ช่วงเวลานี้คงไม่ยอมรับไม่ได้แล้วว่า การปลุกกระแสแบล็กเบอรีที่เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายมาอยู่ในแมสมาร์เก็ตนั้น ถือว่าเป็นความสำเร็จของ RIM เป็นอย่างมาก และยิ่งการเข้ามาวางจำหน่ายของ Curve 8520 ยิ่งทำให้ผู้บริโภคที่มีงบอยู่ในจำนวนจำกัด ได้มองหาเป็นทางเลือกมากขึ้นในช่วงราคาเริ่มต้นที่ 9,999 บาท เท่านั้นเอง
แน่นอนว่าจุดเด่นหลักๆของแบล็กเบอรี่ไม่ว่าจะเป็นระบบอีเมลแบบผลักที่ใช้งานได้ดีในหมู่นักธุรกิจ ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นบริการแชตและการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อดึงดูดผู้ใช้ในกลุ่มวัยรุ่น เรียกได้ว่าเป็นการปรับเปลี่ยนถูกที่ถูกเวลาจริงๆ สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จักว่าแบล็กเบอรีคืออะไรลองกลับไปอ่านได้ที่ "ไข 6 ข้อสงสัยก่อนใช้มือถือแบล็กเบอรี"
เนื่องจากเครื่องรุ่นนี้อยู่ในตระกูล Curve จึงทำให้เครื่องรุ่นนี้โดนนำไปเปรียบเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Curve 8900 ซึ่งมีภาษีดีกว่าในด้านของวัสดุการประกอบที่เป็นอะลูมิเนียม รวมไปถึงกล้อง 3.2 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช
แต่ด้วยราคาที่ถูกลงของ Curve 8520 ทำให้วัสดุที่ใช้ถูกลดต้นทุนลงมาเป็นพลาสติกคุณภาพสูงเคลือบยางบริเวณรอบเครื่อง ความละเอียดของกล้องถูกลดลงมาเหลือ 2 ล้านพิกเซล แต่ที่เห็นจะดูดีขึ้นก็คือปุ่มควบคุมทิศทาง ที่กลายเป็นออปติคัลแทร็กแพดแทนแทร็กบอลในรุ่นเดิม
Feature On Blackberry Curve 8520
หน้าจอหลักของเครื่องรุ่นนี้ ยังคงจุดเด่นที่ความง่ายต่อการเรียกใช้งาน พร้อมแสดงสถานะต่างๆ บนหน้าจอหลักตามสไตล์ของแบล็กเบอรี ไล่จากมุมซ้ายบน คือ สถานะแบตเตอรี ส่วนรูปลำโพงแสดงโปรไฟล์ต่างๆ ถัดมาแถวกลางส่วนบนประกอบไปด้วยเครือข่ายที่ใช้ จำนวนอีเมลที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน (กรณีมีข้อความใหม่จะแสดงดอกจันสีแดง) และส่วนแสดงเวลา วัน เดือน วันที่
ส่วนมุมขวาแสดงสถานะการเชื่อมต่อต่างๆไม่ว่าจะเป็น EDGE บลูทูธ และ ไวไฟ ส่วนเมนูลัดด้านล่าง ที่แสดงบนหน้าจอทั้ง 6 แอปฯนั้น ผู้ใช้สามารถเลือกแอปฯที่ใช้งานบ่อยๆ อย่างเช่น อีเมล BBM MSN ขึ้นมาไว้เป็นเมนูลัดได้เช่นเดียวกัน
โปรไฟล์การใช้งานที่มีมาให้ในเครื่องประกอบไปด้วย เสียงดัง สั่น ปิดเสียง ปกติ และเปิดเสียงโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว ซึ่งในจุดนี้ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งค่าเสียง ความดังต่างๆได้ด้วยตนเอง ส่วนการจัดการการเชื่อมต่อต่างๆ สามารถสั่งเปิด-ปิดได้จากเมนูคำสั่งแรก หรือเลือกเปิดใช้งานเฉพาะได้เช่นเดียวกัน
ในหน้าจอเมนูหลักประกอบไปด้วย ข้อความ เบราว์เซอร์ แผนที่ รายชื่อผู้ติดต่อ ตารางนัดหมาย มีเดีย นาฬิกา กล้อง แอปพลิเคชัน เกม และโฟลเดอร์สำหรับแอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดมาใช้งาน ทั้งนี้ ในส่วนของเมนู ผู้ใช้สามารถขยับไอคอนต่างๆให้ออกมาอยู่ด้านนอก หรือย้ายไปใส่ไว้ในโฟลเดอร์ไหนก็ได้ตามความสะดวกของผู้ใช้งานอยู่ดี
จากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น ทำให้เครื่องรุ่นนี้ถูกดึงจุดเด่นออกมาในเรื่องของการแชต และการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตามความสามารถในด้านการใช้งานอีเมลแบบผลัก รวมไปถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ต และมัลติมีเดียต่างๆก็ยังมีอยู่อย่างครบครัน ตามประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนทั่วไปในตลาด
แต่ทั้งนี้ความสามารถเด่นๆของการใช้งานไม่ว่าจะเป็น แชต อีเมล์ เว็บเบราวเซอร์ จำเป็นต้องใช้งานควบคู่ไปกับการเปิดบริการแบล็กเบอรี เซอร์วิส กับทางผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือภายในประเทศนั้นๆ
มองแล้วจุดประสงค์หลักสำหรับวัยรุ่นที่ซื้อแบล็กเบอรีมาใช้คงหนีไม่พ้นการใช้งาน BBM (BlackBerry Messenger) ถ้ามองแบบเปิดกว้างมันก็คือแอปพลิเคชันที่คล้ายคลึงกับ MSN เพียงแต่ใช้ความสามารถในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของแบล็กเบอรี เซอร์วิส มาใช้งานนั้นเอง สำหรับผู้ที่ยังสงสัยว่า BBM คืออะไร สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ที่ "Review : BlackBerry Storm ไม่พายุสมชื่อ"
ปัญหาที่พบในขณะนี้คือ ในเมื่อการใช้งานบริการดังกล่าวมีมากขึ้น แต่ขนาดและความเร็วในการเชื่อมต่อของเครือข่ายยังเท่าเดิม ไม่ได้มีการขยายเพิ่ม ทำให้เกิดอาการดีเลย์ ในการรับ-ส่งทั้งข้อความและอีเมล์ ในกรณีที่อยู่ในพื้นที่ในเมือง หรือ สถานที่ ที่มีผู้ใช้แบล็กเบอรีจำนวนมาก
นอกจากความสามารถในการแชตแล้ว อีกหนึ่งความสามารถที่กำลังได้รับความนิยมคงหนีไปพ้นแอปฯสำหรับเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟสบุ๊ก ที่ผู้ใช้สามารถนำการแจ้งเตือนผ่านอีเมล มาใช้ควบคู่ไปกับการแจ้งเตือนของการอัปเดตข้อความต่างๆบนเฟสบุ๊ก ทำให้ไม่พลาดข้อความสำคัญใดๆในเครือข่ายสังคมออนไลน์นั่นเอง
แอปฯเฟสบุ๊กในปัจจุบันที่สามารถใช้ควบคู่ไปกับการถ่ายรูปเพื่ออัปโหลดภาพขึ้นไปบนเฟสบุ๊กพร้อมระบุรายชื่อของบุคคลในรูปภาพ (Tag) ที่ปัจจุบันสามารถทำได้เฉพาะบนเฟสบุ๊กสำหรับแบล็กเบอรีเท่านั้น ส่วนการใช้งานในแง่อื่นๆอย่าง โต้ตอบข้อความบนกระดาน ส่งข้อความหาเพื่อนในเครือข่าย สามารถใช้งานได้ตามปกติ
ส่วนของมัลติมีเดีย เริ่มกันจากโปรแกรมเล่นเพลง หน้าจอขณะเล่นแสดงรายละเอียดชื่อเพลง ชื่อนักร้องตามปกติ ซึ่งถ้ามีไฟล์ภาพปกของอัลบั้มก็จะมีการแสดงในส่วนนี้ด้วย ในส่วนของแถบควบคุมมัลติมีเดียว ไล่จากซ้ายประกอบไปด้วย การเปิดเล่นวน เล่นสุ่ม ย้อนกลับ เล่น หยุด ถัดไป สุดท้ายคือความดังของเสียง การจัดการเพลงแบ่งออกตามมาตรฐานทั่วไป คือมีให้เลือกทั้งหมด รายชื่อศิลปิน ชื่ออัลบั้ม แนวเพลง เพลย์ลิสต์ที่เลือกไว้ และสุ่มเลือกเพลง
สำหรับเมนูกล้องมีให้เลือกถ่ายภาพนิ่งกับวิดีโอ โดยภายในส่วนของตั้งค่าประกอบไปด้วยการปรับ White Balance ตั้งขนาดรูปภาพสูงสุดที่ 2 ล้านพิกเซล (1600 x 1200) คุณภาพของรูป ใส่เอฟเฟกต์ และเลือกสถานที่เก็บภาพไว้ในเครื่องหรือเมมโมรีการ์ด
และด้วยความที่เครื่องทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ทำให้สามารถเปิดใช้งาน Google Latitude ในการแสดงสถานที่บนแผนที่ของกูเกิล ซึ่งในกรณีที่มีเพื่อนๆ ใช้บริการดังกล่าวอยู่ก็สามารถแสดงตำแหน่งบนแผนที่ได้เช่นเดียวกัน ส่วนการนำทางสามารถใช้งานได้ตามปกติ
หน้าจอโทรศัพท์เมื่อกดปุ่มตัวเลขแสดงผลขนาดใหญ่ ซึ่งกรณีที่มีรายชื่อผู้ติดต่อตัวเครื่องจะแสดงรายชื่อหมายเลขโทรศัพท์ที่ตรงกับหมายเลขเบื้องต้น ช่วยในการค้นหารายชื่อผู้ติดต่อได้ง่ายขึ้น ส่วนหน้าจอขณะสนทนามีความเรียบง่าย แสดงเวลาที่ใช้สาย และระดับความดังของเสียง ส่วนที่เหลือคือแถบเดียวกับหน้าจอหลัก
ในส่วนของแอปพลิเคชันที่มากับเครื่องประกอบไปด้วยสมุดจด บันทึกช่วยจำ เครื่องคิดเลข โปรแกรมอ่านเอกสาร Word Excel PowerPoint กล้องวิดีโอ เครื่องบันทึกเสียง ระบบควบคุมด้วยเสียง แอปฯสำหรับเก็บรหัสผ่าน บันทึกข้อความสั้น และ Certificate ต่างๆ หน้าจอการตั้งค่า มีตัวช่วยในการตั้งค่าตั้งแต่ระบบโทรศัพท์ทั่วไป การเชื่อมต่อไวไฟ ตั้งค่าอีเมล และตั้งค่าบลูทูธ
การตั้งค่าของเครื่องแม้รูปแบบเมนูจะไม่สวยงามน่าใช้เหมือนโทรศัพท์รุ่นอื่นๆในตลาด แต่ก็ต้องบอกว่ามีมาให้ตั้งค่าในแทบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น Auto Text ช่วยเพิ่มความเร็วในการพิมพ์ข้อความ ตั้งค่าบลูทูธ วันเวลา ภาษา การจัดการหน่วยความจำ ตั้งค่า MMS จัดการเครือข่าย
ใส่ค่าผู้ใช้ รหัสผ่าน โปรไฟล์เครื่อง ตั้งค่าหน้าจอคีย์บอร์ด การจัดการด้านความปลอดภัย ตั้งค่าข้อความสั้น ระบบช่วยสะกดคำ ดูสถานะของเครื่อง เปลี่ยนธีม ตั้งค่าโทรฯด้วยเสียง และการจัดการเชื่อมต่อ
Design of Blackberry Curve 8520
ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเรื่องของคีย์บอร์ด QWERTY ของแบล็กเบอรียังถูกนำมาเป็นดีไซน์หลัก ตัวเครื่องในตระกูล Cruve มีขนาดเล็กเหมาะมือโดยขนาดอยู่ที่ 109 x 60 x 13.9 มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 106 กรัม
ด้านหน้าตั้งแต่ขอบบนลงมาจะพบกับ ช่องลำโพงสนทนาอยู่กึ่งกลางชิดกับขอบบน เยื้องมาทางด้านขวาเป็นเซ็นเซอร์วัดระดับแสง ช่วยปรับความสว่างของหน้าจอในการใช้งาน และไฟแสดงสถานะต่างๆ ถัดลงมาเป็นตรา "BlackBerry" สีขาววางพาดอยู่กึ่งกลาง หน้าจอของเครื่องรุ่นนี้เป็น TFT LCD ขนาด 2.46 นิ้ว ความละเอียด 320 x 240 พิกเซล 65,000 สี ซึ่งขนาดเล็กกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย
ถัดลงมาเป็นปุ่มควบคุมไล่จากด้านซ้ายประกอบไปด้วย ปุ่มรับสาย ปุ่มเรียกเมนู ออพติคัลแทร็กแพดควบคุมการทำงาน ปุ่มย้อนกลับ และปุ่มวางสาย (กดค้างเพื่อปิดเครื่อง) ซึ่งการเปลี่ยนมาเป็นออปติคัลแทร็กแพดนี้ ช่วยให้ควบคุมการใช้งานได้แม่นยำขึ้นมากกว่าแทร็กบอลอย่างเห็นได้ชัด
ในส่วนของปุ่มคีย์บอร์ด QWERTY ถูกออกแบบมาให้คล้ายกับในรุ่นพี่อย่าง Curve 8900 ซึ่งมีการเว้นช่องไฟระหว่างปุ่ม ช่วยให้พิมพ์ใช้งานได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม การที่ขนาดของเครื่องเล็กลงทำให้ขนาดของปุ่มถูกจำกดลงไปด้วย (เครื่องที่ได้รับมาทดสอบ คีย์บอร์ดยังไม่มีการสกรีนภาษาไทย แต่เครื่องที่นำมาจำหน่ายมีการสกรีนภาษาไทยแน่นอน)
ด้านหลัง ไล่จากด้านบนจะพบกล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซลอยู่มุมซ้ายบน ตรงกลางมีการสลัก "Curve" บอกรุ่นของเครื่อง ถัดลงมาช่วงกลางเป็นฝาหลังทำจากอะลูมิเนียม ซึ่งมีสัญลักษณ์ของแบล็กเบอรีติดอยู่
การแกะฝาหลังทำได้โดยการงัดจากส่วนล่างที่มีช่องสำหรับงัดฝาหลังออกมา เมื่องัดออกมาจะพบกับแบตเตอรี Li-ion ขนาด 1150 mAh อยู่ทางฝั่งขวา เมื่อถอดแบตฯออกมาพบกับช่องใส่ซิมอยู่ข้างใต้ ถอด-ใส่ซิมโดยการเลื่อนเข้าออกตามปกติ ส่วนทางฝั่งซ้ายเป็นข่องสำหรับใส่ไมโครเอสดีการ์ด เยื้องลงมาด้านล่างเป็นแง่งสำหรับคล้องสายโทรศัพท์
ด้านซ้าย มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. อยู่บนสุด ถัดลงมาเป็นพอร์ตไมโครยูเอสบี สำหรับชาร์จแบตฯ และเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ถัดลงมาเป็นปุ่มสำหรับเรียกใช้งานคำสั่งเสียง รวมไปถึงกดค้างเพื่อเป็นปุ่มลัดในการเรียกใช้งานแอปพลิเคชัน
ด้านขวา มีเพียงปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ในช่วงบน และปุ่มลัดสำหรับเรียกใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆที่ผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้เองอยู่บริเวณกลาง ซึ่งจากการที่มียางหุ้มอยู่ทำให้การกดใช้งานต้องออกแรงสักเล็กน้อยในการกดใช้งาน
ด้านบน เป็นที่อยู่ของปุ่มควบคุมด้านมัลติมีเดีย เช่น การสั่งเล่นเพลง หยุดเพลง และเปลี่ยนเพลง ในกรณีที่กดปุ่มเล่นค้างไว้ จะเป็นการปิดเสียงโทรศัพท์แทน ส่วนด้านล่าง มีช่องลำโพงสนทนาอยู่เพียงอย่างเดียว
บทสรุป
อย่างที่กล่าวตั้งแต่ต้นแล้วว่าแบล็กเบอรียังคงจุดเด่นอยู่ที่การรับ-ส่งอีเมล และบริการแชต ซึ่งจำเป็นต้องเปิดใช้งานควบคู่ไปกับ "แบล็กเบอรีเซอร์วิส" ซึ่งแต่ละโอเปอร์เรเตอร์ต่างพร้อมให้บริการกันหมดแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นคงต้องดูกันต่อไปว่าการให้บริการของแต่ละโอเปอเรเตอร์นั้นมีคุณภาพใกล้เคียงกันหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ ผู้บริโภคที่คิดว่าจะซื้อแบล็กเบอรีมาใช้แต่ไม่เปิดใช้บริการ ควรหันไปมองหาฟีเจอร์โฟนในตลาดโทรศัพท์ดีกว่า เพราะในราคาระดับนี้สามารถหาซื้อฟีเจอร์โฟนดีๆ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครันได้มากมาย
สำหรับตัวเครื่อง Curve 8520 ต้องยอมรับว่าการทำตลาดราคาไม่สูงมากนัก ทำให้วัสดุที่นำมาใช้ดูไม่ค่อยแข็งแรงเท่าที่ควร รวมไปถึงยังไม่รองรับการใช้งาน 3G และกล้องให้ความละเอียดมาที่ 2 ล้านพิกเซลเท่านั้น ส่วนความสามารถอื่นๆ ถือว่าทำได้ดีตามสไตล์ของแบล็กเบอรี ไม่ว่าจะเป็นเว็บเบราว์เซอร์ เครื่องเล่นเพลงที่มาพร้อมกับปุ่มควบคุมและช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
ในเรื่องของการใช้งานโทรศัพท์ เสียงสนทนาชัดเจนตามมาตรฐาน เสียงเรียกเข้าไม่ถึงกับดังมากนัก แต่คาดว่าผู้ใช้แบล็กเบอรีส่วนใหญ่ มักจะถือเครื่องไว้ในมือตลอดเวลาในการใช้งานแชต ทำให้ตรงจุดนี้ไม่เป็นปัญหามากนัก นอกจากนี้ ในกรณีที่วางไว้ก็ยังมีไฟแสดงสถานะบอกถึงการแจ้งเตือนต่างๆกันตามสีไฟอีกด้วย
ระยะเวลาการใช้งานกรณีที่ใช้งานทั่วๆไป เปิดรับ-ส่งอีเมล์ เล่นBBM พร้อมกับ MSN เป็นช่วงๆ และสนทนาเล็กน้อย สามารถใช้งานได้ 2-3 วัน แต่ในกรณีที่มีการใช้สายหนักๆ หรือเปิดใช้งานระบบมัลติมีเดียด้วย ก็อยู่ที่ประมาณวันกว่าๆ ซึ่งยังถือว่านานเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนหลายๆตัวในตลาด
ขอชม
- ราคาเครื่องถูกลง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ แต่ก็แลกมาด้วยการตัดฟีเจอร์บางอย่างทิ้งไว้
- ปุ่มควบคุมทิศทางแบบแทร็กแพด ที่ให้ความแม่นยำมากขึ้น
- รองรับการเชื่อมต่อทั้งไวไฟและบลูทูธ แต่ยังไม่รองรับ 3G ตามปกติของรุ่น Curve
ขอติ
- วัสดุและการประกอบไม่ค่อยแข็งแรงเท่าที่ควร
- กล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ไม่มีแฟลชและออโต้โฟกัส
- ไม่มี GPS แต่สามารถใช้ Cell Site ในการระบุตำแหน่ง ทำให้ไม่แม่นยำเท่าควร
Company Related Links :
RIM