทและไมโครโฟน สมราคา 99 เหรียญ
อย่างไรก็ตาม เฮดโฟนที่ระดับราคาเดียวกันบางรุ่นอาจให้เสียงที่ดีกว่า ขณะเดียวกันคุณสมบัติรีโมทคอนโทรลของ Skullcandy Navigator ก็ไม่รองรับบางอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการ iOS
สรุปแล้ว Skullcandy Navigator มีสิทธิ์โดนใจทุกคนที่ทดลองใช้ได้ไม่ยาก เพราะความสบายในการสวมใส่และคุณภาพเสียงที่เหมาะกับการฟังเพลงสบายๆเน้นเสียงนุ่มนวล
เรียกว่าเด่นที่ความนุ่ม (หู) ของจริง
CyberBiz Social