กลายเป็นประเด็นน่าสนใจทันทีเมื่อเอชทีซีเตรียมวางขายแอนดรอยด์โฟนรุ่นใหม่ในชื่อ "HTC Rhyme" และ "HTC Sensation XE" พร้อมชูตัวว่าเป็นเอชทีซีโฟนกลุ่มแรกที่มาพร้อม Sense 3.5 และยังแนบพื้นที่ฝากข้อมูลสำหรับบริการ Personal Cloud ที่เอชทีซีดีลกับ Dropbox ไว้อีก 5GB เพื่อนำมาสู้ศึกกับบริการ iCloud จากแอปเปิลที่มีแผนเปิดตัวใน iOS 5
ซึ่งในวันนี้ทีมงานผู้จัดการไซเบอร์ด็ได้รับรอม HTC Sense 3.5 ที่หลุดมาจาก HTC Rhyme ซึ่งพร้อมวางขายผ่านทาง Verizon ในวันที่ 29 กันยายน โดย Sense 3.5 ดังกล่าวถูกพอร์ตโดยเหล่ายูสเซอร์จาก XDA-Developers ให้สามารถใช้งานบนเอชทีซีโฟนรุ่น Desire S และ Desire HD ซึ่งมีสเปกใกล้เคียงกับ HTC Rhyme คือ ซีพียู Single Core ความเร็ว 1GHz บนหน่วยความจำขนาด 768MB และหน้าจอขนาด 3.7 นิ้ว
หน้าตาของ HTC Rhyme ที่ถูกชูว่าเป็นเอชทีซีโฟนในกลุ่มแรกที่ใช้ Sense 3.5
**สำหรับรอม HTC Sense 3.5 ตัวที่ทีมงานผู้จัดการไซเบอร์จะนำเสนอต่อไปนี้ จากการบอกกล่าวจากเหล่ายูสเซอร์ใน XDA พบว่าเป็นรอมที่หลุดออกมาระหว่างขั้นตอนผลิตและยังไม่ใช่ตัว Final เพราะฉะนั้นบางฟังก์ชันอาจไม่ได้รับการทดสอบเพราะเกิดปัญหา Force Close**
HTC Sense 3.5 มีอะไรใหม่
หน้าตาของโฮมสกรีนระหว่าง Sense รุ่น 3.0 ใน Sensation และ EVO กับ Sense 3.5 รุ่นที่ทีมงานทดสอบนั้นจะค่อนข้างแตกต่างกันในเรื่องของการวางตำแหน่งปุ่มและ Widgets ที่เพิ่มเข้ามาในชื่อ Quick Launch นอกจากนั้นใน Sense 3.5 ยังมีการปรับส่วนของนาฬิกาและการแสดงสภาพอากาศใหม่ ส่วนเอ็ฟเฟ็กต์ 3 มิติเวลาเลื่อนเปลี่ยนหน้ายังคงเหมือนกับ Sense 3.0
อีกทั้งยังมีการปรับตำแหน่งปุ่มโทรศัพท์และปุ่มเรียกหน้า All Apps ใหม่ให้ไปชิดซ้ายกับขวา โดยปล่อยให้ตรงกลางเป็นพื้นที่ว่างไว้ อีกทั้งในหน้า All Apps ยังมีการปรับธีมใหม่ โดยมีการขยายไอคอนในส่วนล่าง (All Apps, Frequent, Downloaded) ให้มีขนาดใหญ่และเป็นสัดส่วนกดใช้ง่ายขึ้น
ส่วนในหน้า Lock Screen ยังคงคล้าย Sense 3.0 คือมีการวาง Shortcuts ของแอปฯ 4 แอปฯ ไว้ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Shortcuts เหล่านั้นได้เอง
มาในส่วนจัดการหน้าโฮมสกรีนที่ดูเผินๆ เหมือน Sense 3.0 แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ ความสามารถในการลบ-เพิ่มหน้าโฮมสกรีนได้ ด้วยการสัมผัสที่ปุ่ม + ด้านล่าง ส่วนถ้าต้องการลบหน้าที่ไม่ใช้งานก็เพียงสัมผัสหน้านั้นค้างไว้และลากมาที่รูปถังขยะ
มาที่ส่วนโทรศัพท์จะถูกปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่เพื่อการเข้าใช้งานที่ง่ายและมีประสิทธิภาพขึ้น โดยจะมีการเพิ่มแท็บเข้าหน้า People, Group และ Call History ใหม่ให้ชัดเจนขึ้น อีกทั้งการเข้าดูรายชื่อเพื่อนทั้งจาก SIM, Facebook หรือจากบัญชี Google ยังเรียกใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่า Sense 2.1 หรือ 3.0 อย่างมาก
สำหรับหน้า Personalize นั้นจะถูกปรับให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น ไล่ตั้งแต่แท็บ Add to Home จะรวม Widgets, App, Shortcuts, Folder สำหรับหน้าโฮมสกรีน แท็บ Display จะเป็นในส่วนการปรับธีม ภาพพื้นหลัง หรือหน้า Lock Screen และสุดท้ายแท็บ Sound จะเป็นการปรับแต่งเสียงเรียกเข้าหรือเสียงเตือนต่างๆ
มาดูในส่วน Widgets กันบ้าง หลักๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามา ก็คงเป็น HTC Deals ที่ยังไม่เปิดให้ใช้ในประเทศไทย และอีกส่วนคือ FBChat (Facebook Chat) ที่ถือเป็นการต่อยอด Friend Stream ให้มีความสามารถเพิ่มขึ้น
มาที่แอปฯ กล้องถ่ายภาพ (Camera) ที่ถือว่ามีการปรับเปลี่ยนใหม่เกือบทั้งหมด เช่นการว่งตำแหน่งปุ่มเอ็ฟเฟ็กต์ให้แยกออกมา หรือการนำโหมด Scenes มาใส่ไว้ด้านนอก และเพิ่มลูกเล่นการถ่ายภาพเช่น พาโนรามา, HDR ให้เลือกใช้งานได้ง่ายขึ้น อีกทั้งที่มุมบนขวายังเพิ่มไอคอนจับการสั่นไหวของภาพ ซึ่งถือเป็นตัวช่วยในการถ่ายภาพโดยเมื่อผู้ใช้ถ่ายภาพในที่มีแสงน้อย ไอคอนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อภาพมีการสั่นไหว ซึ่งถ้ากดถ่ายออกมาภาพจะเบลอ แต่เมื่อผู้ใช้พยายามจับถือตัวกล้องให้นิ่งจนไอคอนดังกล่าวหายไป แสดงว่าเมื่อกดชัตเตอร์ลงไปภาพที่ได้จะคมชัด ไม่มีอาการเบลอเกิดขึ้น
ส่วนเอ็ฟเฟ็กต์ภาพที่ให้มายังคงเหมือนกับใน Sense 3.0 ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
"Family" เป็นแอปของทางเอชทีซีเพิ่มเข้ามาใน Sense 3.5 อย่างเป็นทางการ โดยแอปฯ ดังกล่าวจะต้องใช้ในการสร้างกลุ่มเครือข่ายสังคมในครอบครัวเช่น แบ่งปันเหตุการณ์ว่าวันนี้ทำอะไร ที่ไหน หรือส่งข้อความส่วนตัวหากันในครอบครัว รวมถึงค้นหาตัวบุคคลเมื่ออยู่ในระหว่างการเดินทาง โดยการทำงานทั้งหมดเชื่อมค่อกับบัญชี HTC Sense
ถือเป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับสาวกเอชทีซีในยุคหน้าเพราะมีข่าวว่าทางเอชทีซีจะตกลงพัฒนามัลติมีเดียแอนดรอยด์โฟนร่วมกับ Beats Electronics LLC (ตอนนี้เห็นได้จาก Sensation XE ที่มาพร้อม Beats by Dr. Dre โดยถือเป็นรุ่นแรกที่ตีตรา Beats Audio) เพราะฉะนั้นใน Sense 3.5 รุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบจึงมีการติด Audio Enhancer อย่าง Beats audio มาให้ด้วย แต่โชคร้ายที่ทีมงานไม่สามารถทดสอบโหมดดังกล่าวได้ เพราะเจอ Force Close จากความไม่สมบูรณ์ของรอม ก็เลยขอติดไว้ทดสอบเมื่อได้รับรอมพร้อมเครื่อง HTC Sensation XE ตัวเต็มแล้วกันครับ
พิสูจน์ดีล HTC-Dropbox 5GB เมื่อคิดท้าชนกับ iCloud จากแอปเปิล
เมื่อไม่กี่วันมานี้มีข่าวว่าทางเอชทีซีได้ดีลกับผู้ให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลผ่าน Cloud ในนาม Dropbox ว่าจะให้พื้นที่เก็บข้อมูลแก่ผู้ใช้ที่ซื้อสมาร์ทโฟนแบรนด์เอชทีซีที่มาพร้อม Sense 3.5 ฟรีอีก 3GB ซึ่งเมื่อรวมกับพื้นที่ๆ ทาง Dropbox ให้ไว้ใช้งานฟรีสำหรับผู้สมัครใช้บริการครั้งแรกอีก 2GB จะรวมเป็น 5GB ซึ่งเทียบเท่ากับพื้นที่ให้บริการ iCloud จากแอปเปิลที่ให้ฟรี 5GB แก่ผู้ใช้งานครั้งแรกเช่นกัน
เมื่อผู้ใช้ลงแอปฯ และเชื่อมต่อบัญชี Dropbox บนเอชทีซีโฟนที่ใช้ Sense รุ่น 3.5 จะได้รับข้อความในอีเมล์ว่า ทาง Dropbox ได้ให้ Bomus Space แก่คุณเพิ่มอีก 3GB ฟรีๆ 12 เดือน
ซึ่งแน่นอนว่าดีลครั้งนี้นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ความจริงแล้วเอชทีซีต้องการท้าชน iCloud จากแอปเปิล โดยถ้ามองรูปแบบของทั้ง HTC-Dropbox และ iCloud นั้นมีจุดประสงค์เหมือนกันคือบริการผู้ใช้ในการฝากข้อมูลในสมาร์ทโฟนผ่าน Cloud Computing ที่สามารถดึงข้อมูลเหล่านั้นออกมาใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ทั้งนี้ก็ยังมีสิ่งที่ต่างกันทั้งรูปแบบการทำงานและวิธีการของทั้ง 2 รูปแบบ ซึ่งทางทีมงานจะขอสรุปเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้
เห็นดีล HTC-Dropbox แล้วอดนึกถึง iCloud จากแอปเปิลไม่ได้เลย
- iCloud มีรูปแบบการใช้งานที่เน้นสำรองข้อมูลในอุปกรณ์ iOS Device เป็นหลัก โดยจะมีบางส่วนเช่น Photo Stream ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปจัดการได้จากทั้ง PC Mac iPad และ iPhone ในขณะที่ Dropbox คือบริการฝากข้อมูลผ่านระบบ Cloud ที่ไม่ได้ถูกจำกัดแค่สมาร์ทโฟน แต่ผู้ใช้สามารถอัปโหลดไฟล์ทุกรูปแบบขึ้นไปบน Dropbox และเปิดเรียกใช้ได้จากทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต PC หรือ MAC
- iCloud เน้นการสำรองข้อมูลแบบอัตโนมัติ ใช้งานง่าย กดแค่ครั้งเดียวสามารถสำรองข้อมูลทั้งรูปภาพ เซฟงานต่างๆ แอปฯ ต่างๆ ได้ง่าย ในขณะที่ Dropbox เองต้องสำรองแบบ Manual เท่านั้น (ผู้ใช้ต้องเข้าหาโฟลเดอร์เก็บแอปฯ แล้วคัดลอกออกมาเอง หรือใช้แอปฯ Backup สำรองไฟล์ออกมาแล้วค่อยอัปโหลดขึ้น Dropbox เอง) ซึ่งถึงแม้แอนดรอยด์โฟนจะมี Google Account เป็นตัวช่วยเรื่องการสำรองข้อมูลสำคัญแบบอัตโนมัติอีกทอดหนึ่ง แต่ Google Account ไม่สามารถสำรองแอปฯ และเซฟทั้งโฟลเดอร์ลงไปได้เหมือน iCloud
และถึงแม้ Google Account จะจำว่าผู้ใช้เคยดาวน์โหลดแอปฯ จาก Market ตัวใดไป และดาวน์โหลดให้อัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่อบัญชีกับ Google Account อีกครั้งหลังลงเครื่องใหม่ทั้งหมด แต่เซฟงานรวมถึงเซฟเกมต่างๆ จะไม่ตามมาเหมือน iCloud นอกจากจะผู้ใช้จะสำรองข้อมูลไว้ที่ Dropbox หรือ Thumbdrive
- ราคาการอัปเกรดพื้นที่สำหรับดีล HTC-Dropbox 5GB = ฟรี 50GB = 99$ ต่อปี และ 100GB = 199$ ต่อปี ในขณะที่ iCloud จากแอปเปิล 5GB = ฟรี 10GB = 20$ ต่อปี 20GB = 40$ ต่อปี และ 50GB = 100$ ต่อปี
- iCloud มีบริการผ่านเว็บ iCloud.com ที่สามารถเปิดไฟล์เอกสารทั้ง Word, Excel, PowerPoint ตารางหมายงาน รวมถึง Contacts List ที่ซิงค์จากอุปกรณ์ iOS ได้ทันที ในขณะที่ Dropbox ต้องใช้ซอฟท์แวร์ในคอมพิวเตอร์เปิดเอกสารและไฟล์ทั้งหมด เพราะ Dropbox เป็นแค่บริการพื้นที่เก็บข้อมูลเพียงอย่างเดียว
- ความยืดหยุ่นและการใช้งานในชีวิตจริง Dropbox จะเหนือกว่าเพราะคุณสามารถแชร์เอกสารกับเพื่อนหรือเจ้านายที่ออฟฟิซได้ทุกที่ ทุกเวลา และทุกรูปแบบ แต่ iCloud จะมีข้อจำกัดอยู่ที่ไฟล์ที่รองรับและรูปแบบการใช้งานที่เน้นสำรองข้อมูลเป็นหลัก
จากนั้นลองมองภาพของดีล HTC-Dropbox = HTCSense.com + บริการรักษาความปลอดภัยเมื่อเครื่องสูญหายและสามารถแสดงตำแหน่งของเอชทีซีโฟนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน + Dropbox ฟรี 5GB เทียบกับ iCloud + Find me iPad/iPhone + พื้นที่ iCloud ฟรี 5GB สำหรับทีมงานเองขอสรุปว่าความคุ้มค่าของระบบเปิดจากแอนดรอยด์จะดูโดดเด่นและใช้งานในชีวิตจริงได้ดีกว่า iOS ที่เป็นระบบปิด และทุกอย่างถูกตั้งจุดประสงค์การใช้งานและการทำงานมาอย่างรัดกุมจนผู้ใช้อาจหาวิธีออกนอกลู่นอกทางได้ยากมาก
สุดท้ายกลับมาที่ภาพรวมของ HTC Sense 3.5 สำหรับตัวที่ทีมงานได้รับมาทดสอบนั้นจากการใช้งานในภาพรวมถือว่าป็นการปรับปรุงที่ดูเผินๆ แล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อลองสำรวจลึกๆ แล้วการเปลี่ยนแปลงยิบๆ ย่อยๆ ค่อนข้างมากทีเดียว โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเรื่อง Layout ที่วางไม่เหมาะสมจาก Sense ก่อนหน้าถูกแก้ไขออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและค่อนข้างสมบูรณ์
ในส่วนเรื่องของประสิทธิภาพและฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามา สำหรับครั้งนี้ทางทีมงานจะขอเก็บไว้ก่อน เพราะเนื่องจาก Sense 3.5 ตัวที่ทดสอบไม่ใช่ตัว Final และยังคงมีบั๊กจำนวนมากให้พบเจอ เพราะฉะนั้นเมื่อใดที่ทางทีมงานได้รับ HTC Rhyme หรือ HTC Sensation XE มาทดสอบ ทางทีมงานจะทำการชำแหละ Sense 3.5 มาให้ชมกันอีกครั้งครับ
อย่างไรก็ติดตามกันต่อไป...
Company Related Link :
HTC