xs
xsm
sm
md
lg

เจาะรายละเอียด ฟูลเฟรม Canon EOS 1D X

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




ถือเป็นการเบิกฤกษ์เบิกชัยเตรียมต้อนรับปีใหม่จากแคนนอน ด้วยการคลอดกล้องระดับมืออาชีพอย่าง EOS 1D X ล้ำหน้าคู่แข่งทุกเจ้าตามข่าวก่อนหน้านี้ (แคนนอน จุดพลุ ฟูลเฟรม 1D X ลงตลาด DSLR ไฮเอนด์) มาวันนี้ก็ถือเป็นฤกษ์งามยามดีของประเทศไทยที่ทางแคนนอนได้เปิดตัว EOS 1D X ตามหลังการเปิดตัวทั่วโลกไม่กี่วันพร้อมตั้งธงทำตลาดในช่วงมีนาคม-เมษายน ปี 2012 และปรับกลยุทธ์กล้องตระกูล EOS ท็อปฟอร์มใหม่ เน้นความการใช้งานครอบคลุมและฟังก์ชันตอบสนองทุกการใช้งาน

**สเปกพื้นฐาน Canon EOS 1D X**






- เป็นกล้องฟูลเฟรมที่รวม 1D และ 1Ds เข้าด้วยกัน โดยเซนเซอร์รับภาพเป็น CMOS รองรับความละเอียดสูงสุด 18.1 ล้านพิกเซล
- หน่วยประมวลผลแบบ Tri ประกอบด้วย Dual DIGIC5+ และ DIGIC4
- ค่าความไวแสงต่ำสุดที่ 100 สูงสุด 204,800 ในโหมด H2
- Autofocus 61 จุด
- ถ่ายวิดีโอ Full HD 1080 60p
- โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง Super High Speed Mode 14fps
- หน่วยความจำเปลี่ยนมาใช้ CF Card รองรับ UDMA7

**เจาะจุดขายและการปรับเปลี่ยนใน Canon EOS 1D X**

Canon EOS 1D X มีจุดขายที่ชัดเจนและน่าสนใจมาก เพราะไม่ใช่แค่ 1D X จะเป็นกล้องระดับฟูลเฟรมที่มาพร้อมความละเอียดภาพและเซนเซอร์ที่ดีขึ้นตามการตลาดแบบเก่าของแคนนอน แต่กลับกลายเป็นว่า EOS 1D X พยายามต่อสู้กับคู่แข่งด้วยการอัดฟังก์ชันและเน้นออปชันที่ตอบสนองการใช้งานที่คู่แข่งไม่มี



- โดยประการแรก จะเห็นว่าด้านความละเอียดภาพสูงสุดทางแคนนอนใส่มาให้แค่ 18.1 ล้านพิกเซล (5,184x3,456 พิกเซล) ซึ่งนับว่าน้อยมากสำหรับกล้องระดับสองแสนบาท แต่ทางแคนนอนกลับไปใส่ใจในเรื่องของหน่วยประมวลผลที่พัฒนาให้เป็นแบบดูอัลคอร์คือ Dual DIGIC5+ แถมมีการใส่หน่วยประมวลผล DIGIC4 ลงไปเพื่อใช้ควบคุมเรื่องการเก็บค่าแสงโดยเฉพาะ ส่วน Dual DIGIC5+ จะใช้ในการประมวลผลภาพและฟังก์ชันเป็นหลัก



- ประการที่สอง ด้วยการที่แคนนอนใช้หน่วยประมวลผลเป็น Dual DIGIC5+ ทำให้สามารถพัฒนาระบบถ่ายภาพต่อเนื่องได้ความเร็วสูงสุดถึง 14 เฟรมต่อวินาที พร้อมการประมวลผลเรื่องค่าความไวแสงที่สามารถดันได้สูงถึง 51,200 โดยที่ไม่เกิดสัญญาณรบกวนใดๆ

>>เพิ่มเติม: ระบบถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงจะมีหลักทำงาน 2 รูปแบบ คือ โหมดแรก 14 เฟรมต่อวินาที จะใช้เทคนิคการกระดกกระจกขึ้นครั้งเดียวแล้วยิงภาพ 14 ภาพใน 1 วินาที โดยตัวกล้องจะจำค่าแสงและโฟกัสไว้จากเฟรมแรกและประมวลผลเฟรมสุดท้าย

ส่วนอีกโหมดคือ 12 เฟรมต่อวินาที จะเป็นการกระดกกระจก 12 ครั้งติดกัน โดยค่าแสงและโฟกัสจะมีการเปลี่ยนไปทั้ง 12 ครั้ง ซึ่งโหมดนี้เหมาะแก่การถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวเข้า-ออกกล้อง<<




- ประการที่สี่ ระบบออโต้โฟกัส 61 จุด พร้อมโฟกัสแบบ Cross Type ได้ 41 จุด พร้อมตัวกล้องมาพร้อมระบบ Chromatic Aberration Correction หรือระบบลดขอบม่วงที่เกิดจากเลนส์



- ประการที่ห้า EOS iSA (intelligent Subject Analysis) และ EOS iTR (intelligent Tracking and Recognition) ถือเป็นจุดเด่นที่ทางแคนนอนออกตัวแรง เพราะใส่ความละเอียดของตัววัดแสงมาสูงถึง 100,000 พิกเซล 252 โซน โดยใช้หน่วยประมวลผล Digic 4 ในการจัดการส่วนนี้แยกจาก Dual Digic5+ ทำให้นอกจากระบบวัดแสงแล้ว ยังสามารถจับโฟกัสวัตถุได้เร็วและมาพร้อมระบบ face detection ที่รวดเร็วขึ้น



- ประการที่หก Multiple exposures หรือความสามารถในการถ่ายภาพตั้งแต่ 2-9 ภาพแล้วนำมารวมและซ้อนกันเป็นภาพเดียว

- ประการที่เจ็ด ปรับปรุงระบบถ่ายวิดีโอใหม่ รองรับความละเอียด 1080 60p โดยจะมีการเพิ่ม Timecode สำหรับไว้ใช้ในเวลาตัดต่อ พร้อมความสามารถในการปรับเพิ่ม-ลด ระดับเสียงได้ขณะกำลังบันทึกวิดีโออยู่

นอกจากนั้นในเรื่องของไฟล์วิดีโอที่บันทึกจะถูกปรับเป็น 2 รูปแบบ คือ ALL-I และ IPB โดย ALL-I จะมีคุณภาพสูงเหมาะแก่งานที่เน้นรายละเอียด ส่วน IPB จะมีขนาดไฟล์ที่เล็กกว่า

อีกทั้งทางแคนนอนยังได้ปรับปรุงเรื่องระยะเวลาในการถ่ายให้มากขึ้นเป็น 29 นาที 59 วินาที พร้อมระบบแยกไฟล์ให้อัตโนมัติเมื่อขนาดไฟล์มากกว่า 4GB โดยการแยกไฟล์จะเป็นไปได้อย่างราบลื่น ไม่มีอาการ Busy แล้วการบันทึกวิดีโอหยุดเหมือนกัน EOS รุ่นก่อนหน้า

- ประการที่แปด แคนนอนหันกลับไปใช้ CF Card แบบคู่ และตัด SD Card ออกเพราะ CF Card บนเทคโนโลยีปัจจุบันมีความเร็วสูงกว่า SD Card มาก โดยความเร็ว CF Card สูงสุดที่รองรับคือ UDMA 7 ความเร็วประมาณ 100 MB ต่อวินาที

- ประการที่เก้า ในตัวกล้องมีซอฟท์แวร์ In RAW Processing มาให้ ทำให้ผู้ใช้สามารถแปลง RAW Files เป็นไฟล์รูปภาพอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคอมพิวเตอร์



- ประการที่สิบ ในส่วนของชัตเตอร์จะถูกปรับเปลี่ยนเป็นคาร์บอน ไฟเบอร์ ทำให้อายุการใช้งานพุ่งสูงถึง 400,000 ครั้ง โดยในส่วนของซอฟท์แวร์กล้องจะมีการบอกถึงจำนวนชัตเตอร์ที่ลั่นไปแล้ว พร้อม Error Log สำหรับใช้ดูปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับซ่อมแซม ก็ได้ติดตั้งมาให้ในซอฟท์แวร์บน EOS 1D X

- ประการที่สิบเอ็ด สำหรับพอร์ตเชื่อมต่อใน EOS 1D X นอกจากจะมีพอร์ตพื้นฐานอย่าง USB 2.0 หรือ HDMI แล้วทางแคนนอนยังได้ใส่พอร์ตแลน 1Gbps มาสำหรับการส่งข้อมูลที่เร็วขึ้น (เหมาะแก่งานสตูดิโอ)

- ประการที่สิบสอง มีการเพิ่ม Picture Style Auto ผ่านเทคโนโลยี EOS Scene Detection System’s analysis ที่ช่วยในการประมวลผลภาพและสภาพแวดล้อมที่ถ่ายจากนั้นตัวกล้องจะเลือก Picture Style ให้อัตโนมัติ

- ประการสุดท้าย ในเรื่องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาพนอกใหม่หมด โดยที่เด่นชัดที่สุดก็คือวงล้อ Command Dial ที่ตัดเฟืองด้านในออก ทำให้การหมุนจะไม่เกิดเสียงและลดอาการเฟืองในสึกหรอเมื่อใช้เป็นเวลานานๆ นอกจากนั้นใน EOS 1D X ยังมีการเพิ่มปุ่ม Custom User เข้ามาค่อนข้างมาก เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าการใช้งานได้ตามต้องการ พร้อม Joystick ที่มีการปรับตำแหน่งใหม่ให้อยู่ใกล้นิ้วโป้งมากขึ้น



อีกทั้งส่วนของสวิตซ์ล็อกที่ปกติจะใช้ล็อก Command Dial อย่างเดียว แต่ในรุ่นนี้ผู้ใช้สามารถตั้งในเมนูได้ว่าจะให้สวิตซ์ล็อกสิ่งใด เช่น ตั้งให้ล็อก Joystick หรือตั้งให้ล็อก Main Control

รวมถึงในส่วนของหน้าจอสำหรับสาวก AF Servo ในรุ่น 1D X จะมีข้อความ AF แสดงเมื่อมีการล็อกโฟกัสในโหมด Servo

**อุปกรณ์เสริม**

สำหรับกล้อง Canon EOS 1D X สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมที่ตอนนี้มีการเปิดตัวไปแล้ว 2 รุ่นคือ

WFT- E6 Wireless File Transmitter



เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้ EOS 1D X สามารถเชื่อมต่อ WiFi ในการใช้ส่งข้อมูลและทำกล้องลูกได้ โดยสเปกของ Wireless File Transmitter ตัวนี้จะรองรับ Wireless LAN Draft-N มี Bluetooth ติดตั้งมาให้

อีกทั้งยังมาพร้อมระบบ Wireless Time Syncing ที่ช่วยในการเชื่อมต่อ EOS 1D X เข้าด้วยกันสูงสุด 10 ตัว อีกทั้งยังรองรับรับบ WFT server function และ DLNA (Digital Living Network Alliance) สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มัลติมีเดียไร้สายต่างๆ ได้

GPS Receiver GP-E1



สำหรับอุปกรณ์ชิ้นที่ 2 ก็คือ GPS Receiver ที่ช่วยในการเก็บพิกัดระหว่างถ่ายภาพไว้ใน EXIF data ทำให้เวลาผู้ใช้นำไฟล์ไปเปิดในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ Apple iPad จะสามารถรู้พิกัดในรูปถ่ายผ่าน Goolge Maps หรือ Bing ได้

นอกจากนั้นตัว GPS ยังสามารถตั้งเวลาและเขตเวลาให้ตัวกล้องอย่างอัตโนมัติได้ด้วย

**ปีหน้าเจอกัน**



จากข้อมูลของแคนนอนถึงวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะอยู่ในช่วงมีนาคม-เมษายน ปี 2012 โดยในส่วนของราคาน่าจะอยู่ในช่วง 2 แสนบาทต้นๆ

ซึ่งถือว่าด้วยการปรับเปลี่ยนและพัฒนาของ Canon EOS 1D X เป็นการพัฒนาที่เรียกได้ว่าพลิกโฉมใหม่คงไม่ผิดนัก เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าแคนนอนไม่ได้แค่เพิ่มสเปกเพิ่มคุณภาพเพียงอย่างเดียว แต่ทางแคนนอนกลับคิดใหม่ ทำใหม่ และพัฒนาจุดด้อยของตนทั้งหมดให้กลับมาโดดเด่นในแบบท็อปฟอร์มได้อย่างน่าสนใจทีเดียว

อย่างไรตอนนี้ก็ถือว่าแคนนอนกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในตระกูลมืออาชีพ แต่ด้วยวันวางจำหน่ายที่ตั้งไว้ไกลถึงเกือบ 5-6 เดือนต่อจากนี้ ไม่แน่ว่าพอขึ้นต้นปีใหม่ ค่ายคู่แข่งอย่าง นิคอนหรือโซนี ก็อาจมีไม้ตายงัดออกมาสู้รบอีกก็เป็นได้

ต่อจากนี้คงต้องติดตามกันต่อไปครับว่าจะมีเหตุการณ์ "หัวเราะทีหลังดังกว่า" เกิดขึ้นหรือไม่ในปี 2012..



Company Related Link :
Canon







อุปกรณ์ที่แถมให้ในชุดของ Canon EOS 1D X
กำลังโหลดความคิดเห็น