xs
xsm
sm
md
lg

Review : LG Optimus Sol สเปกกลาง แบตฯอึด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




Optimus Sol กำลังจะออกมาเป็นอีกรุ่นหนึ่งเจาะตลาดผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนทั่วไป ที่ไม่ต้องการสเปกสูงๆ แต่มาพร้อมกับความสามารถที่ครอบเครื่องในราคาที่จับได้ ไม่สูงจนเกิดไป พร้อมชูจุดเด่นที่หน้าจอสีสวย สว่าง และระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป

การออกแบบและสเปก



มองกันที่ดีไซน์ออก Sol อาจจะไม่แตกต่างจากเครื่องรุ่นอื่นๆใน ซีรีส์ Optimus ของแอลจีมากนัก เพียงแต่ Sol จะมีความโดดเด่นเพิ่มเข้ามาที่ตัวเครื่องค่อนข้างบาง ด้วยขนาดรอบตัว 122.5 x 62.5 x 9.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 110 กรัม

ด้านหน้า - พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของหน้าจอทัชสกรีนที่แอลจีให้ชื่อว่า OLED ขนาด 3.8 นิ้ว ความละเอียด WVGA (480 x 800 พิกเซล) ซึ่งให้สีสันสดสมจริง คล้ายๆกับในรุ่นก่อนหน้าอย่าง Optimus Black แต่ทางแอลจีให้ข้อมูลเพิ่มว่า หน้าจอของรุ่นนี้ มีโหมดประหยัดพลังงาน ช่วยปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะสมใช้ไฟน้อยลง

ส่วนบนหน้าจอเป็นที่อยู่ของลำโพงสนทนา กล้องหน้า เซ็นเซอร์วัดระดับแสง และตรวจจับใบหน้า ส่วนล่างหน้าจอ เป็นปุ่มสัมผัสใช้สำหรับเรียกเมนู กลับหน้าแรก และย้อนกลับ สามารถกดที่ปุ่มโฮมค้างเพื่อเรียกให้ตัวแอนดรอยด์แสดงแอปฯล่าสุดที่ใช้งานเพื่อสลับไปมาได้ตามปกติ



ด้านหลัง - เป็นฝาหลังพลาสติกที่สามารถแกะได้โดยการงัดจากล่างเครื่องตรงช่องที่เว้นว่างไว้ ซึ่งที่ฝาหลังจะมีตัวอักษรระบุความละเอียดของกล้อง 5 ล้านพิกเซลไว้ (ไม่มีไฟแฟลช) และมีสัญลักษณ์แอลจีสีเงินพาดอยู่ส่วนล่าง

เปิดฝาออกมาจะพบกับแบตเตอรี li-ion ขนาด 1,500 mAh ช่องใส่ซิมการ์ด ที่ใช้การสอดจากช่องแบตเตอรี และช่องเสียบไมโครเอสดีการ์ดแบบ Hot-Swap สามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยไม่ต้องปิดเครื่อง




ด้านซ้าย - เป็นที่อยู่ของปุ่มปรับระดับเสียง ด้านบน - จะรวบรวมช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. พอร์ตไมโครยูเอสบีพร้อมฝาปิด และปุ่มเปิด-ปิดเครื่องไว้ ด้านล่าง - มีเพียงรูไมโครโฟนสนทนา และด้านขวา - ถูกปล่อยว่างไว้



โดยตัว LG Optimus Sol หรือ E730 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Qualcomm MSM8255 1 GHz หน่วยประมวลผลภาพ Adreno 205 RAM 512 MB ROM 1 GB รองรับ 3G ความถี่ 900/2100 อัตราดาวน์โหลดสูงสุด 7.2 Mbps รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 3.0 WiFi และ A-GPS บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3.4

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ



ฟีเจอร์หลักๆของ Optimus ซีรีส์ นั้นไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะถือว่าทำงานบนระบบปฏิบัติการเดียวกัน ดังนั้น ฟีเจอร์ที่ใส่มาตั้งแต่สมัย Optimus 2X Optimus Black Optimus Hub ต่างๆ เหล่านี้ จึงใกล้เคียงกัน แตกต่างกันตามสเปกเครื่องที่มีการปรับลดให้เหมาะสมกับช่วงราคาเท่านั้น

ไล่กันตั้งแต่ อินเตอร์เฟส ที่ผู้ใช้งานแอลจีคงคุ้นเคยกันดี เริ่มจากหน้าจอล็อกเครื่อง ที่สามารถปลดล็อกได้ด้วยการสไลด์ขึ้น ทั้งนี้ตรงหน้าจอล็อกจะมีการแสดงผลสายที่ไม่ได้รับ เครือข่ายที่ใช้ สถานะแบตเตอรี และแถบควบคุมเครื่องเล่นเพลงให้กดด้วย

หน้าจอหลักยังประกอบไปด้วย 7 หน้าจอหลักที่สามารถใส่และปรับแต่งวิตเจ็ตที่ต้องการได้ ส่วนแถบการแจ้งเดือน ก็มีปุ่มให้กดเลือกปิดเสียง เปิดการเชื่อมต่อไวไฟ บลูทูธ จีพีเอส ดาต้า แถบควบคุมเครื่องเล่นเพลง และรายละเอียดการแจ้งเตือนต่างๆ



แอปพลิเคชันต่างๆที่ให้มาก็ตามมาตรฐานทั่วไปตั้งแต่ นาฬิกา ตัวจัดการแอปฯ เว็บเบราว์เซอร์ เครื่องคดเลข ปฏิทิน กล้อง โหมดใช้งานขณะขับรถ รายชื่อผู้ติดต่อ รายการดาวน์โหลด อีเมล เฟซบุ๊ก วิทยุ แกลลอรีภาพ ค้นหา ละติจูด แผนที่ มาเก็ต ข้อความ เพลง ข่าวสาร โทรศัพท์ จดโน้ต ทวิตเตอร์ เครื่องเล่นวิดีโอ บันทึกเสียง ส่งข้อมูลผ่านไวไฟ และ ยูทูป

โดยแอปพลิเคชันเฉพาะที่แอลจีให้มา ก็จะเป็นพวก ​SmartShare SmartWorld ซึ่งเคยกล่าวถึงรายละเอียดไปแล้วในตอนของ Optimus Hub ดังนั้นสามารถย้อนกลับไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้



ในส่วนของการตั้งค่า ประกอบไปด้วยกาารเชื่อมต่อ โทรศัพท์ เสียง หน้าจอ ระบบจัดการใช้งานโมชันเซ็นเซอร์ พิกัดและความปลอดภัย จัดการแอปพลิเคชัน บัญชีผู้ใช้ จัดการหน่วยความจำ ภาษา คำสั่งเสียง วันเวลา ตามปกติ ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นหลังๆของแอลจี จะชูความโดดเด่นที่ Wi-Fi Direct แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆในตลาด



นอกจากนี้ยังมีในส่วนของการปรับฟอนต์ตัวอักษรที่มีให้เลือกตามความชอบ มีระบบปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติเพิ่มขึ้นมาจาก Optimus Hub รองรับการเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก มายสเปซ บน Social+ เป็นต้น



เครื่องเล่นเพลง แบ่งการแสดงรายชื่อออกตาม ชื่อเพลง อัลบั้ม ศิลปิน และตามรายการเพลงที่บันทึกไว้ หน้าจอเล่นเพลงมีการแสดงปกอัลบั้ม ชื่อเพลง ตั้งเล่นซ้ำ เล่นสุ่ม ดูรายการเพลง กดค้นหาเพลง แชร์เพลงไปยังเครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่กลายเป็นฟีเจอร์ปกติบนสมาร์ทโฟนไปแล้ว



โหมดใช้งานโทรศัพท์ก็ไม่แตกต่างจากเดิม มีระบบเดารายชื่อจากตัวเลขที่กดไป ใช้การสไลด์ปุ่มเพื่อรับสายและตัดสาย เลือกดูรายชื่อ เรียกปุ่มกด สั่งให้ใช้งานบลูทูธ ปิดเสียง และ เปิดลำโพงได้ตามปกติ



การแสดงผลพยากรณ์อากาศออกแบบมาให้ดูค่อนข้างง่าย สามารถเลือกดู ตามแต่ละสถานที่ ในขณะนั้น ดูเป็นรายชั่วโมง และราย 15 วันได้ทันที



คีบ์บอร์ดของแอลจี นั้นแรกๆอาจจะสับสนในการใช้งาน เนื่องจากการใช้งานภาษาไทย จะมี 3 ตัวอักษรในปุ่มเดียว ทำให้ต้องกดซ้ำๆ แทน แต่เมื่อใช้ไปจนชินก็จะพบว่าสามารถใช้งานได้ค่อนข้างง่าย แต่อย่างไรก็ตามถ้าไม่ถูกใจก็สามารถดาวน์โหลดคีย์บอร์ดอื่นจากแอนดรอยด์มาเก็ต



เว็บเบราว์เซอร์รองรับการใช้งานแฟลชตามมาตรฐานของแอนดรอยด์ สามารถเรียกใช้งานได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน ใช้การซูมได้ทั้งการสัมผัสสองครั้ง และใช้นิ้วจีบเข้าออก



โหมดกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซลที่ให้มา ดูเหมือนจะกลายเป็นมาตรฐานไปเสียแล้ว หน้าตาอินเตอร์เฟสต่างๆ ยังคงใช้ลักษณะเดิม กล่าวคือมีปุ่มสลับกล้องหน้าหลัง ซูม ปรับความสว่าง เลือกโหมดถ่ายภาพทางฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งขวาเป็นปุ่มเปลี่ยนรูปแบบจากภาพนิ่งไปวิดีโอ ชัตเตอร์ และดูภาพที่ถ่ายไปแล้ว

การตั้งค่ามีให้เลือกตั้งแต่รูปแบบการโฟกัส ขนาดภาพ ความความไวแสง สมดุลแสงขาว เอฟเฟกต์สี ตั้งเวลาถ่ายภาพ รูปแบบการถ่าย แสดงภาพหลังถ่าย ที่น่าสนใจคือรองรับการถ่ายภาพวิดีโอความละเอียดสูง 720p แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีแฟลชมาให้ด้วย ทำให้ไม่สามารถใช้งานในเวลากลางคืนได้




ส่วนของการทดสอบประสิทธิภาพตัวทัชสกรีนรองรับจุดสัมผัสทั้งหมด 10 จุด และยังทดสอบผ่านโปรแกรม Quadrant ได้อยู่ที่ 1,355 คะแนน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงของเครื่องที่ใช้หน่วยประมวลผล 1GHz เช่นเดียวกับ Neocore ที่ 59.4 FPS Nenamark 1,2,An3DBench และ An3DBench XL ได้คะแนนที่ 29.2 Fps 23 Fps 6,873 และ 27208 คะแนนตามลำดับ

ซึ่งจากผลทดสอบดังกล่าวทำให้แน่ใจได้ว่าตัว Optimus Sol สามารถเล่นเกมได้เกือบทั้งหมดในแอนดรอยด์มาเก็ต (ยกเว้นเกมที่ต้องใช้ Nvidia Tegra 2) และยังรองรับการเล่นไฟล์ภาพยนตร์ความละเอียดสูงได้อย่างสบายๆ

จุดขาย

- หน้าจอ Ultra AMOLED ที่ให้สีสันสด และค่อนข้างสมจริง ไม่สดจนเกินไป
- สเปก 1GHz ROM 1 GB พร้อมฟีเจอร์ครบครัน เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้งานเครื่องทั่วๆไปในราคาที่คุ้มค่า ในราคา 10,900 บาท
- ระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรี 1,500 mAh แม้จะใช้หน่วยประมวลผล 1GHz แต่สามารถใช้ได้ 2 วันสบายๆ
- วัสดุตัวเครื่องดูคงทนแข็งแรง มีเพียงแค่ฝาหลังเท่านั้นที่เป็นพลาสติก

ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่

- กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แต่ไม่มีไฟแฟลชมาให้
- ตัวเครื่องค่อนข้างลื่น และเป็นรอยนิ้วมือง่าย ทำให้ต้องการเคสใส่
- ปุ่มควบคุมแบบสัมผัส ทำให้เวลาใช้งานนิ้วไปโดนง่าย

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป

เมื่อมองไปในตลาดแล้ว Optimus Sol อาจจะมีคู่แข่งที่น่าสนใจหลากหลาย จนทำให้จุดบอดเรื่องกล้องไม่มีแฟลชเข้ามาทำร้านตัวสินค้า แต่ถ้าในการใช้งานที่ไม่จำเป็นต้องใช้แฟลชกล้องแล้ว สเปกของ Optimus Sol เองก็ไม่ได้ขี้เหร่ แถมยังโดดเด่นที่หน้าจอ Ultra-AMOLED ซึ่งผู้บริโภค คงต้องไปหาดูสีสันที่สดจากเครื่องจริงจะดีกว่า

อย่างไรก็ดี ยังน่าเสียดายที่ตัวเครื่องรองรับ 3G เพียงแค่ 900/2100 MHz เท่านั้น ทำให้ลูกค้าอีก 2 ค่ายหลัก หันไปมองตัวเลือกอื่นๆในตลาดที่รองรับการใช้งาน 3G แต่ถ้าใครใช้ AIS อยู่ และอยากหาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ราคากลางๆ ไม่สูงจนเกินไป ฟีเจอร์ครบๆ Optimus Sol น่าจะเป็นอีกหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ

ตัวเลือกอื่น

LG Optimus Black
Samsung Galaxy S
Samsung R
HTC Desire S

Company Related Links :
LG










กำลังโหลดความคิดเห็น