หลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรก ในที่สุดก็ถึงเวลาจำหน่ายในท้องตลาดเสียทีกับ ซัมซุง ซีรีส์ 9 ตระกูลโน้ตบุ๊กสุดบางจากทางซัมซุง ที่ถูกการันตีความบางที่สุดในโลกแทนแม็กบุ๊กแอร์จากส่วนของขอบตัวเครื่องไปเรียบร้อยแล้วในเวลานี้
Design Of Samsung Series 9
แน่นอนว่าจุดเด่นที่สุดของ Series 9 คงหนีไม่พ้นรูปลักษณ์การดีไซน์และความบางของตัวเครื่องที่มีขนาดรอบตัวเพียง 327.66 x 226.06 x 15.9 - 16.25 มม. และน้ำหนักตัวเครื่องที่ 1.31 กิโลกรัม
ตัวเครื่องเมื่อปิดหน้าจอมีดีไซน์คล้ายปีกเครื่องบินที่มีความโค้งมนแสดงให้เห็นถึงความบางและความหรูหราจากสีดำของเครื่อง ใช้วัสดุอะลูมิเนียมที่ชื่อว่า Duralumin ซึ่งเคลมว่าเป็นชนิดเดียวกับที่ทำกระสวยอวกาศ และช่วยให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา
เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาจะพบกับหน้าจอ LED Backlit ขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล ที่ใช้เทคโนโลยี SuperBright Plus ให้ความสว่าง 400 nit 16 ล้านสี และเป็นจอแบบด้าน มีกล้องเว็บแคมความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซลอยู่บนหน้าจอ และมีตราโลโก้ "Samsung" สีเงินพาดอยู่กึ่งกลางส่วนล่าง
คีย์บอร์ดเป็นแบบปุ่มชิกเคล็ตตามสมัยนิยม โดยปุ่มตัวอักษรมีขนาดเทียบเท่าโน้ตบุ๊กทั่วไป แต่ปุ่มฟังก์ชันแถวบน และปุ่มควบคุมทิศทาง ถูกลดขนาดลงเหลือเพียงครึ่งเดียวเพื่อให้สะดวกต่อการวางเลย์เอาท์
โดยตัวคีย์บอร์ดจะมีไปส่องสว่างมาจากด้านล่างเพื่อใช้งานในที่มืด และถ้าไม่ต้องการใช้งานก็สามารถสั่งปิดได้ เช่นเดียวกับหน้าจอที่มีโหมดปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ
ไฟแสดงสถานะต่างๆของเครื่องจะอยู่เหนือคีย์บอร์ดทางฝั่งขวาบน เช่นเดียวกับปุ่มเปิดเครื่องที่เป็นปุ่มสีเงิน โดยไฟแสดงสถานะจะประกอบไปด้วยไฟสีเงินสำหรับแสดงถึงการทำงาน ไฟสีแดงแสดงสถานะชาร์จ มีรูไมโครโฟน และเซ็นเซอร์วัดแสง
ในส่วนของทัชแพดรองรับการใช้งานแบบมัลติทัช ที่รองรับการสั่งงาน 21 รูปแบบ เช่น ย่อขยาย สั่งเปลี่ยนรูป เรียกใช้งานโปรแกรม หมุนรูปภาพ โดยในการคลิกเมาส์ทำได้โดยกดทัชแพดส่วนล่างซ้ายและขวาให้ยุบลงไป
หลังเครื่องถูกทำมาเป็นแบบเรียบๆมีช่องระบายอากาศอยู่ตรงกลาง และช่องสำหรับไขน็อตเพื่อถอดฝาหลังออกมา ซึ่งถ้าสังเกตดีๆจะพบส่วนที่ซ่อนพอร์ตการเชื่อมต่างๆ ที่สามารถพับปิดให้เรียบไปกับตัวเครื่อง หรือเปิดออกมาเพื่อใช้งานได้
ตัวเครื่อฝั่งซ้ายประกอบไปด้วย ช่องสำหรับเสียบสายชาร์จที่มีขนาดเล็กเหมือนสายชาร์จโทรศัพท์ ช่องสำหรับเสียบอุปกรณ์เสริมเพื่อต่อสายแลน พอร์ต miniHDMI และยูเอสบี 3.0
ส่วนฝั่งขวามีเพียงพอร์ตยูเอสบี 2.0 ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และช่องเสียบไมโครเอสดีการ์ดสำหรับเพิ่มหน่วยความจำภายในเครื่อง ขณะที่ลำโพงสเตอริโอจะซ่อนอยู่บริเวณปลายเครื่องของทั้งสองฝั่ง
Performance And Benchmark
ในส่วนสเปกของ Samsung Series 9 จะใช้หน่วยประมวลผล Intel Core i5 2530UM ความเร็ว 1.4GHz (เมื่อเปิด Turbo Boost ความเร็วจะอยู่ที่ 2GHz) แต่ถ้าเปิดโหมดประหยัดพลังงานจะลดความเร็วซีพียูลงไปอยู่ที่ 800MHz ในส่วนของแคชระดับ L3 จะอยู่ที่ 3MB และในส่วนของคอร์ทำงานจะอยู่ที่ 2 คอร์ 4 Threads
ด้านหน่วยความจำทาง Samsung ใส่มาให้ 4GB 667MHz DDR3 ที่มีสล็อตให้ใส่เพิ่มอีก 3 รวมเป็นทั้งหมด 4 ช่อง และในส่วนของชิปเซ็ท Southbridge ที่ใช้จะเป็น Intel HM65
ขณะที่ตัวกราฟิกการ์ดใช้เป็นแบบออนบอร์ดที่เป็น Intel HD Graphics Family ที่ใช้ GPU GT2 บนสถาปัตยกรรม 45 nm และมีการแชร์แรมจากเครื่องไปช่วยประมวลผล
3DMark 06 คะแนนทดสอบที่ได้คือ 2,872 คะแนนบนความละเอียดหน้าจอ 1,280 x 768 พิกเซล โดยแบ่งเป็นคะแนน Shader Model 2 = 1,001 คะแนน, HDR/Shader Model 3 = 1,206 คะแนน ส่วนคะแนนประมวลผลซีพียูจะอยู่ที่ 1,498 คะแนน
PCMark 05 สามารถทำคะแนนรวมได้ที่ 6,801 คะแนน แบ่งเป็น CPU = 4,231 คะแนน Memory = 5,641 คะแนน Graphic = 3,929 คะแนน และ HDD = 31,882 คะแนน
PCMark Vantage สามารถทำคะแนนรวมได้ที่ 7,196 คะแนน แบ่งเป็น Memories Score = 4,189 คะแนน, TV and Movies Score = 3,329 คะแนน, Gaming Score = 5,369 คะแนน, Music Score = 8,039 คะแนน, Communications Score = 7,217 คะแนน, Productivity Score = 8,071 คะแนน และ HDD Score = 25,088 คะแนน
Cinebench R11.5 ในส่วนของการทดสอบด้วยการให้ซีพียูวาดภาพ 3 มิติผลคะแนนที่ได้คือ ในการใช้ซีพียูวาดคะแนนจะอยู่ที่ 1.28pts ส่วนกราฟิกแบบ OpenGL จะอยู่ที่ 6.52pts
HD Tach 3.0 มาที่การทดสอบฮาร์ดไดร์ฟ SSD Samsung MZ8PA256HMDR 256GB จะมีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 195.0 MB/s และความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลอยู่ที่ 0.1ms
HD Tune Pro 4.01 ได้คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 183.8 MB/s ต่ำสุดที่ 173.9 MB/s และสูงสุดที่ 209.4 MB/s และมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลอยู่ที่ 0.1ms เช่นเดียวกัน
x264 HD BENCHMARK 3.0 ในส่วนของการทดสอบการถอดรหัสไฟล์วิดีโอความละเอียด 720p จะได้ค่าดังต่อไปนี้
Windows 7 Score
Hyper Pi - 32M ทดสอบการคำนวณค่าพาย 32 ล้านครั้ง โดยผลการทดสอบที่แสดงออกมาจะใช้เวลาทั้งสิ้น 34.58 นาที (สำหรับค่าของคอร์แรก)
Battery Test สำหรับการทดสอบแบ็ตเตอรี่ทางทีมงานจะแบ่งเป็น 2 การทดสอบคืออันดับแรกจะเป็นการทดสอบโดยเปิดใช้งาน WiFi ปกติ ฟังเพลง พร้อมตั้งความสว่างหน้าจออยู่ที่ประมาณ 50% และเปิดเสียง 50% แบตเตอรีจะมีอายุการใช้งานต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งอยู่ที่ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
ส่วนเมื่อตั้งโปรไฟล์พลังงานไว้ที่ High Performance เปิดความสว่างหน้าจอสูงสุด เสียงดังสุด เล่นไฟล์ภาพยนตร์ความละเอียดสูงจะอยู่ที่ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
อุณหภูมิเฉลี่ยของการใช้งานหนักๆ ที่เปิดชมไฟล์ภาพยนตร์ความละเอียดสูงอุณหภูมิสูงสุดของซีพียูอยู่ที่ 71-72 องศาเซลเซียล ขณะที SSD มีความร้อนเพียง 24 องศาเซลเซียสเท่านั้น
Feature of Samsung Series 9
ชื่อของ AllShare น่าจะเป็นชื่อที่ผู้ใช้ซัมซุงเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น หลังจากที่ระบบ DLNA (Digital Living Network Alliance) เข้ามามีบทบาทในอุปกรณ์ไอทีมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถส่งผ่านคอนเทนต์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเพลง วิดีโอ รูปภาพ ไปยังจอภาพหรือเครื่องเล่นที่รองรับระบบดังกล่าว
โดยซัมซุงเลือกที่จะพัฒนาระบบ DLNA ขึ้นมาภายใต้ชื่อ AllShare และใช้งานทั้งในอุปกรณ์โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน และสมาร์ททีวี การใช้งานก็เพียงเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ามาไว้ในไวเลสวงเดียวกัน ตัวเครื่องจะทำการค้นหาและขึ้นเป็นตัวเลือกให้ได้เลือกใช้งานกัน
ซึ่งการจัดการภายในโปรแกรมก็ไม่ต่างจากโปรแกรมเล่นไฟล์มัลติมีเดียทั่วไป ที่มีการแบ่งประเทศไฟล์วิดีโอ ภาพ และเพลง แยกออกมาให้เลือกใช้งาน รวมถึงยังสามารถเข้าไปดูไฟล์จากอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่ออยู่ก็ได้เช่นเดียวกัน
Control Center คือตัวจัดการฟีเจอร์ต่างๆใน Series 9 เรียกใช้งานโดยการกดปุ่ม Fn + F1 ซึ่งภายในจะมีตัวจัดการไว-ไฟ บลูทูธ เปิดเซ็นเซอร์ปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ ไฟคีย์บอร์ด โหมดประหยัดพลังงาน โหมดเปิดเครื่องอย่างรวดเร็ว ที่จะตั้งให้เครื่องทำการ Sleep Mode แทนการ ShutDown เปิดใช้งานชาร์จเอเบิลยูเอสบี เพื่อให้เสียบชาร์จอุปกรณ์พกพาได้แม้ไม่เปิดเครื่อง และสุดท้ายโหมดปรับสีภาพยนตร์
Movie Color Enchancer เปิดฟีเจอร์ที่ช่วยปรับสีหน้าจอให้เหมาะสมกับการรับชมภาพยนตร์ให้มีสีสันสดใสสมจริงมากที่สุด แน่นอนว่าถ้าไม่ต้องการก็สามารถสั่งปิดการทำงานได้
Easy File Share เป็นระบบแชร์ไฟล์ที่ทางซัมซุงพัฒนาขึ้นมา เพื่อความรวดเร็วในการแชร์ไฟล์ไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ โดยจำลองให้โน้ตบุ๊กเป็น Host ให้เครื่องอื่นๆเข้ามาแชร์ไฟล์ในเครื่อง หรือเข้าไปใน Host อื่นจากภายในโปรแกรมเพื่อความรวดเร็วในการแชร์ไฟล์ผ่านไวเลส
บทสรุป
Samsung Series 9 น่าจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กบางเบา ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 ในสเปกที่เพียงพอต่อการใช้งานแทบทุกชนิด ยกเว้นการตัดต่อภาพยนตร์หนักๆ ที่หน่วยประมวลผลแบบประหยัดพลังงานไม่สามารถช่วยได้
นอกจากความบางแล้ว ถ้าใช้งานทั่วๆไป อีกสิ่งหนึ่งที่ตามมาคือระยะเวลาการใช้งานที่สามารถเปิดใช้เล่นอินเทอร์เน็ต ฟังเพลงได้ยาว 5 - 7 ชั่วโมง ทำให้ไม่จำเป็นต้องพกที่ชาร์จออกไปในกรณีใช้งานระหว่างวัน แต่ถึงกระนั้นขนาดของที่ชาร์จเองก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย
แน่นอนว่า Series 9 คงถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Macbook Air อยู่แล้วในหลายๆด้าน ดังนั้นก็ถือเป็นทางเลือกของผู้ใช้ในการตัดสินใจเลือกระหว่าง ระบบปฏิบัติการที่ใช้ สามารถที่จะเข้ากันได้กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ส่วนความบาง สเปก และราคา คงกลายเป็นเรื่องรองลงมา
สำหรับ Samsung Series 9 รุ่น 13.3 นิ้ว ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 50,900 บาท
ขอชม
- ดีไซน์สวย บาง เบา ใช้วัสดุเดียวกับกระสวยอวกาศ
- ใช้หน่วยเก็บข้อมูลแบบ SSD ให้ความเร็วในการใช้งานสูง
- รองรับการเชื่อมต่อ HDMI 1080p
- รองรับการใช้งาน AllShare (DLNA) ร่วมกับอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ
- มีไฟส่องใต้คีย์บอร์ดช่วยให้ใช้งานเวลากลางคืน
ขอติ
- มีพอร์ตยูเอสบี เพียง 2 พอร์ต
- ราคาค่อนข้างสูง