เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นหู หรือเคยได้ยินชื่อมาบ้างสำหรับสมาร์ทโฟนใหม่ของโนเกีย ที่ได้จับมือร่วมกับไมโครซอฟท์ในนามซับแบรนด์ Lumia ซึ่งความน่าสนใจของชื่อ Lumia ไม่ได้อยู่ที่สมาร์ทโฟนตระกูลนี้มีความโดดเด่นตัวเครื่อง และการใช้งานเท่านั้น แต่กลับมีเรื่องของการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่จะรุ่งหรือจะรอดอีกด้วย
สำหรับสมาร์ทโฟนที่จะเป็นพระเอกในการรีวิวครั้งนี้คือ Lumia 800 สมาร์ทโฟนที่มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ แม้ว่ารูปลักษณ์ของมันอาจจะดูคล้ายกับ Nokia N9 ที่เคยเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว แต่ทว่าวัสดุในการประกอบกลับแลดูสวยงามกว่า N9 ด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ก็มีการปรับปรุงและแตกต่างกว่าเดิม จึงทำให้ Lumia 800 เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
การออกแบบและสเปก
อย่างที่บอกไว้ข้างต้น Nokia Lumia 800 เป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบมาให้มีความคล้ายกับรุ่นพี่ตัวก่อนหน้านี้อย่าง Nokia N9 แต่วัสดุในส่วนของพลาสติกที่นำมาใช้ดูหรูหรา ให้ความรู้สึกในการสัมผัสที่ดีกว่า และเป็นพลาสติกที่มีคุณภาพสูง การจับตัวเครื่องกระชับมือ
ด้านหน้า - หน้าจอขนาด 3.7 นิ้ว ด้านบนสุดเป็นลำโพงสนทนา ถัดลงมาเป็นโลโก้ Nokia ล่างสุดมีปุ่มสัมผัส 3 ปุ่มแบบ Capacity โดยปุ่มแรกเป็นเมนู Back (หากกดค้างจะเป็นมัลติแทสกิง) ตรงกลางปุ่มวินโดวส์ ที่เปรียบเสมือนปุ่ม Home และปุ่มค้นหา (ค้นหาผ่าน Bing)
ด้านซ้าย - โล่ง ไม่มีอะไร
ด้านขวา - มีปุ่ม 4 ปุ่ม เริ่มจาก 2 ปุ่มด้านบนสุด เป็นปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง ถัดมาเป็นปุ่มเปิด/ปิดหน้าจอ และปุ่มสุดท้ายเป็นปุ่มชัตเตอร์ ซึ่งจะเป็นเมนูลัดในการเข้าแอปพลิเคชันถ่ายภาพ
ด้านล่าง - ลำโพงเครื่อง
ด้านบน - จะมีเป็นช่อง 2 ช่อง ช่องแรกเป็นช่องสำหรับชาร์จเครื่อง รวมไปถึงการโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ส่วนช่องที่ 2 จะเป็นช่องใส่ไมโครซิม นอกจากนี้มีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน
ด้านหลัง - มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เลนส์ CarlZeiss ดูอัลแฟลช
ในส่วนของสเปก Lumia 800 จะมาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 3.7 นิ้ว น้ำหนัก 142 กรัม จอเป็นแบบ AMOLED จอแสดงผล Nokia ClearBlack ความละเอียด 480x800 พิกเซล RAM 512MB ความจุเครื่อง 16GB รันด้วยระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน 7.5 (Mango) ชิปประมวลผล Qualcomm MSM8255 Snapdragon 1.4GHz (Single Core) แบตเตอรี่ 1450 mAh
ฟีเจอร์เด่น Lumia 800
เริ่มต้นจากตัวเครื่องจะเจอกับสิ่งที่เรียกว่า Live Tile ซึ่งก็เหมือนกับทางลัดในการเข้าใช้งาน Application ผู้ใช้สามารถเลือกแอปพลิเคชันมาวางเป็น Live Tile เพียงแค่เลื่อนเข้าไปหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมด (ปาดหน้าจอไปทางขวา หรือกดลูกศร) จากนั้นแตะที่แอปพลิเคชันค้างเอาไว้ก็จะมีให้ปัก (Pin App) ได้เลย
ทั้งนี้ถ้าหากดูภาพรวมของอินเตอร์เฟสภายใน Lumia 800 ยอมรับว่าสะอาดตา สวยงาม เรียบแต่หรูหรา อีกทั้งการตอบสนองการทำงานก็ค่อนข้างเร็วพอสมควรเลยทีเดียว ปัญหาอืดของตัวเครื่องแทบไม่เจอ ถึงแม้ว่าภายในฮาร์ดแวร์จะเป็นแค่หน่วยประมวลผลคอร์เดียวก็ตาม แต่นั่นเป็นเพราะการทำงานของซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการนั้นถูกออกแบบให้ใช้ทรัพยการเครื่องไม่ต้องหนักมากนั่นเอง
Market Place - เป็นศูนย์กลางในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของผู้ใช้วินโดวส์ โฟนทั้งหมด ซึ่งขณะนี้มีแอปพลิเคชันพร้อมดาวน์โหลดเกือบ 1 แสนแอปพลิเคชันแล้ว
การค้นหา - สำหรับการค้นหาภายใน Lumia 808 แน่นอนว่าจะต้องเป็น Bing ซึ่งเป็นระบบเสิร์ชเอนจินของไมโครซอฟท์นั่นเอง ขณะเดียวกันเว็บ เบราว์เซอร์ ก็จะเป็น Internet Explorer (IE) แต่การรองรับภาษาไทยยังไม่สมบูรณ์เท่าไรนัก จุดนี้ต้องรอให้ทีมพัฒนาของไมโครซอฟท์แก้ไขต่อไป
Social Network - อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถือว่าเป็นฟีเจอร์เด็ดเลยก็ว่าได้สมัยที่ยังเป็น N9 คือการนำเครือข่ายสังคมออนไลน์มารวมกันไว้ในเครื่องเดียว ซึ่ง Lumia 800 ก็ยังคงเอกลักษณ์ดังกล่าวอยู่ โดยที่ผู้ใช้สามารถผูกบัญชีผู้ใช้ต่างๆ ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องโหลดแอปพลิเคชันเฉพาะมาไว้ในเครื่องเลย (แต่ถ้าหากจะว่ากันตามตรงแอปพลิเคชันจาก third-party ยังคงสะดวกกว่า)
กล้อง - ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเลนส์ CarlZeiss ซึ่งภาพที่ออกมาค่อนข้างคมชัด มาพร้อมกับฟีเจอร์สำหรับวัดแสง สีของภาพที่ออกมาไม่เพี้ยนมากนัก
ข้อสังเกต
Lumia 800 ไม่มี Notification ที่เป็น LED กระพริบๆ เหมือนกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ แต่ทว่าจะอยู่ในส่วนชอง LiveTile แทน ซึ่งถ้าแอปพลิเคชันของผู้ใช้ไม่ได้มีการปัก Pin เป็น LiveTile เอาไว้การแสดงผลก็จะไม่แสดงการแจ้งเตือน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ
การแสดงผลภาษาไทยยังทำได้ไม่ดี 100% เพราะการอ่านเว็บไซต์ที่เป็นภาษาไทยยังทำไม่ได้ทุกเว็บ รวมไปถึงการพิมพ์ไทยก็ยังไม่สามารถทำได้เช่นกัน ผู้ใช้จะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Marketplace เช่น Pim Thai เพื่อใช้คีย์บอร์ดภาษาไทยพิมพ์ข้อความที่ต้องการแล้วกดก๊อปปี้ข้อความไปแล้วนำไปวาง ในพื้นที่ที่ต้องการใช้ภาษาไทย ซึ่งมันไม่สะดวกเอาเสียเลย
ไม่มีกล้องหน้า ทั้งๆ ที่ตัวเครื่องของ Lumia 800 เองก็เป็นสมาร์ทโฟนราคาระดับกลางไปถึงสูง แต่กลับไม่มีกล้องหน้าสำหรับทำวิดีโอคอลล์
การจับสัญญาณ GPS ยังจับสัญญาณยังไม่แม่นพอ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการซิงค์อีเมล ที่ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะการรีเฟรชอีเมลใหม่แบบอัตโนมัติ
ความคุ้มค่า
หากจะกล่าวถึง Lumia 800 ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าจับตามอง ด้วยการดีไซน์ตัวเครื่องที่เป็นเอกลักษณ์ ตัวเครื่องกระชับเหมาะมือ หน้าจอที่สีสด การใช้งานที่ลื่นไหล แค่นี้ก็สามารถซื้อใจผู้ใช้ได้แล้ว ถึงแม้ว่าระบบปฏิบัติการจะเป็นวินโดวส์ โฟน (Windows Phone 7.5 Mango) ผู้ใช้ชาวไทยอาจจะยังไม่คุ้นเคยมากนัก แต่ถึงกระนั้นเชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นานก็น่าจะทำความเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ด้วยตัวเครื่องที่ยังไม่รองรับภาษาไทยชนิดที่สมบูรณ์แบบ จุดนี้อาจจะสร้างความน่าลำบากใจไม่น้อยต่อผู้ใช้เลยทีเดียว
สรุป
ทั้งนี้ถ้าหากจะบอกว่า Nokia Lumia 800 รุ่นนี้เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานประเภทใด ก็จะขอแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มที่เป็นสาวกระดับแฟนพันธุ์แท้ของไมโครซอฟท์ (หรืออาจจะรวมถึงโนเกีย) ที่ยังหลงใหลในตัวแบรนด์อยู่ กับกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มผู้ใช้ที่เบื่อจะใช้งานไอโฟน หรือไม่ก็สมาร์ทโฟนที่เป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ จึงหันมาลองใช้วินโดวส์โฟนดู
สำหรับราคาวางจำหน่ายของ Lumia 800 อยู่ที่ 15,400 บาท ใช้งาน 3G ผ่านเครือข่าย 900/2100 MHz
ตัวเลือกอื่นในตลาด
Sony Xperia S
Motorola Atrix 2
OPPO Find 3
HTC One S
Company Related Link :
Nokia
