หลังจากปล่อย Touch Diamond 2 ไปสักพัก เครื่องรุ่นนี้ก็ตามออกมาวางตลาดใน 1 เดือนถัดมา สิ่งที่พัฒนามาจาก Touch Pro รุ่นแรก นอกจากดีไซน์แล้ว ก็คงจะเป็นเรื่องของอินเตอร์เฟสภายในอย่าง TouchFLO 3D ที่มีการพัฒนาขึ้นจากรุ่นเดิม เหมือนกับใน Diamond 2 ส่วนจุดเด่นของ Pro2 แน่นอนว่ายังคงอยู่ที่คีย์บอร์ด QWETY 5 แถวเช่นเดิม
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ทางเอชทีซีวางไว้ให้ Pro 2 คือผู้บริหารระดับสูงหรือนักธุรกิจวัยรุ่นยุคใหม่ ที่จำเป็นต้องใช้งานอุปกรณ์พกพาในด้าน DATA เช่นการเชื่อมต่ออีเมล ออนไลน์เครือข่ายสังคมตลอดเวลา ที่ต้องการคีย์บอร์ดในการพิมพ์ข้อความโต้ตอบ ซึ่งฟีเจอร์ที่มีมาใน TouchFlo3D จะช่วยอำนวยความสะดวกในจุดนี้ได้เป็นอย่างดี
Feature On HTC Touch Pro 2
สำหรับฟีเจอร์ที่โดดเด่นของเครื่องรุ่นนี้ นอกจาก TouchFLO 3D ที่สามารติดตามอ่านกันได้ที่ Review : HTC Touch Diamond 2 เพชรอีกหนึ่งเม็ดแห่งวงการ โดยจุดที่แตกต่างระหว่าง Diamond 2 กับ Pro 2 ในส่วนของอินเตอร์เฟสนี้จะอยู่ที่ Pro 2 สามารถใช้งานในแนวนอนได้แบบอัตโนมัติทันทีที่เลื่อนคีย์บอร์ดออกมา
เมื่อเลื่อนคีย์บอร์ดแล้ว หน้าจอแรกของ TouchFLO 3D จะเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นแนวนอน โดยมีนาฬิกาขนาดใหญ่อยู่ทางซ้าย ส่วนทางขวาจะมีเมนูสำหรับเข้าบันทึกการติดต่อ และ ตารางเวลานัดหมาย แน่นอนว่าถ้ามีเวลานัดหมายในระยะเวลาใกล้ๆก็จะขึ้นมาแสดงในหน้าแรกนี้ด้วยเช่นกัน ส่วนแถบเมนูด้านล่างถ้าต้องการให้แสดงขึ้นมา ต้องใช้นิ้วสัมผัสสัญลักษณ์ลูกศรขึ้นบริเวณมุมซ้ายล่าง ก็จะแสดงแถบเมนูตามปกติ
เมนู TouchFLO 3D ทั้งหมดจะประกอบไปด้วย หน้าแรก (Home) รายชื่อผูิ้ติดต่อ (People) ข้อความสั้น (Messages) อีเมล (Mail) อินเทอร์เน็ต (Internet) ตารางนัดหมาย (Calendar) ตารางหุ้น (Stock) รูปภาพและวิดีโอ (Photos and Videos) เพลง (Music) สภาพอากาศ (Weather) ค้นหาแผนที่ (Map Search) และสุดท้ายคือ ตั้งค่า (Setting)
ซึ่งการทำงานต่างๆ เป็นแบบเดียวกับใน Diamond 2 ดังนั้นจึงขอข้ามการอธิบายในส่วนนี้ไป และมุ่งเข้าไปที่จุดเด่นของเครื่องรุ่นนี้ อย่างแรกที่อยากแนะนำคือการเก็บบันทึกรายชื่อผู้ติดต่อ ที่ทางเอชทีซีเรียกว่าระบบPeople Centric ซึ่งผู้ใช้สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องของงานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างลงตัว
โดยเมื่อผู้ใช้ทำการบันทึกข้อมูลต่างๆของรายชื่อผู้ติดต่อ ทั้งเบอร์โทรศัพท์ อีเมล เรียบร้อยแล้ว การทำงานของ TouchFLO 3D จะช่วยแสดงบันทึกการใช้งานระหว่างผู้ใช้กับผู้ติดต่อนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น การโทรเข้า-ออก บันทึกข้อความสั้นต่างๆที่ส่งโต้ตอบกัน รวมไปถึงอีเมลต่างๆ ที่ผู้ใช้และผู้ติดต่อใช้ติดต่อกัน ในจุดนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับรู้ว่าการติดต่อครั้งล่าสุดไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ติดต่อกันไปถึงเรื่องไหนแล้ว ซึ่งการแสดงผลต่างๆจะถูกนำเข้ามาเก็บอยู่ในบันทึกรายชื่อผู้ติดต่อคนนั้นๆทันที
ถัดมาคือในเรื่องของการโทรศัพท์ แน่นอนว่าหน้าจอโทรศัพท์สามารถใช้งานในแนวนอนได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานในแนวนอนแล้ว รายชื่อที่แสดงจะลดจำนวนลง ตามขนาดของหน้าจอซึ่งเป็นเรื่องปกติ ในส่วนของหน้าจอขณะใช้สาย เนื่องจากความกว้างของหน้าจอที่เพิ่มขึ้นทำให้ดูแล้วมีช่องไฟมากกว่าในรุ่น Diamond 2 ส่วนปุ่มกดสั่งงานต่างๆจะคล้ายคลึงกันทั้งหมดปุ่มใหญ่ๆให้เลือก 2 ปุ่มคือวางสาย หรือเรียกปุ่มตัวเลขขึ้นมาส่วนเมนูย่อยอย่าง พักสาย เพิ่มสาย จดบันทึก เปิดลำโพง ปิดเสียง แล้ว ปฏิทินนัดหมาย ยังคงมีอยู่เช่นเดิม
สิ่งอำนวยความสะดวกถัดมาจากระบบ People Centric คือผู้ใช้งานสามารถใช้ระบบดังกล่าวในการนัดหมายประชุมทางโทรศัพท์ล่วงหน้า กับผู้บริหารท่านอื่นๆได้ โดยเมื่อผู้ใช้บันทึกตารางการประชุมเข้าไปไว้ในตารางนัดหมาย พร้อมใส่รายชื่อผู้ร่วมประชุมที่มีอีเมลและเบอร์โทรศัพท์พร้อมอยู่แล้ว
ก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อยตัวเครื่องจะส่งอีเมลหารายชื่อบุคคลที่ได้บันทึกไว้เพื่อเป็นการเตือนว่าจะมีการประชุมผ่านโทรศัพท์เร็วๆนี้ (ผู้ใช้สามารถตั้งได้ว่าจะให้เตือนก่อนมีการประชุมกี่นาที) หลังจากถึงเวลานัดหมายตัวเครื่องจะทำการโทรศัพท์ติดต่อกับรายชื่อที่อยู่ในตารางนัดหมายแบบอัตโนมัติทำให้สามารถพร้อมประชุมได้ทันที
เพื่อตอบรับกับการประชุมสายทางเอชทีซีได้มีการใส่ฟีเจอร์ Straight Talk สำหรับการสนทนาผ่านลำโพงของเครื่องจากลำโพง Asymmetric Speakers ที่อยู่ด้านหลังเครื่อง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถประชุมสายได้อย่างสะดวกขึ้นนั่นเอง
Program And Setting
ในส่วนของหน้าตาโปรแกรมภายในจะเป็นเช่นเดียวกับ Diamond 2 ดังนั้นจึงขอข้ามในส่วนนี้ไปอีกเช่นเดียวกัน โดยฟีเจอร์ที่มีมาใน Pro รุ่นแรกอย่าง TV out ยังคงมีอยู่เหมือนเช่นเดิม ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงอีกเล็กน้อยคือหน้าจอการเชื่อมต่อบลูทูธ
ซึ่งรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปคือหน้าจอการใช้งานที่ดูมีสีสันมากขึ้น แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆด้วยกัน เริ่มที่ส่วนแรกคือการตั้งค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มข้อมูลการเชื่อมต่อ ปิดการใช้งาน ตั้งชื่อของเครื่องที่ใช้ เปิดให้เครื่องอื่นสามารถเห็นเครื่องที่ใช้ได้ ในส่วนของตั้งค่าขั้นสูงก็จะเป็นประเภทของการเชื่อมต่อในรูปแบบต่างๆนั่นเอง
ส่วนที่ 2 คือรายชื่อเครื่องที่เคยเชื่อมต่อ รวมไปถึงกำลังเชื่อมต่ออยู่ และส่วนสุดท้ายจะเป็นฟีเจอร์พิเศษในการสังพิมพ์รูปภาพผ่านบลูทูธ ตั้งค่าเครือข่ายในการเชื่อมต่อ แลกเปลี่ยนนามบัตรจากภายในเครื่อง และส่งข้อมูลทั่วไป
สำหรับรายละเอียดภายในของเครื่องรุ่นนี้ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โมบาย 6.1 แน่นอนว่าถ้ามีการออกวินโดวส์ โมบาย 6.5 สามารถนำเครื่องนี้ไปอัปเกรดได้เช่นเดียวกับ Diamond 2 หน่วยประมวลผล QUALLCOMM 7200A @ 528MHz RAM ขนาด 288MB ROM ขนาด 512MB บลูทูธรองรับ 2.1+EDR และ AD2P
Design of HTC Touch Pro 2
มาถึงในส่วนของรูปลักษณ์หน้าตากันบ้าง เนื่องจากเครื่องรุ่นนี้ออกมาเจาะกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ ทำให้การดีไซน์และการใช้สีจะเป็นสีดำตัดกับตัวเครื่องสีเงิน แสดงถึงความน่าเชื่อถือและความทันสมัย ขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 116 X 59.2 X 16.65 มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 178.5 กรัม ซึ่งถือว่าหนักกว่า Pro รุ่นแรกอยู่นิดหน่อย
ด้านหน้า - เริ่มกันจากส่วนบนที่คุ้นเคยกันดีของเอชทีซีหลายๆรุ่น คือช่องสนทนามีลักษณะคล้ายตะแกรงเหล็กนั่นเอง ส่วนมุมของช่องสนทนาทั้งฝั่งซ้ายและขวาเป็นที่อยู่ของไฟบอกสถานะต่างๆ ไล่สายตาไปทางขวาอีกนิดจะพบกับกล้องวิดีโอคอลความละเอียด 480 x 640 พิกเซล ติดอยู่ ส่วนข้างล่างของช่องสนทนายังคงเป็นสัญลักษณ์ "hTC" เช่นเดิม
ส่วนของหน้าจอจะเป็น TFT-LCD ทัชสกรีน ขนาด 3.6 นิ้ว ความละเอียด WVGA (480 x 800 พิกเซล) ซึ่งขนาดเรียกได้ว่าน้องๆกับ Touch HD เลยทีเดียว ถัดลงมาด้านล่างเป็นที่อยู่ของแถบซูมบาร์ สำหรับใช้ในการขยายรูปภาพ รวมไปถึงการใช้งานเบราวเซอร์ด้วย
ปุ่มกดที่อยู่บริเวณขอบโค้งด้านล่างจะประกอบไปด้วย ปุ่มรับสาย ปุ่มสตาร์ท ปุ่มย้อนกลับ และปุ่มวางสายที่สามารถใช้แทนปุ่มย้อนกลับหน้าแรกได้อีกด้วย ซึ่งในการใช้งานจริง เมื่อใช้มือจับตัวเครื่องอาจจะไปโดนปุ่มต่างๆได้ง่าย เนื่องจากแต่ละปุ่มวางเรียงรายอยู่บริเวณขอบล่างของเครื่องนั่นเอง
จุดเด่นที่สุดของเครื่องรุ่นนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก คีย์บอร์ด QWERTY 5 แถว ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่เครื่อง Pro รุ่นแรก ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานภาษาไทยได้ง่ายขึ้นกว่า คีย์บอร์ด QWERTY ทั่วๆไปที่มักจะมีแค่ 3-4 แถวเท่านั้นเอง โดยเครื่องที่ทีมงานได้มารีวิวนั้นจะเป็นเครื่องทดสอบ จึงยังไม่มีการสกรีนภาษาไทยลงบนคีย์บอร์ด
แน่นอนว่าผู้เขียนเคยได้ทดลองใช้ Pro รุ่นแรกมาก่อน เมื่อทดสอบการใช้งานภาษาไทย พร้อมๆไปกับ ทดสอบการกดปุ่มคีย์บอร์ด ที่มีการเว้นช่องไฟระหว่างปุ่ม ช่วยให้ไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้ที่มีนิ้วโป้งใหญ่ การตอบสนองการพิมพ์ทำได้ดีกว่าเครื่อง Pro รุ่นแรกอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากผู้เขียนสามารถใช้การพิมพ์สัมผัสกับเครื่องรุ่นนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
นอกจากปุ่มคีย์บอร์ดทั่วไปแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถเรียกเมนูลัดต่างๆจากการกดปุ่ม ฟังก์ชัน (FN) พร้อมกับ Space Bar สำหรับเข้าสู่หน้าตั้งค่าทั่วไป FN+. สำหรับหน้าจอข้อความสั้น FN+ลูกศรซ้าย ในการใช้งานเบราว์เซอร์โอเปร่า และ FN+ลูกศรขวา เพื่อเข้าสู่หน้าการเชื่อมต่อ สำหรับไฟบอกสถานะการใช้งานปุุ่ม Caps Lock และ FN จะซ่อนอยู่บริเวณมุมขวาบน
อีกเรื่องหนึ่งของความพิเศษใน Pro 2 คือ ผู้ใช้สามารถปรับองศาของหน้าจอในกรณีที่สไลด์คีย์บอร์ดออกมาใช้งานได้ ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องยกเครื่องขึ้นมาใช้งานในระดับสายตานั่นเอง
ด้านซ้าย - มีเพียงปุ่มปรับระดับเสียงอยู่บริเวณบนเท่านั้นเอง ส่วน ด้านขวา - จะปล่อยโล่งไว้ มีเพียงรูเล็กๆ สำหรับกดปุ่มรีเซ็ตอยู่
ด้านบน - มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่องอยู่ ส่วน ด้านล่าง - มีพอร์ต HTC ExtUSB สำหรับใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ หูฟัง ทีวี และสายชาร์จในช่องเดียว และมุมขวาเป็นที่อยู่ของปากกาสไตลัส ที่มีระบบตรวจจับการใช้งาน เช่น ถ้าผู้ใช้กำลังสนทนาอยู่ และดึงปากกาสไตลัสออกมาจะเข้าสู่ฟังก์ชันจดโน้ตทันที หรือแม้แต่ขณะปิดหน้าจอถ้าดึงปากกาออกหน้าจอก็จะพร้อมใช้งาน แน่นอนว่าฟังก์ชันดังกล่าวมีใน Diamond 2 ด้วย
ด้านหลัง - ฝาหลังจะมีส่วนโค้งรับกับตัวเครื่อง โดยบริเวณกลางจะมีแถบสีเงินล้อมรอบด้วยลวดลายคล้ายๆกับตะแกรง ซึ่งในส่วนของแถบสีเงินจะเป็นที่อยู่ของกล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล ปุ่มสำหรับปิดเสียงกดณีใช้งานลำโพงภายนอก พร้อมกับสัญลักษณ์ "hTC TOUCH PRO2" และตัวอักษรเล็กๆเขียนว่า "Stranight Talk" อยู่
เปิดขึ้นมาจะพบกับแบตเตอรี่ความจุ 1500 mAh ช่องใส่ซิมอยู่ใต้แบตเตอรี่ ส่วนช่องใส่หน่วยความจำภายนอกแบบไมโครเอสดี จะอยู่ทางด้านซ้ายถัดลงมาจากปุ่มปรับระดับเสียง ปุ่ม รีเซ็ตจะอยู่ทางด้านขวา ซึ่งตรงกับรูที่กรอบนั่นเอง ทำให้ผู้ใช้สามารถกดรีเซ็ตได้โดยไม่ต้องถอดฝาหลังออก
บทสรุป
สำหรับ Touch Pro 2 ถือว่าเป็นเครื่องที่ออกมาเจาะกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหญ่ ทำให้เครื่องมีราคาสูง แต่แน่นอนว่าวัสดุและการประกอบต่างๆ ย่อมดีตามมาตรฐานของเอชทีซี ตัวเครื่องรองรับเครือข่าย 3G ในคลื่นความถี่ 900/2100 MHz ซึ่งทำให้ในปัจจุบันสามารถใช้ได้กับเครือข่ายของเอไอเอสเท่านั้น ส่วนในอนาคตถ้ามีการเปิดประมูลคลื่นความถี่ 2100 MHz จะทำสามารถใช้งานได้ทุกๆเครือข่ายนั่นเอง
ส่วนการเชื่อมต่อมาตรฐานทั่วไปของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนอย่าง สเตริโอบลูทูธ ไวไฟ 802.11 b/g พอร์ตมินิยูเอสบี ที่ทำหน้าที่หลายอย่างทั้งเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ หูฟัง TV-Out และชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งความสามารถอย่าง TV-Out ทำให้สามารถใช้โทรศัพท์เครื่องนี้ในการพรีเซนงานผ่านจอโปรเจกเตอร์ได้ โดยไม่ต้องพึงหาคอมพิวเตอร์อีกต่อไป
ด้านการใช้งานทั่วๆไปเสียงสนทนาดังชัดเจนดี โหมดลำโพงที่ใช้ในการประชุมก็สามารถทำงานได้อย่างไร้ที่ติ อาจจะเรียกได้ว่าดีที่สุดในขณะนี้ แต่ที่สำคัญคือเรื่องของเวลาการใช้งานแม้จะให้แบตเตอรี่มาถึง 1,500 mAh แต่เนื่องจากความละเอียดของหน้าจอถึง 480 x 800 พิกเซล ทำให้ถ้าใช้งานหนักๆ ตัวเครื่องไม่สามารถอยู่ได้ถึง 2 วันแน่ๆ ซึ่งเท่าที่ลองใช้งานอินเทอร์เน็ต ฟังเพลง เปิดซิงค์อีเมลตลอดเวลา สามารถอยู่ได้จนถึงหมดวันแน่นอน
ในเรื่องของการสไลด์หน้าจอ เห็นจะมีปัญหาในระยะยาวเนื่องจากผู้ใช้สามารถปรับองศาของหน้าจอได้เอง ทำให้เมื่อใช้ไปนานๆข้อต่ออาจจะหลวมได้ ทำให้เหลือระดับที่แน่นอนคือเปิดแนวราบกับตั้งมุมสูงเท่านั้น ส่วนการใช้งานด้านคีย์บอร์ด ถ้าผู้ใช้สามารถทำความเข้าใจกับลักษณะปุ่มซึ่งคล้ายๆกับคีย์บอร์ดของคอมพิมเตอร์ จะทำให้สามารถใช้การพิมพ์สัมผัสได้ไม่ต่างกับคีย์บอร์ดมาตรฐานเลยทีเดียว
ขอชม
- หน้าจอ 3.6 นิ้ว ความละเอียด WVGA (480 x 800 พิกเซล)
- คีย์บอร์ด QWERTY แบบ 5 แถว
- ฟังก์ชันการประชุมสายแบบอัตโนมัติ
ขอติ
- ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ น้ำหนักเยอะ
- กล้อง 3.2 ล้านพิกเซล ยังคงไม่มีแฟลช
- ไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
Company Related Links :
HTC