Touch Diamond 2 ถือเป็นเครื่องอีกรุ่นหนึ่งที่มีการนำชื่อเก่ามาใช้งาน เนื่องจากเป็นชื่อที่ติดหูมานานพอสมควรแล้ว แน่นอนว่าเครื่องรุ่นนี้หวังที่จะมาเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเดิมของไดมอนด์เอง รวมไปถึงนักธุรกิจหรือผู้บริหารที่เริ่มสนใจความสามารถที่เพิ่มขึ้นของพีดีเอโฟน ที่ต้องการภาพลักษณ์ในการใช้งานมีระดับ
โดยตัวเครื่องยังคงลักษณะเด่นๆของเครื่องรุ่นเก่าไว้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่ออกมาเป็นเหลี่ยม ความละเอียดหน้าของหน้าจอที่เพิ่มขึ้นมาเป็น WVGA ที่แสดงภาพได้ละเอียดเทียบเท่าเน็ตบุ๊ก รวมไปถึงลูกเล่นใหม่ๆ ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานด้วย
ที่สำคัญที่สุดคือ Touch Diamond 2 ถือเป็นเครื่องรุ่นแรกที่รองรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โมบาย 6.5 ที่ทางไมโครซอฟท์ประกาศออกมาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ดังนั้นผู้ที่สนใจเครื่องรุ่นนี้ ถ้ามีการวางจำหน่ายวินโดวส์ โมบาย 6.5 อย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ ทางเอชทีซีจะออกรอมมาให้ดาวน์โหลดเพื่อลงเครื่อง หรืออาจจะต้องเสียเวลาเล็กน้อยในการเข้าไปอัปเกรดเครื่องที่ศูนย์ของเอชทีซี
Feature On HTC Touch Diamond 2
ฟีเจอร์หลักที่สำคัญของ ทัช ไดมอนด์ 2 ยังคงเป็นอินเตอร์เฟสการใช้งานที่เรียกว่า "TouchFLO 3D" อยู่เช่มเดิม ดังนั้นจึงไม่ขอพูดถึงในรายละเอียดของส่วนที่ซ้ำกับรุ่นเดิมมากนัก เนื่องจากเครื่องรุ่นนี้ยังมีจุดต่างๆให้พูดถึงอีกมากพอสมควร ซึ่งถ้าผู้ที่เคยใช้วินโดวส์ โมบาย มาก่อนได้ทดลองใช้ดูจะรู้ได้เลยว่า เอชทีซี ได้ทำโปรแกรมมาครอบวินโดวส์ โมบาย ไว้หมดแล้ว ซึ่งในจุดนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ทื่ใช้มือข้างเดียวในการควบคุมโทรศัพท์นั่นเอง
แถบแรกคือหน้า Home ที่คุ้นเคยกันดีเมื่อกดเข้าไปบริเวณนาฬิกาที่หน้าจอ จะเข้าสู่หน้าจอนาฬิกาจากทั่วโลก สามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงเวลาของประเทศใดบ้าง ส่วนอีกแถบหนึ่งจะเป็นหน้าจอตั้งนาฬิกาปลุกตามปกติ
อีกแถบหนึ่งที่มีการพัฒนาขึ้นจากเดิมคือ แถบการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต ที่สามารถเพิ่ม Push Page เพื่อให้เครื่องโหลดหน้าเว็บที่ตั้งไว้แบบอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่นตั้งหน้าเว็บของ "ASTVผู้จัดการ" ไว้ และตั้งให้เครื่องอัปเดตแบบอัตโนมัติทุกกี่นาทีก็แล้วแต่ เมื่อต้องการอ่านหน้าเว็บเพียงแค่กดเข้าใน Push Page ที่ตั้งไว้ ก็จะสามารถอ่านได้ทันทีโดยไม่ต้องรอโหลดหน้าเว็บ
แถบที่มีเพิ่มขึ้นมาสำหรับ TouchFLO 3D เวอร์ชันนี้ คือแถบ Calendar ที่แยกออกมาจากแถบหลัก ส่วนแถบ Stock ที่เริ่มมีมาตั้งแต่ Touch HD ก็ยังคงมีอยู่ ส่วนที่น่าสนใจที่สุดสำหรับ TouchFLO 3D เห็นจะเป็นแถบ Setting ที่มีการเพิ่มการตั้งค่าที่หลากหลายมากขึ้น มาช่วยอำนวยความสะดวกนั่นเอง
เมื่อเข้ามาในส่วนของการตั้งค่าเสียง (Sound) จะสามารถเลือกรูปแบบการทำงานของเครื่องได้ ซึ่งจะมีระบบตั้งค่าเสียงแบบอัตโนมัติ ที่ช่วยปรับการใช้งานในรูปแบบต่างๆตามตารางนัดหมายที่ได้กำหนดไว้ ส่วนการปรับความดังของเสียงเรียกเข้า หรือ เสียงของระบบต่างๆ ก็สามารถปรับจากตรงนี้ได้ หรือถ้าไม่อยากเข้ามาปรับในนี้ก็สามารถที่จะกดปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ทางด้านข้างเครื่องเพื่อปรับได้
ในส่วนของการตั้งค่าพื้นหลัง (Wallpaper) ผู้ใช้สามารถเลือกรูปที่จะแสดงในหน้าจอแรกของ TouchFLO 3D ตามตัวอย่างในรูปแรก หน้าจอการเชื่อมต่อ (Communications) ยังคงเป็นแบบเดิมอยู่การเปิด-ปิดการเชื่อมต่อต่างๆสามารถเข้ามาเปิดใช้ในหน้านี้ได้ทันที ส่วนของการปรับแต่งแถบ (Customize Tabs) เมื่อเข้ามาก็สามารถเลือกได้ว่าจะให้เครื่องแสดงหน้าจอใดบ้าง หน้าจอใดที่ไม่ต้องการเพียงแค่เอาเครื่องหมายติ๊กถูกออก
สำหรับข้อมูลส่วนตัว (My Contact Card) เมื่อกดเข้าไปเครื่องจะให้กรอกข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ วันเกิด วันครบรอบอะไรต่างๆ ส่วนแถบตั้งค่าอีเมล (Mail Setup) เพียงแค่กรอกอีเมลที่ใช้พร้อมรหัสผ่านลงไปตัวเครื่องจะทำการตั้งค่าต่างๆของอีเมลให้แบบอัตโนมัติ (กรณีที่ใช้ Outlook ต้องติ๊กเครื่องหมายถูกที่ Exchange Email ด้วย)
สุดท้ายของหน้าจอตั้งค่าคือ การตั้ง G-Sensor เมื่อกดเข้าไปจะมีให้เลือกว่าจะให้เครื่องใช้เซนเซอร์ในการกลับหน้าจอแบบอัตโนมัติ และเลือก Calibration หน้าจอคล้ายๆกับในไดมอนด์รุ่นแรกนั่นเอง
มาถึงในส่วนของการใช้งานโทรศัพท์กันบ้าง เพียงกดปุ่มรับสาย หรือ เลือกเมนู Phone ก็จะเข้าสู่หน้าจอสำหรับกดเบอร์โทรศัพท์ เมื่อกดเบอร์เสร็จสามารถกดปุ่ม Talk สีเขียวๆ เพื่อใช้โทรออกหรือกดปุ่มรับสายก็ได้ ข้างซ้ายของปุ่มจะมีโหมดโทรศัพท์ให้เลือกระหว่างสนทนาแบบปกติ และแบบวิดิโอคอลนั่นเอง ในส่วนของเมนูก็จะมีให้ตั้งค่าการโทรด่วน วิดิโอคอล ดูประวัติการโทรฯ เข้าสู่หน้าจอโทรด่วน บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ ส่งข้อความสั้น และ วางข้อความที่คัดลอกมา
หน้าจอขณะมีสายเรียกเข้ายังคงเป็นแบบเดียวกัน ทัช เอชดี คือ มีปุ่มให้เลือกสไลด์ไปด้านซ้ายสำหรับรับสายและด้านขวาสำหรับตัดสาย ด้านล่างจะเป็นปุ่มปิดเสียงโทรศัพท์ เมื่อเข้าสู่หน้าจอโทรศัพท์จะมีปุ่มใหญ่ๆให้เลือก 2 ปุ่มคือวางสาย หรือเรียกปุ่มตัวเลขขึ้นมา ส่วนเมนูอื่นๆนั่นต้องใช้นิ้วสไลด์แถบสีดำๆลงมาซะก่อนถึงจะปรากฏเมนู พักสาย เพิ่มสาย จดบันทึก เปิดลำโพง ปิดเสียง แล้ว ปฏิทินนัดหมาย
จุดเด่นอีกจุดของเครื่องรุ่นนี้คือการจัดการข้อมูลของบุคคลที่บันทึกไว้ เช่นถ้าผู้ใช้บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลของบุคคลที่ติดต่อไว้ เมื่อมีการส่งข้อความสั้น หรือ ส่งอีเมลจากบุคคลผู้นั้น ตัวเครื่องจะทำการบันทึกข้อมูลทั้งหมดไว้ในส่วนของ Contact Card ทำให้ ผู้ใช้สามารถเปิดย้อนดูได้ว่าเคยส่งอีเมลหรือข้อความอะไรโต้ตอบกับบุคคลนี้
Program And Setting
มาดูในส่วนของโปรแกรมกันบ้าง เมื่อกดปุ่ม Start ขึ้นมาจะพบกับหน้าจอที่แปลกไปของวินโดวส์ โมบาย เนื่องจากทางเอชทีซี ได้นำส่วนของการเรียกโปรแกรมเข้ามาครอบการเรียกใช้งานแบบเดิมๆของวินโดวส์ ซึ่งในหน้าจอนี้สามารถเพิ่มโปรแกรมที่ใช้งานบ่อยๆเข้าไปได้ ส่วนโปรแกรมน่าสนใจที่เพิ่มเข้ามาในเครื่องรุ่นนี้เห็นจะหนีจากแอปพลิเคชันเกี่ยวกับ Social Network ไปไม่ได้
โดยทางเอชทีซีใส่มาให้ทั้ง Facebook, hi5, Messenger และ MySpace ทำให้ผู้ใช้งานที่ชอบการเข้าถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์บนโทรศัพท์มือถือใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
ก่อนหน้าที่จะเข้าไปดูโปรแกรมกันขอย้อนขึ้นมาถึงแถบ Notifications ด้านบนกันก่อน เนื่องจากแถบการเตือนแบบใหม่นี้จะแสดงผลเฉพาะการเตือนที่มีความสำคัญอย่างเช่น มีสายไม่ได้รับ ข้อความที่ยังไม่เปิดอ่าน มีอีเมลเข้าใหม่ จากที่แบบเดิมจะมีแสดงเกี่ยวกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตต่างๆด้วย
ผู้ที่เคยใช้งานวินโดวส์ โมบายในการต่อ GPRS คงทราบกันดีว่าสามารถ ยกเลิกการเชื่อมต่อได้โดยกดจากแถบ Notifications ด้านบนนี้ แต่ในเครื่องรุ่นนี้จะไม่สามารถทำได้ ผู้ใช้จำเป็นต้องเข้าไปปิดการเชื่อมต่อดังกล่าวในหน้า Settings / Communications เท่านั้น ทำให้ขาดความสะดวกสบายไปบ้าง
ส่วนโปรแกรมอื่นๆก็มีมาให้ตามมาตรฐานทั่วไป รวมถึงโปรแกรม ซอฟต์ รีเซ็ต จากทาง CN ด้วย ทำให้ช่วยในการรีเซ็ตเครื่องได้โดยไม่ต้องกดปุ่มค้างไว้ เครื่องรุ่นนี้สามารถรับฟังวิทยุ FM ได้โดยใช้หูฟังเป็นตัวรับสัญญาณเช่นเดิม
หน้าจอตั้งค่าของวินโดวส์ โมบายจะเข้าได้ 2 ทางคือ กดปุ่ม Start แล้วเลือกเมนู Setting หรือเข้าไปในส่วน Setting ของหน้าจอ TouchFLO3D แล้วเลือก All Setting ที่มุมซ้ายล่าง ซึ่งในหน้าจอตั้งค่าก็ไม่มีโปรแกรมน่าสนใจอะไรเพิ่มเข้ามา
สำหรับรายละเอียดภายในของเครื่องจะใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โมบาย 6.1 ใช้ซีพียู QUALLCOMM 7200A @ 528MHz ซึ่งเป็นซีพียูรุ่นเดียวกับทัช เอชดีและอีกหลายๆรุ่น RAM ขนาด 288MB ROM ขนาด 512MB บลูทูธรองรับ 2.0+EDR รอมเวอร์ชันที่ทดสอบจะเป็น 1.40.707.1 WWE
Design of HTC Touch Diamond 2
ดีไซน์ของตัวเครื่องทัช ไดมอนด์ 2 เปรียบเสมือนการนำเครื่องรุ่นแรกมาขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นโดยยังคงรูปลักษณ์สี่เหลี่ยมผืนผ้า มีการลบขอบมุมให้ตัวเครื่องดูไม่แข็งจนเกินไป วัสดุตัวเครื่องจะเป็นโลหะผสมพลาสติก ทำให้เครื่องมึน้ำหนักประมาณ 117.5 กรัม ส่วนขนาดรอบตัวจะอยู่ที่ 107.85 x 53.1 x 13.7 มิลลิเมตร มีวางจำหน่ายเพียงสีเงินสีเดียวเท่านั้น
ด้านหน้าของตัวเครื่องไล่จากด้านบนจะพบกับลำโพงสนทนา ที่มีลายคล้ายตาข่ายตามแบบเดิมๆของเอชทีซี บริเวณมุมของลำโพงสนทนาทั้ง 2 ฝั่งจะมีไฟแสดงสถานะต่างๆของเครื่อง ไม่ว่าแสดงสถานะแบตเตอรี่ การเชื่อมต่อบลูทูธ และแจ้งเตือนเหตุการณ์ต่างๆ ทางด้านขวาจะเป็นกล้องวิดีโอคอลความละเอียดแบบ VGA ส่วนทางซ้ายจะมีสัญลักษณ์ "hTC"
สิ่งที่โดดเด่นอีกจุดของเครื่องรุ่นนี้คือขนาดหน้าจอที่กว้างถึง 3.2 นิ้ว ความละเอียด WVGA (480 x 800 พิกเซล) บริเวณด้านล่างหน้าจอจะมีแถบซูมบาร์ ไว้ใช้ในการขยายรูปภาพและการใช้งานเบราว์เซอร์
ส่วนปุ่มกดที่อยู่บริเวณด้านล่างหน้าจอจะประกอบไปด้วยปุ่มรับสาย ปุ่มสตาร์ท ปุ่มย้อนกลับ และปุ่มวางสายที่สามารถใช้แทนปุ่มหน้าแรกได้ด้วย จะเห็นได้ว่าทางเอชทีซีได้ตัดปุ่มควบคุมแบบ 5 ทิศทางออกไป เนื่องจากมองว่าเครื่องที่เป็นทัชสกรีนไม่จำเป็นต้องมีปุ่มควบคุมก็ได้ เหมือนกับเครื่อง ทัช เอชดี นั่นเอง
ด้านซ้ายจะพบกับปุ่มปรับระดับเสียงอยู่บริเวณบนของเครื่อง และบริเวณขอบเครื่องจะมีตัวอักษรเขียนว่า "hTC INNOVATION" เช่นเดียวกับเครื่องรุ่นแรก ด้านขวาจะมีเพียงลำโพงอยู่บริเวณบนเท่านั้น ส่วนมุมขวาล่างจะเป็นที่อยู่ของปากกาสไตลัส ซึ่งไม่ได้เป็นแม่เหล็กเหมือนในรุ่นแรก แต่ยังคงระบบตรวจจับเมื่อดึงปากกาออกมาหน้าจอจะพร้อมใช้งานเช่นเดิม
บริเวณด้านบนจะมีเพียงปุ่มเปิด-ปิดเครื่องอยู่มุมซ้ายเท่านั้น ส่วนทางด้านล่าง จะมีช่องสนทนา และพอร์ตมินิยูเอสบี ใช้ทั้งสำหรับโอนข้อมูล เสียบชาร์จ และ หูฟัง ตามมาตรฐานพอร์ต ExtUSB ของเอชทีซี
ด้านหลังจะพบกับฝาที่มีลวดลายคล้ายกับเครื่องรุ่นเก่า เพียงแต่จะเป็นฝาเรียบๆไม่มีเหลี่ยมขึ้นมา บริเวณบนจะพบกับกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซลที่มีระบบออโต้โฟกัส เมื่อเปิดฝาหลังออกมาจะพบช่องใส่ซิมอยู่ใต้แบตเตอรี่ ช่องเสียบไมโครเอสดีการ์ด (รองรับสูงสุด 16GB) อยู่ข้างๆกับลำโพง และปุ่มซอฟต์์รีเซ็ตอยู่ใต้ปากกาสไตลัส แบตเตอรี่ของเครื่องรุ่นนี้มีขนาด 1100mAh
บทสรุป
ใครหลายๆคนอาจจะคิดว่าเครื่องรุ่นนี้คือ ทัช เอชดี ที่ย่อขนาด และลดราคาลงมาให้อยู่ในระดับ 2 หมื่นกลางๆ เนื่องจากความสามารถส่วนใหญ่ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่ แต่ต้องอย่าลืมว่าทัช เอชดี มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ด้วยทำให้คุณภาพเสียงที่ออกมาดีกว่ากันอยู่พอสมควร
การเชื่อมต่อต่างๆในรุ่นไฮเอนท์ของเอชทีซี จะมีมาให้อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็น 3G ไวไฟ บลูทูธ จีพีเอส วิทยุFM ระบบ Accelerometer ช่วยกลับหน้าจอแบบอัตโนมัติ ซึ่งแน่นอนว่าเหมือนกับทัช เอชดี ทุกอย่างเลย ส่วนการใช้งานโทรศัพท์ทั่วไปเสียงสนทนาอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่เบาจนเกินไป ทดลองใช้งานทั่วๆไป ฟังเพลง ดูหนังบ้างเล็กน้อย ใช้ได้ประมาณ 2 วัน
ลองใช้งานด้านมัลติมีเดีย โดยการแปลงไฟล์ความละเอียดระดับ WVGA สามารถเล่นได้ตามปกติไม่มีอาการหน่วงให้เห็นแต่อย่างใด ถือได้ว่าเป็นอีกเครื่องหนึ่งที่ให้มาแบบครบครัน ราคาเปิดตัวของเครื่องรุ่นนี้อยู่ที่ 24,900 บาท พร้อมลิขสิทธ์แผนที่จาก GarminXT และก็อย่าลืมว่าเครื่องรุ่นนี้รองรับการใช้งานวินโดวส์ โมบาย 6.5 ด้วยนะครับ
ขอชม
- หน้าจอขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด WVGA
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ช่วยให้ใช้งานได้นานกว่าเครื่องรุ่นแรก
- ระบบ Push Page ช่วยให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยความรวดเร็ว
ขอติ
- กล้อง 5 ล้านพิกเซลพร้อมระบบออโต้โฟกัส แต่ไม่มีแฟลช
- ไม่มีปุ่มควบคุม 5 ทิศทางอีกต่อไป
Company Related Links :
HTC