แบล็กเบอรี Bold 9700 อาจจะถือได้ว่าเป็นเครื่องที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานเครื่องรุ่นเดิมอย่าง Bold 9000 และ Curve 8900 ที่นำจุดเด่นที่ผู้บริโภคเรียกร้องมารวมกันไว้ในเครื่องรุ่นนี้ ซึ่งแทบไม่มีการพัฒนาในส่วนของฟีเจอร์ภายในเท่าใดนัก เพราะเรียกได้ว่านำ 2 ตัวมารวมกันก็ครบเครื่องอยู่แล้ว
ผู้ที่เคยใช้ Bold 9000 หลายคนจะมองว่าตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ทำให้พกพาไม่สะดวก รวมไปถึงกล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลชซึ่งคุณภาพไม่ค่อยดีนัก แต่ในเรื่องการเชื่อมต่อและฟีเจอร์อย่างอื่นถือว่าครบครันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อ 3G Wi-Fi GPS บลูทูธ ตามปกติของสมาร์ทโฟน
ในขณะที่ผู้ที่ใช้ Curve 8900 ที่มีจุดเด่นที่ตัวเครื่องขนาดเล็กพกพาสะดวก กล้อง 3.2 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช แต่ยังไม่รองรับการเชื่อมต่อ 3G ดังนั้นเมื่อนำเครื่องทั้ง 2 รุ่นมาผสานกัน Bold 9700 จึงถือเป็นเครื่องที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการสมาร์ทโฟนครบๆในเครื่องเดียวนั้นเอง
Feature On Blackberry Bold 9700
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ระบบปฏิบัติการในแต่ละรุ่นของแบล็กเบอรีนั้น ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ดังนั้นจุดเด่นในเรื่องของการรับส่งอีเมล แชต และการเข้าใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ จึงยังเป็นจุดเด่นของแบล็กเบอรีในประเทศไทย อยู่เช่นเดิม
โดยเครื่องที่ได้รับมาทดลองใช้งานนี้ ได้ทำการอัปเกรดเฟิร์มแวร์เป็น 9700 EastAsia เวอร์ชัน 5.1.0.116 (423) ซึ่งรองรับการใช้งานภาษาไทยแล้ว แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันได้มีเฟิร์มแวร์รุ่นที่ใหม่กว่านี้ออกมาให้ดาวน์โหลดเพื่อใช้งานแล้ว ผู้ใช้ท่านใดสนใจก็สามารถหาดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ผู้ให้บริการของท่าน
หน้าจอหลักที่เห็นๆ กันเวลาใช้งาน นอกจากนาฬิกาที่เป็นภาพพักหน้าจอแล้ว ก็คือหน้าจอตามสไตล์เดิมคือ ในแถวบนจะมีบอกสถานะแบตเตอรี โปรไฟล์ที่ใช้ จำนวนข้อความ-อีเมลที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน ส่วนกลางแถบบนมีบอกเครือข่ายที่ใช้งาน เวลา วัน เดือน ปี ส่วนมุมขวาบอกถึงลักษณะการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็น EDGE Wi-Fi และ บลูทูธ
แถบล่างคือช็อตคัทเมนู 6 เมนูที่ผู้ใช้สามารถเลื่อนเปลี่ยนได้จากหน้าจอเมนูแบบปกติ โดยเมื่อกดเข้ามาในหน้าจอเมนูหลัก สามารถกดเพื่อเลือกคำสั่ง Move ที่หน้าจอจะมีโฟลเดอร์ขึ้นมาให้เลือกว่าจะ เลื่อนไปที่โฟลเดอร์ตามต้องการ หลังจากนั้นก้สามารถที่จะเลื่อนตำแหน่งแอปฯ ต่างๆ ได้ทันที
ซึ่งตามหลักแล้วโฟลเดอร์ที่มากับเครื่องจะประกอบไปด้วย Media ที่เป็นแอปฯเกี่ยวกับมัลติมีเดียทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น เครื่องเล่นเพลง วิดีโอ ดูรูปภาพ เสียงเรียกเข้า บันทึกเสียง ถ่ายวิดีโอ และอัดเสียง ในส่วนของ Instant Messaging นอกจาก Yahoo และ Google Talk แล้วก็ประกอบด้วยพวก MSN และ BlackBerry Messenger นั่นเอง เพียงแต่ในรูปได้ทำการย้าย 2 แอปฯ หลังออกไปไว้ด้านนอกทำให้ไม่ขึ้นโชว์ในนี้
Applications ที่มากับเครื่องก็จะเป็นพวก สมุดจดบันทึก เครื่องคิดเลข โปรแกรมอ่านไฟล์เอกสาร Word Excel PowerPoint ตัวจัดการไฟล์ ตั้งค่าโทรฯด้วยเสียง และ แอปฯสำหรับแบคอับข้อความสั้น ถัดมาในส่วน Download คือส่วนของแอปฯที่ผู้ใช้งานหาดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นจากเว็บไซต์ปกติ หรือ BlackBerry App World ก็ตาม
โฟลเดอร์ Games เป็นที่อยู่ของเกมที่มีมาให้พร้อมกับเฟิร์มแวร์ ซึ่งแน่นอนว่าสามารถหาดาวนโหลดเพิ่มได้ สุดท้ายคือส่วนของ Setup ที่มีไว้ช่วยสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งใช้งานเป็นครั้งแรกในการตั้งค่าการเชื่อมต่อ ตั้งค่าอีเมล และบลูทูธนั่นเอง
ในส่วนของโปรไฟล์เสียง มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 7 แบบ คือ เสียงปกติ เสียงดัง เสียงปานกลาง สั่นอย่างเดียว ปิดเสียง เฉพาะเสียงโทรศัพท์ และ ปิดการแจ้งเตือนทั้งหมด นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปตั้งเสียงเฉพาะสำหรับรายชื่อผู้ติดต่อนี้โดยเฉพาะได้อีกด้วย
ต่อมาเรื่องของการตั้งค่าการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็น เปิดการเชื่อมต่อทั้งหมด เลือกเปิดเฉพาะอย่างโทรศัพท์ Wi-Fi และบลูทูธ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปตั้งค่าการใช้งานในส่วนของ Data Services ให้มีการเชื่อมต่อหรือไม่ เลือกรูปแบบเครือข่ายที่ใช้งาน 3G หรือ 2G เนื่องจากในเครื่องรุ่นนี้รองรับ 3G นั่นเอง การใช้งาน Wi-Fi สามารถเลือกจุดเชื่อมต่อกรอกรหัสเพื่อเข้าใช้งานได้แบบง่ายๆ เช่นเดียวกัน
เมื่อกดปุ่มตัวเลขในหน้าจอปกติ ถือเป็นการเข้าสู่โหมดโทรศัพท์ในทันที โดยในหน้าจอนี้ยังสามารถใช้ในการค้นหารายชื่อผู้ติดต่อในเครื่องได้อีกด้วย ขณะที่หน้าจอโทรศัพท์ขณะสนทนา จะมีหมายเลขโทรศัพท์ ชื่อผู้ติดต่อขึ้นอยู่ รวมถึงความดังของลำโพงสนทนาในขณะนั้น นอกจากนี้ยังมีการแสดงแถบสถานะที่เปลี่ยจากด้านบนในหน้าจอหลักมาอยู่ด้านหลังในหน้าจอดังกล่าว
มาถึงจุดเด่นสำคัญคือระบบ Push Mail ที่ช่วยให้นักธุรกิจ สามารถเข้าถึงและใช้งานอีเมลต่างๆได้แบบทันทีทันใด ซึ่งด้วยความที่หน้าตาการใช้งานเป็นแบบเรียบง่าย ทำให้สามารถเข้าถึงอีเมลต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน ยังสามารถใช้เพื่อ ตอบกลับ ส่งต่อ โพสเข้าเฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ ฯลฯ ได้อีกด้วย
ส่วนกรณีที่เป็นอีเมลที่มีไฟล์แนบ ก็สามารถกดเข้าไปเพื่อเลือกโหลดไฟล์แนบเฉพาะที่ต้องการได้อีกด้วย ที่สำคัญคือตัวเครื่องเอง ก็รองรับการใช้งานไฟล์เอกสารที่ส่วนใหญ่ใช้กันอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาในการอ่านไฟล์งานต่างๆ นอกสถานที่ทำงาน
BlackBerry Messenger หรือ BBM ที่เป็นจุดขายสำคัญของแบล็กเบอรีในบ้านเรานั้น ถ้ามองเผินๆ ก็ไม่แตกต่างจากโปรแกรมแชตทั่วไป เพียงแต่ปรับเปลี่ยจากการแอดอีเมล มาเป็นแอดพินของเครื่องแทน ซึ่งในการแอดพินก็ทำได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ใส่ปกต สแกนในรูปแบบ QRcode หรือส่งข้อความสั้ยไปให้อีกเครื่องหนึ่ง
นอกจากนี้คือการที่โปรแกรมแชต สามารถออนไลน์ได้ตลอดเวลาจากการเปิดใช้งาน BIS ในหลายๆรูปแบบที่มีในปัจจุบัน ซึ่งด้วยความสามารถตรงนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถแชตได้ตลอดเวลาที่เปิดเครื่องนั่นเอง หน้าตาโปรแกรมการใช้งานก็เหมือนกับโปรแกรมแชตทั่วๆไป
โดยนอกจากการสนทนาแบบ text ทั่วไปแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถส่งข้อความเสียง หรือ ส่งที่อยู่จากระบบระบุพิกัด GPS ส่งรูป ส่งไฟล์ ผ่าน BBM ได้ทันที จึงทำให้ได้รับความนิยม อย่างมากมายในปัจจุบันนี้ แต่ถึงกระนั้นปัจจุบันเริ่มมีแอปฯ อื่นที่ทำได้ลักษณะคล้ายกันขึ้นมาแล้วเช่น Palringo ที่สามารถใช้ได้บนทุกแพลตฟอร์ม (ปัจจุบันยังไม่สามารถใช้กับ FW เวอร์ชัน 5 ของ BB ได้)
ถัดมาในส่วนของเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง "เฟสบุ๊ก" ที่มีแอปฯเฉพาะสำหรับใช้งาน โดยหน้าตาคล้ายๆ กับการใช้งานแบบปกติ มีการแบ่งสัดส่วนชัดเจน ไล่ตั้งแต่หน้าแรกที่ดึงฟีดทั้งหมดมาแสดง รวมไปถึงควิสต่างๆ ด้วย ต่อมาเป็น หน้าการแจ้งเตือน อัปโหลดรูปภาพ
รายชื่อเพื่อนทั้งหมด ในกรณีที่มีเบอร์โทรศัพท์ สามารถสั่งโทรฯได้ทันที หน้าจอเพิ่มเพื่อน โพสต์ข้อความไปที่กระดานข้อความ และส่งข้อความให้กับเพื่อน โดยการทำงานของเฟสบุ๊กจะผูกเข้ากับอีเมล ที่ผู้ใช้ลงทะเบียนไว้ในการส่งอีเมลแจ้งเตือนสถานะต่างๆ ดังนั้นการที่ผู้ใช้แบล็กเบอรี รับรู้ว่ามีคนมาโพสต์ข้อความ ก็มาจากการแจ้งเตือนในอีเมลนั่นเอง
สุดท้ายคือแอปฯ สำหรับชาวทวิตเตอร์อย่าง "UberTwitter" ที่ผู้ใช้แบล็กเบอรีส่วนใหญ่ชื่นชอบกัน เนื่องมาจากผู้ใช้สามารถตั้งค่าให้มีการอัปเดทข้อความต่างๆได้ รวมไปถึงเมื่อมีข้อความเข้ามา สามารถตอบกลับ ส่งข้อความถึงคนที่ทวิต รีทวิต ได้ทันที
นอกจากนี้แอปฯ ดังกล่าวยังได้ทำการผูกเข้ากับโปรแกรมแจ้งเตือนของแบล็กเบอรี ทำให้ผู้ใช้สามารถรับรู้ได้ว่ามีข้อความใหม่ๆ ให้เข้าไปตามอ่านกัน ดังนั้นผู้ที่มีแบล็กเบอรีและใช้งานทวิตเตอร์อยู่แล้วจึงไม่ควรพลาดแอปฯดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโปรแกรมไม่ได้มีติดมาในเครื่องผู้ใช้จึงจำเป็นต้องไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ ubertwitter
Design of Blackberry Bold 9700
เรื่องของหน้าตา คงไม่ต้องบอกกันมาว่าเป็นอย่างไร เพราะคนทั่วไปเพียงมองผ่านๆ เห็นคีย์บอร์ดแบบเม็ดข้าวโพดเรียงกันเป็นแถวๆ ก็เป็นที่รู้กันว่าเครื่องนี้มันแบล็กเบอรี แต่จุดที่น่าสนใจในเครื่องรุ่นนี้คือเปลี่ยนแปลงความเป็น Bold จากเดิมที่มีขนาดใหญ่ลงมาใกล้เคียงกับ Curve 8900 เป็นอย่างมาก โดยมีขนาดรอบตัวอยู่ที่ 109 x 60 x 14.1 มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 122 กรัม
นอกจากนี้ด้วยดีไซน์ที่ใกล้เคียงกันคือมีขอบสีเงินตัดรอบตัวยิ่งทำให้ ความรู้สึกแทบไม่ต่างกจากเดิมมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของแบล็กเบอรีอยู่ดี ทั้งนี้ความรู้สึกที่ได้สัมผัสต้องยอมรับว่าการประกอบเครื่องและวัสดุ ถือว่าดีกว่า Cruve 8520 สมกับราคาที่แพงกว่าด้วยเช่นเดียวกัน
ทีนี้มาไล่กันที่ละส่วนเริ่มกันจาก ด้านหน้า - ขอบบนมีลักษณะเป็นแนวโค้งตัดลงไปด้านบน ทำให้ตัวเครื่องดูโค้งมนมีมิติ ตรงกลางเป็นที่อยู่ของลำโพงสนทนาวางพาดเป็นตะแกรงแนวยาวอยู่ เยื้องมาทางขวาเล็กน้อยมีไฟแสดงสถานะ และตรวจจับความสว่างหน้าจอ ลงมาอีกแถวหนึ่งตรงกลางมีโลโก้และตรา "BlackBerry" ติดอยู่
ส่วนขนาดหน้าจออยู่ที่ 2.44 นิ้ว ความละเอียด 480 x 360 พิกเซล ซึ่งถือว่ามีการแสดงผลชัดเจนสวยงาม ถัดลงมาเป็นที่อยู่ของปุ่มควบคุมแนวเดียวกับในรุ่น Curve 8520 ที่ประกอบไปด้วยปุ่มโทรฯออก ปุ่มเมนู แทร็กแพด ปุ่มย้อนกลับ และปุ่มวางสาย
ถัดลงมาในส่วนของคีย์บอร์ด เนื่องจากเครื่องที่ได้มาทดสอบนั้นยังไม่มีการสกรีนภาษาไทย แต่ทางทีมงานก็ได้ภาพล่าสุดมาให้ผู้อ่านได้เห็นกันชัดๆว่า เครื่องที่วางจำหน่ายผ่านโอเปอเรเตอร์อย่างเป็นทางการมีเลย์เอาท์คีย์บอร์ดภาษาไทยอย่างไร
ซึ่งในแง่ของการใช้งาน เนื่องจากปุ่มคีย์บอร์ดมีลักษณะติดกันเป็นแนวทั้งหมด ไม่ได้เว้นช่องไฟเช่นเดียวกับในรุ่น Curve 8520 ก่อนหน้านี้ ทำให้ในการพิมพ์ให้ความรู้สึก ไม่ค่อยชินเล็กน้อย จากการที่แป้นคีย์บอร์ดติดกันเป็นพรืด แต่หลังจากใช้งานได้สักระยะหนึ่ง เมื่อนิ้วคุ้นชินแล้วการใช้งานก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
พลิกมาดูกันที่ด้านหลัง - เครื่องรุ่นนี้บริเวณพื้นผิวด้านหลังมีการใส่ลูกเล่น ลวดลายพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นแถบเงินในส่วนบน ถัดลงมานิดนึงเป็นแถบพลาสติกคุณภาพสูงเช่นเดียวกับตัวเครื่อง โดยมี กล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซลอยู่ทางซ้าย ตรงกลางมีตัวอักษรบอกชื่อรุ่น "Bold" ทางขวามีแฟลช LED ติดอยู่ ในส่วนของฝาหลัง ที่ทำจากพลาสติก ผสมกับแผ่นหนังอยู่ตรงกลางเพิ่มความหรูหราด้วยสัญลักษณ์แบล็กเบอรีสีเงิน ฝาหลังสามารถเปิดออกได้โดยการเลื่อนลงข้างล่าง
เมื่อเปิดฝาหลังออกมาจะพบกับแบตเตอรี Li-ion ขนาด 1,500 mAh ใต้แบตฯ มีช่องใส่ซิมการ์ดอยู่บริเวณกลางเครื่อง ส่วนช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ดจะอยู่บริเวณบนใกล้ๆ กับตัวอักษร "Bold" ซึ่งลักษณะการใส่จะเป็นแบบเฉียงประมาณ 45 องศาลงไปในตัวเครื่อง
ด้านซ้าย - ไล่จากส่วนบน มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. พอร์ตไมโครยูเอสบีสำหรับเชื่อมต่อกับพีซีและเสียบชาร์จ ปุ่มสำหรับใช้งานคำสั่งเสียง (สามารถตั้งเปลี่ยนได้) และรูร้อยสายคล้องโทรศัพท์ ด้านขวา - มีปุ่มปรับระดับเสียง และ ปุ่มลัดสำหรับเข้าโหมดกล้อง และเป็นชัตเตอร์ 2 จังหวะด้วย
ด้านบน - มีปุ่มสำหรับล็อกเครื่อง และปุ่มคำสั่งปิดเสียง (กดค้างสำหรับเข้าสู่สแตนบายโหมด) ด้านล่าง - มีช่องไมโครโฟนสนทนาเท่านั้น
บทสรุป
ต้องยอมรับกันว่าแบล็กเบอรี Bold 9700 ถือว่าเป็นเครื่องที่ทางอาร์ไอเอ็ม ผลิตออกมาเพื่อผู้บริโภคอย่างจริงจัง เนื่องมาจาก มาตรฐานการพัฒนาของอาร์ไอเอ็ม นั้นคือรับฟังเสียงผู้บริโภค ซึ่งคงจะได้ฟีดแบคจากผู้ใช้งานในรุ่น Bold 9000 และ Curve 8900 มาพอสมควร จึงทำให้ออกมาเป็น Bold 9700 ในทุกวันนี้
ด้วยความสามารถที่ไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่มีดีไซน์ที่เล็กกระทัดรัดกว่า Bold 9000 ทำให้เครื่องรุ่นนี้สามารถเข้ามาเจาะกลุ่มผู้ใช้งานได้ทุกเพศทุกวัย รวมไปถึงกลุ่มผู้ใช้งาน Curve 8900 เองก็ตาม ที่หันมาใช้งานก็เป็นเพราะมีฟีเจอร์ และฟังก์ชันบางอย่างเพิ่มเข้ามา
การรองรับการเชื่อมต่อ 3G ในคลื่นความถี่ 800/850/1900/2100 MHz รวมกับ Wi-Fi บลูทูธ และ GPS ถือว่าเครื่องรุ่นนี้ให้การเชื่อมต่อที่ครบครันเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แม้ว่าจะยังไม่สามารถใช้งาน 3G ผ่าน BIS ในบ้านเราได้ก็ตาม
ด้านมัลติมีเดียมีจุดที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับรุ่น Bold 9000 คือเรื่องของกล้องที่เพิ่มมาเป็น 3.2 ล้านพิกเซล ที่ให้ภาพคมชัดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ค่อนข้างจะชอบกัน เนื่องจากสามารถถ่ายรูปและอัปขึ้นเฟสบุ๊กได้ทันที นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ช่วยให้สามารถใช้ฟังเพลง ดูคลิปวิดีโอได้สะดวกยิ่งขึ้น
ในเรื่องของเสียงสนทนา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เสียงไม่เบาจนเกินไป แต่ที่ชอบคือเรื่องของเวลาการใช้งาน แม้ว่าจะมีการใช้เพื่อแชต หรือรับ-ส่ง อีเมลค่อนข้างบ่อย ก็สามารถใช้งานได้ 2-3 วันสบายๆ ไม่ต้องคอยกังวล ว่าแแบตฯจะหมดระหว่างวันเหมือนในเครื่องรุ่นก่อนหน้านี้
ทิ้งท้ายไว้นิดนึงว่าการใช้งานแบล็กเบอรีนั้น จำเป็นที่จะต้องเปิดใช้งาน BIS ไปด้วย เพื่อให้ตัวเครื่องสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นถ้าผู้ใช้สามารถที่จะจ่ายค่าบริการในส่วนดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นแพคเกจ 300 - 350 หรือ 650 ก็ถือว่าซื้อแบล็กเบอรีมาใช้แบบไม่เสียหาย
ขอชม
- มีการพัฒนาตัวเครื่องให้เข้าถึงผู้บริโภคในทุกกลุ่มมากขึ้น เช่น ตัวเครื่องขนาดเล็ก กล้องความละเอียดมากขึ้น
- ระบบปฏิบัติการของแบล็กเบอรี ที่ทำออกมาค่อนข้างครบ ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย
- แบตเตอรีอึดมาก เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้
ขอติ
- ด้วยความที่หน้าจอมีขนาดเล็ก และข้อจำกัดของเบราว์เซอร์ ทำให้การท่องเน็ตยังสู่สมาร์ทโฟนคู่แข่งไม่ได้
- ไม่มีกล้องวิดีโอคอล
- ฟีเจอร์อย่าง วิทยุ FM TV-Out Accelerometer และเข็มทิศดิจิตอล ไม่ได้ถูกใส่มาด้วย
Company Related Links :
BlackBerry