“ซัมซุง สตาร์” เป็นทัชโฟนที่มีฟังก์ชันครบตั้งแต่การใช้งานพื้นฐาน มัลติมีเดีย ตลอดถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต มาพร้อมลูกเล่น"Online Widget" รูปแบบใหม่ให้เชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้ทันที และ"Smart Unlock" ฟังก์ชันใหม่ที่อำนวยความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน โดยใช้เทคโนโลยี"สัมผัสผ่านหน้าจอ"ที่เป็นผู้นำนวัตกรรมโทรศัพท์มือถือระดับโลกในขณะนี้เข้ามาผสมผสาน
ทั้งนี้ ทางซัมซุงระบุถึงการส่งรุ่นนี้ลงตลาดว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำผู้นำทัชโฟนด้วยส่วนแบ่งกว่า 40% และขยายตลาดทัชโฟนสู่พรีเมียมแมสให้ครอบคลุมทุกกลุ่มไลฟ์สไตล์ โดยชูคอนเซปต์ “It’s Time to Touch” ตั้งเป้ายอกขายรุ่นนี้ 150,000 เครื่อง ส่วนเป้าหมายรักษาแชมป์เพื่อครองอันดับหนึ่งอย่างต่อเนื่องนั้น ซัมซุงได้ตั้งธงไว้ว่าจะครองส่วนแบ่งตลาดทัชโฟนที่ 55% ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้
Feature on Samsung Star S5230
ซัมซุงสตาร์ใช้อินเตอร์เฟสแบบ 'Touch Wiz' อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ใช้กับทัชโฟนของซัมซุงในหลายๆรุ่นก่อนหน้านี้ โดยรุ่นนี้ใช้อินเตอร์เฟสเวอร์ชัน 1.0 ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันโมบายล์ วิตเจ็ตอยู่ในแถบ 'Side bar'ทางด้านข้าง ซึ่งสามารถลากไอคอนต่างๆออกมาวางไว้ทางหน้าจอหลักได้อย่างอิสระ ตอบสนองทั้งปลายนิ้วมือ และปากกาสไตลัสที่ให้มากับตัวเครื่อง อีกทั้งรุ่นนี้ยังมีหน้าจอหลักมาให้ใช้งานอยู่ทั้งหมด 3 หน้าด้วยกัน จึงทำให้มีพื้นที่วางไอคอนเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่า
ส่วนเมนูที่ใส่มาในเครื่องรุ่นนี้มีทั้งหมด 12 เมนู ประกอบไปด้วย บันทึกข้อมูลการใช้งาน(Call Log), สมุดโทรศัพท์(Phonebook), เพลง(Music), เบราว์เซอร์(Browser), ข้อความ(Messages), ไฟล์ส่วนตัว(My Files), ออแกไนเซอร์(Organizer), กล้องถ่ายรูป(Camera), คอมมิวนิตี้(Communities), แอปพลิเคชัน(Applications) การเตือน(Alarms) และการตั้งค่า(Settings)
นอกจากนี้ ยังได้ใส่ฟังก์ชัน "รายชื่อรูปถ่าย"(Photo Contacts) มาให้ใช้งานกันด้วย ซึ่งสามารถค้นหาหมายเลขที่อยู่ในเครื่อง พร้อมกับโชว์ภาพถ่าย โดยข้อมูลรายละเอียดการใช้งานมีบอกไว้ทางหน้าจอว่า รายชื่อที่ใช้บ่อยจะถูกลงทะเบียนโดยอัตโนมัติ สามารถใช้งานโดยการสไลด์ขึ้น-ลง จึงทำให้ฟังก์ชันนี้ดูแปลกใหม่อีกหนึ่งฟังก์ชันสำหรับเครื่องรุ่นนี้
Smart Unlock
ฟีเจอร์เด่นของเครื่องรุ่นนี้ต้องยกให้กับฟังก์ชัน "สมาร์ทอันล็อก(Smart Unlock)" ซึ่งเป็นฟังก์ชันทางลัดที่ช่วยอำนวยความสะดวกพาเข้าฟังก์ชันต่างๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว เพียงแค่ใช้ปลายนิ้ว หรือใช้ปากกาสไตลัสเขียนตัวอักษรที่กำหนดไว้ไปที่หน้าจอ เครื่องก็จะทำตามคำสั่งทันที แต่จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อหน้าจอล็อกอยู่เท่านั้น และเลือกใช้งานได้เพียงฟังก์ชันเดียว
ก่อนการใช้งานผู้ใช้ต้องเข้าไปเซ็ตค่าเพื่อทำการตกลงกับฟังก์ชันก่อนว่า จะใช้ตัวอักษรใดเป็นรหัสในการสื่อสารระหว่างกัน ซึ่งการเซ็ตค่าทำได้โดยการเข้า เมนู > การตั้งค่า > สมาร์ทอันล็อก เมื่อเข้ามาในฟังก์ชันให้กดคำสั่ง "เปิด" เพื่อเปิดใช้งานการปลดล็อกก่อน จากนั้นจะมีฟังก์ชันให้เลือกปรับค่าอยู่ด้วยกัน 3 หมวดหลัก ได้แก่ 1. ปลดล็อกโทรศัพท์ เป็นการปลดล็อกโทรศัพท์เท่านั้น 2. โทรด่วน เป็นการกำหนดรายชื่อบุคคลที่ต้องติดต่อบ่อยๆ 3. แอปพลิเคชัน เป็นการกำหนดการเข้าแอปพลิเคชัน ซึ่งมีให้เลือกอยู่ด้วยกัน 5 หมวดย่อย ได้แก่ โทร, เครื่องเล่นเพลง, ข้อความ, เบราว์เซอร์ และจาวา
เมื่อรู้ภาพรวมของฟังก์ชันทั้งหมดแล้วว่าสามารถปรับส่วนไหนได้บ้าง คราวนี้ทีมงานจะยกตัวอย่างเพื่อสาธิตการตั้งค่าดังต่อไปนี้ เริ่มจากปลดล็อกโทรศัพท์ทีมงานกำหนดให้เป็นตัว "U" ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกเป็นตัวอักษรอื่นๆก็ได้ ตั้งแต่ A-Z แต่ในที่นี้ทีมงานขอกำหนดเป็นตัว "U" ในส่วนของแอปพลิเคชันกำหนดดังนี้ โทร กำหนดเป็นตัว "T",เครื่องเล่นเพลงกำหนดเป็นตัว "M", ข้อความกำหนดเป็นตัว "S", เบราว์เซอร์ กำหนดเป็นตัว "B" และจาวา กำหนดเป็นตัว "J"
หลังจากกำหนดค่าต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาไปลองใช้งานจริงกันบ้าง ซึ่งใช้งานง่ายเพียงแค่ใช้ปลายนิ้ว หรือใช้ปากกาสไตลัส เขียนตัวอักษรตามที่ได้กำหนดไว้ลงบนหน้าจอ ดังที่กล่าวไว้แล้วในข้างต้น เช่น อยากจะปลดล็อกเครื่องก็ให้เขียนตัว "U" อยากจะเข้าเมนูเพลงก็ให้เขียนตัว "M" เป็นต้น โดยภายหลังการใช้งานถือว่าฟังก์ชันนี้สอบผ่าน สามารถตอบสนองการรับรู้ได้ค่อนข้างดี แต่มีข้อแม้ว่าผู้ใช้งานต้องเขียนตัวอักษรด้วยลายมือที่ค่อนข้างเป็นทางการนิดนึง ไม่งั้นอาจจะกลายเป็นยูสเซอร์เออเรอร์เสียเอง
Note
เมื่อมีปากกาสไตลัสใส่มาให้ใช้งาน ก็แสดงว่าต้องรองรับการจดบันทึกด้วยลายมือของผู้ใช้ด้วย ซึ่งระบบป้อนคำสั่งมีให้เลือกหลายรูปแบบ ได้แก่ ปุ่มกดตัวเลข, คีย์บอร์ดแนวนอน(เมื่อผู้ใช้งานเอนตัวเครื่องในแนวนอน), เขียนด้วยลายมือ (เขียนด้วยลายมือเต็มหน้าจอ, กล่องเขียนด้วยลายมือ 1, กล่องเขียนด้วยลายมือ 2) โดยระบบป้อนคำสั่งรองรับการใช้งาน 5 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ, อินโดนีเซีย, เวียตนาม, ภาษาไทย และจีน ยกเว้นการเขียนด้วยลายมือยังไม่รองรับภาษาไทย
Camera
ลองไปดูเมนูกล้อง (Camera)กันบ้าง ซึ่งกล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล แต่ไม่มีแฟลชมาให้ใช้งาน รวมถึงไม่ออโต้โฟกัสขณะจับภาพ โดยฟังก์ชันภายในมีให้เลือกใช้งานทั้งหมด 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่ โหมดถ่ายภาพนิ่ง โหมดซีน(Scn) และโหมดวิดิโอ
เริ่มจากโหมดการถ่ายภาพนิ่ง สามารถเลือกค่าการใช้งานได้หลายแบบ ได้แก่ ถ่ายแบบช็อตเดียว, ถ่ายแบบตรวจจับรอยยิ้ม หรือสไมล์ช็อต สามารถจับความเคลื่อนไหวบนใบหน้าได้ที่มีรอยยิ้มอัตโนมัติ, ถ่ายต่อเนื่องแบบกดชัตเตอร์ค้างไว้ (สูงสุด 9 ภาพ), พาโนรามาแบบ 6 ช็อต โดยหลังจากกดถ่ายภาพเริ่มต้นกล้องจะถ่ายให้อัตโนมัติ เพียงแค่เลื่อนตัวกล้องไปด้านข้างตามลูกศรที่ปรากฏบนจอภาพ เพื่อถ่ายภาพต่อเนื่องไปเรื่อยๆจนครบตามช็อตที่ได้กำหนด จากนั้นเครื่องจะประมวลผลเชื่อมต่อภาพให้เอง, โมเสกมีให้เลือกอยู่ 18 แบบ, และเฟรมมีให้เลือก 20 รูปแบบ
"การตั้งค่า" สามารถปรับค่าได้ดังนี้ เริ่มจากความละเอียดมีให้เลือกปรับ 6 แบบ ได้แก่ 3 ล้านพิกเซล(2048x1536), 2 ล้านพิกเซล(1600x1200), 1.3 ล้านพิกเซล(1280x960), 0.3 ล้านพิกเซล(640x480), แบบไวด์สกรีน 3 ล้านพิกเซล(2000x1200) และ0.1 ล้านพิกเซล(400x240) เอฟเฟกต์มีให้เลือกปรับ 5 แบบ ได้แก่ ไม่มี, ภาพขาวดำ, สีน้ำตาลแดง(ซีเปีย), เนกาทีฟ และภาพสีน้ำ การวัดแสงมีให้เลือกใช้ 3 แบบ ได้แก่ เมทริกซ์, เน้นตรงกลาง และตำแหน่ง คุณภาพของรูปภาพมีให้เลือกใช้งาน 4 แบบ ได้แก่ ดีที่สุด, ดี, ปกติ และพื้นฐาน
ส่วนการปรับค่าการใช้งานทั่วไปนั้นมีให้เลือกปรับค่า ได้แก่ เปิด-ปิดการใช้งานไกด์ไลน์, กำหนดการแสดงผล มีให้เลือกใช้งานดังนี้ เปิด, ปิด และ 2 วินาที, เสียงชัตเตอร์มีให้เลือกใช้งานดังนี้ เสียง 1, 2, 3 และปิดเสียง และส่วนสุดท้ายเป็นการระบุแหล่งที่เก็บภาพ ว่าจะให้เก็บลงเครื่อง หรือเก็บลงบนการ์ดความจำ
นอกจากนี้ บนหน้าจอถ่ายภาพยังมีเลือกปรับค่าสมดุลสีขาว ซึ่งมีให้เลือกปรับ 5 แบบ ได้แก่ อัตโนมัติ, แสงจ้า, แคนเดสเซนต์, ฟลูออเรสเซนต์ และสว่างน้อย, การตั้งเวลา มีให้เลือก 2, 5 และ10 วินาที สุดท้ายเป็นการปรับปริมาณการรับแสง ว่าจะให้กล้องรับแสงมากหรือน้อย
ถัดมาใน"โหมดซีน" มีให้เลือกใช้งานทั้งหมด 7 รูปแบบ ได้แก่ ออโต้, ถ่ายบุคคล, ภาพวิว, กลางคืน, กีฬา, ในร่ม, พระอาทิตย์ตก และ ตัวอักษร ส่วน"การตั้งค่า" ของโหมดนี้คล้ายๆกับในโหมดกล้องถ่ายภาพนิ่ง เพียงแต่มีบางฟังก์ชันที่ไม่สามารถปรับค่าได้ ซึ่งมีดังต่อไปนี้ สมดุลสีขาว, เอฟเฟกต์, เครื่องวัดแสง และปริมาณการรับแสง
สุดท้าย"โหมดกล้องวิดิโอ" มีให้เลือกบันทึกทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่ ปกติ กับMMS (เป็นการจำกัดสำหรับ MMS โดยเฉพาะ) สามารถซูมภาพขณะบันทึกในโหมดนี้ได้, ตั้งต่าปรับสมดุลสีขาว ตั้งเวลา และปรับปริมาณการรับแสงได้เหมือนกับโหมดถ่ายภาพนิ่ง
"การตั้งค่า" ในโหมดวิดิโอสามารถตั้งค่าได้ดังนี้ ปรับค่าความละเอียด มีให้เลือกปรับได้ 2 ค่า คือ 20x240 พิกเซล กับ 176x144 พิกเซล, เอฟเฟกต์มีให้เลือกปรับ 5 แบบ ได้แก่ ไม่มี, ภาพขาวดำ, สีน้ำตาลแดง(ซีเปีย), เนกาทีฟ และภาพสีน้ำ คุณภาพของรูปภาพมีให้เลือกใช้งาน 3 แบบ ได้แก่ ดี, ปกติ และพื้นฐาน ส่วนการปรับค่าการใช้งานทั่วไปมีให้เลือกปรับค่า ได้แก่ เปิด-ปิดการใช้งานไกด์ไลน์, เปิด-ปิดการบันทึกเสียง และการระบุแหล่งที่เก็บภาพ ว่าจะให้เก็บลงเครื่อง หรือเก็บลงบนการ์ดความจำ
ภายหลังจากการใช้งานพบว่ากล้องสามารถตอบสนองได้ค่อนข้างไว ฟังก์ชันการใช้งานสามารถเข้าใจได้ง่ายไม่ซับซ้อน เพียงแต่ใส่ฟังก์ชันการใช้งานมาให้ไม่หมด ยังมีกั๊กอยู่ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นเสียด้วย นั่นคือ เรื่องของออโต้โฟกัส กับแฟลช ส่วนคุณภาพที่ได้จากการถ่ายภาพนิ่งจัดอยู่ในระดับปานกลาง สีสันที่ได้ค่อนข้างสดตรงกับธรรมชาติ เมื่อลองใช้งานพักใหญ่พบว่า พลังงานแบตฯลดลงค่อนข้างไว ทำให้รู้ว่าฟังก์ชันนี้กินพลังงานอยู่พอสมควร ส่วนภาพที่ได้จากการบันทึกในโหมดวิดิโออยู่ในระดับกลางๆ
Music
"เครื่องเล่นเพลง"ของรุ่นนี้มีฟังก์ชันการใช้งานดังต่อไปนี้ เมื่อเรียกใช้เมนูหน้าจอแรกที่ปรากฏ คือ ฟังก์ชันตัวเลือกใช้งานเรียงรายอยู่ ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าต้องการใช้งานในลักษณะไหนได้แก่ แทร็กทั้งหมด, รายการเพลง, นักร้อง, อัลบั้ม, ประเภท และผู้แต่ง โดยสามารถเลือกเพิ่มเติม หรือปิดการใช้งานบางฟังก์ชันได้ดังนี้ เลือกการตั้งค่า > กดแถบเมนูเพลง จากนั้นจะปรากฏรายการต่างๆออกมาให้เลือก (ถ้าติ๊กเครื่องหมายถูก แสดงว่าต้องการเลือกให้ฟังก์ชันนั้นแสดงผล) และในส่วนของการคั้งค่านี้เองยังสามารถตั้งได้ว่า จะให้มีเปิดการเล่นบนพื้นหลังหรือไม่
เมื่อเลือกรูปแบบการใช้งานได้แล้วก็กดเลือกเพลงที่ต้องการเล่น เครื่องจะเข้าสู่เครื่องเล่นเพลงและเล่นเพลงโดยอัตโนมัติ การปรับค่าต่างๆสามารถทำได้สะดวกผ่านหน้าเครื่องเล่นเพลงได้เลย ประกอบไปด้วย อีควอไลเซอร์ที่มีให้ปรับกว่า 9 รูปแบบ ได้แก่ ปกติ, ร็อก, ป๊อป, แด๊นซ์, คลาสิก, แจ๊ส, ไวด์, ไดนามิก และเซอราวด์, การทำงานแบบเล่นวนซ้ำ(เล่นวน 1 รอบ เล่นแบบวนซ้ำไปเรื่อยๆ และเล่นวนซ้ำเฉพาะเพลงที่เลือก) สุดท้ายปรับการสลับเล่นเพลงแบบสุ่ม
หลังการใช้งานเมนูเพลงพบว่า ฟังก์ชันต่างๆที่ใส่มาให้ใช้กับเครื่องรุ่นนี้ถือว่าตอบสนองความต้องการได้ครบ ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน เสียงที่ขับออกมาทางลำโพงด้านหน้าดังในระดับปานกลาง เมื่อลองเร่งจนสุดมีเสียงแตกพร่าให้ได้ยินบ้างบางชั่วขณะ โทนเสียงที่ขับผ่านทางลำโพงออกแหลมแบบแข็งๆไม่ค่อยมีมิติและยังไม่ใสเท่าที่ควร แต่ถือว่าพอใช้ในการฟังเพลงเพื่อความเพลิดเพลินได้สบาย
Applications
เมนู"แอปพลิเคชัน"ของเครื่องรุ่นนี้เป็นศูนย์รวมความหลากหลายด้านแอปฯ ซึ่งได้ใส่เข้ามาให้ใช้งานดังต่อไปนี้ วิทยุ FM, เกม, เครื่องบันทึกเสียง, บลูทูธ, การตั้งเวลา, การจับเวลา และRss Reader ซึ่งในรุ่นนี้ทางทีมงานขอหยิบ 2 แอปฯเด่นที่ดูแล้วน่าสนใจขึ้นมานำเสนอดังนี้
FM Radio
"วิทยุ FM" สามารถใช้งานได้เมื่อต่อเข้ากับหูฟังสมอล์ทอล์กเท่านั้น โดยเมื่อกดเข้าสู่เมนูนี้จะพบกับฟังก์ชันการใช้งานต่างๆอยู่บนพื้นที่เดียวกัน ประกอบไปด้วย ส่วนบนมีให้เลือกใช้งานฟังก์ชัน "AF" กับช่องทางการรับฟังเสียง ว่าจะฟังผ่านลำโพง หรือหูฟัง ถัดลงมาตรงกลางเป็นตัวเลขบอกคลื่นความถี่ทศนิยม 2 ตำแหน่ง สามารถกดให้ทำงานด้วยการกดปุ่มเล่น(กลาง) ส่วนการเปลี่ยนคลื่นให้กดปุ่มลูกศรที่อยู่ขนาบด้านซ้าย และขวา ซึ่งอยู่ถัดลงมาจากหน้าปัดวิทยุ หรือจะกดให้ค้นหาคลื่นความถี่แบบอัตโนมัติ ด้วยการเลือกที่เพิ่มเติม > เลือกค้นหา
"การตั้งค่า" ของวิทยุสามารถปรับค่าได้ดังนี้ การเล่นแบ็กกราวด์ เป็นการเซ็ตค่าให้วิทยุทำงานอยู่แม้จะกลับออกไปยังหน้าหลัก, แสดงชื่อสถานี ว่าจะให้แสดงชื่อหรือไม่ และเปลี่ยนความถี่ใหม่อัตโนมัติ
Bluetooth
ที่หยิบยกการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธขึ้นมานำเสนอนั้น เนื่องจากว่าแอปฯนี้สามารถเรียกใช้งานได้อย่างง่ายดาย และการดีไซน์ตัวแอปฯทำออกมาได้น่าใช้มากๆ เมื่อเปิดขึ้นมาก็จะพบข้อความเชิญชวนให้สัมผัสตรงรูปโทรศัพท์ เพื่อทำการเปิดการใช้งาน หากจะปิดการใช้งานก็กดที่รูปโทรศัพท์ตำแหน่งเดิมได้เลย สามารถค้นหาได้ง่ายๆเพียงแค่กดปุ่ม "ค้นหา" ทางด้านล่าง บลูทูธก็จะทำการค้นหาให้อัตโนมัติ ส่วนการตั้งค่ามีให้เลือกปรับดังนี้ ตั้งชื่อเครื่อง, การเข้าถึงเครื่องส่วนตัว(เปิด-ปิด), โหมดป้องกัน(เปิด-ปิด) และโหมดรีโมต SIM(เปิด-ปิด)
Design of Samsung Star S5230
ทัชโฟนของซัมซุงรุ่นนี้ถูกออกแบบอย่างราบเรียบ ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมแท่งตัดขอบโค้งมน การประกอบเครื่องถือว่าทำได้อย่างปราณีตดูแน่นหนาซึ่งทำจากพลาสติกทั้งหมด ด้วยความที่เป็นโทรศัพท์มือถือแบบทัชสกรีนทำให้ตัวเครื่องถูกดีไซน์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับกับความกว้างของหน้าจอที่กินพื้นที่มากขึ้นนั่นเอง จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ใหญ่เทอะทะจนเป็นอุปสรรคต่อการพกพา เนื่องจากภายหลังได้ลองสัมผัสกลับพบว่า ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดพอเหมาะพอดีมือเสียอีก โดยตัวเครื่องมีขนาด 104 x 53 x 11.9 ม.ม. น้ำหนัก 93.5 กรัม
ด้านหน้า : พื้นผิวทางส่วนนี้มีลักษณะเป็นมันวาว ไล่จากส่วนบนสุดจะพบลำโพงวางเด่นอยู่ตรงกึ่งกลาง ซึ่งเป็นทั้งลำโพงสนทนา และลำโพงของเครื่องเล่นเพลง ถัดลงมาเป็นยี่ห้อ "SAMSUNG" วางพาดอยู่ตรงกึ่งกลางเช่นเดียวกัน ถัดมาทางด้านล่างเป็นจอแสดงผลแบบทัชสกรีน WQVGAtouchscreen 262K ขนาด 3.0 นิ้ว (240 x 400 พิกเซล)
ใต้จอแสดงผล ไล่ขากซ้านไปขวามีปุ่มรับสาย-โทรออก, ปุ่มย้อนกลับ และปุ่มวางสาย (กดค้างเปิด-ปิดเครื่อง) วางเรียงตามลำดับอยู่ด้านล่างสุดของเครื่อง
ด้านหลัง : พลิกมาดูด้านหลังของเครื่องจะพบกับกล้องถ่ายภาพพร้อมกระจกส่องถ่ายภาพตัวเอง พร้อมข้อความการันตีความละเอียด "3.2 MEGA PIXELS" ซึ่งทั้งหมดถูกออกแบบให้อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางไว้มุมบนซ้ายของเครื่อง ถัดมาตรงกึ่งกลางด้านบนมีสัญลักษณ์รูป "สามเหลี่ยมหัวกลับ" แสดงให้รู้ว่าให้เปิดฝาหลังโดยการเลื่อนเข้าหาตัว ส่วนทางด้านล่างมียี่ห้อ "SAMSUNG" วางพาดอยู่ โดยพื้นผิวบริเวณนี้ถูกดีไซน์อย่างเก๋ไก๋ด้วยลวดลายจุด ซึ่งช่วยลดการลื่นไหลหลุดออกจากมือได้พอสมควร
เมื่อเปิดฝาหลังออก ไล่จากส่วนบนจะพบกับที่ใส่ซิมการ์ด ถัดมาเป็นช่องวางแบตเตอรี่ชนิด Li-Ion 1000 mAh ส่วนช่องใส่เมมโมรีการ์ดนั้นถูกซ่อนอยู่ด้านล่างช่องใส่ซิมการ์ดอีกทีหนึ่ง ซึ่งหากจะใช้งานต้องถอดแบตฯออกก่อนจึงจะสามารถใส่เมมโมรีการ์ดได้ โดยรองรับหน่วยความจำแบบ microSDHC สูงสุดถึง 8 GB
ด้านขวา : ถูกออกแบบให้มีปุ่มล็อกหน้าจอไว้ตรงกลางเครื่อง(กด 1 ครั้งล็อกเครื่อง และกดค้างเพื่อปลดล็อกเครื่อง) ถัดลงมาด้านล่างเป็นปุ่มกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ-วิดีโอ (กดค้างเข้าฟังก์ชันถ่ายภาพ) ส่วนล่างสุดเป็นช่องสำหรับร้อยสายคล้องมือ-คอ
ด้านซ้าย : ด้านบนสุดเป็นปุ่มปรับระดับเพิ่ม-ลดเสียงในเมนูเพลง และขยายภาพเข้า-ออกในเมนูกล้อง ถัดลงมาใกล้กันเป็นช่องเชื่อมต่อสำหรับโอนถ่ายข้อมูล ชารจ์แบตฯ และต่อกับชุดหูฟัง ซึ่งใช้งานร่วมกันที่ช่องนี้เพียงช่องเดียว โดยมีพลาสติกหุ้มปิดมิดชิดพร้อมสัญลักษณ์บอกอยู่บนฝา
ด้านบน และด้านล่าง : ด้านบนดูเหมือนจะเรียบๆไม่มีอะไร แต่หารู้ไหมว่าซัมซุงได้ซ่อนปากกาสไตลัส(Stylus)อยู่ตรงมุมเครื่อง ส่วนทางด้านล่างมีเพียงรูไมโครโฟนสำหรับสนทนาและบันทึกเสียงอยู่กึ่งกลางทางด้านขวาเครื่องเท่านั้น
บทสรุป
"Samsung Star" นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโทรศัพท์มือถือหน้าจอทัชสกรีนมาใช้งาน ทั้งแบบจริงจัง หรือจะแบบขำขำ เพราะหากเทียบกับรามค่าตัวที่เปิดมาไม่ถึงหมื่นบาทต้องบอกว่า "คุ้ม" เพียงแต่ข้อจำกัดก็ยัมีอยู่ลดหลั่นลงไปตามราคาที่ตั้งไว้ด้วยเช่นกัน อย่างการรองรับนั้นมีใส่มาให้ใช้ตามมาตรฐานครบหมด ยกเว้น การเชื่อมต่อผ่านไว-ไฟ กับไม่รองรับระบบ 3G เท่านั้น ส่วนด้านความบันเทิงก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างดังที่กล่าวไปแล้วในข้างต้น
นอกจากนี้ ยังมีออนไลน์ วิตเจ็ตมาให้ใช้งานแก้เหงายามว่าง อย่างกูเกิล ที่มี Google Search ให้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เฟสบุ๊ก (Facebook) และMySpace ที่สามารถอัปโหลดภาพขึ้นได้ทันที เรียกได้ว่ารองรับสังคมออนไลน์ยอดฮิตในขณะนี้ไว้เรียบร้อย
ด้านการใช้งานสามารถตอบสนองการสัมผัสทั้งปากกาสไตลัส และนิ้วมือได้ค่อนข้างดี ความไวในการตอบสนองถือว่าผ่านฉลุย ในเรื่องของวัสดุตัวเคืร่องอาจจะดูไม่ค่อยทนทาน แต่ก็แลกมากับความเบาในการพกพาไปไหนแถมงานประกอบก็ดูแน่นหนาดี ด้านความอึดของแบตฯนั้นให้มาถือว่ามาก แต่พอใช้งานจริงกลับพบว่ารุ่นี้ค่อนข้างใช้พลังงานมากอยู่พอสมควร โดยดฉพาะเมื่อใช้ฟังก์ชันกล้องถ่ายภาพ เสียงสนทนาดังชัดเจนดี
ขอชม
- ถึงแม้ราคาจะดูไม่หวือหวา แต่การดีไซน์ยังคงความไฮโซของซัมซุงอยู่
- รุ่นนี้ตอบสนองการใช้งานได้อย่างไหลลื่น และลูกเล่นที่ใส่มาใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน
- เสียงที่ขับผ่านลำโพงด้านหน้าทำได้น่าประทับใจ
ขอติ
- กล้องดิจิตอลที่ติดมาไม่มีระบบออโต้โฟกัส และไม่มีไฟแฟลชมาให้ใช้งาน
- รุ่นนี้ไม่มีช่องต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้ใช้งาน
- ไม่รองรับการเขียนตัวอักษรภาษาไทยด้วยลายมือ
ระบบเครือข่าย : GSM 850/900/1800/1900 MHz
รองรับ : GPRS/EDGE Class 12/HSDPA 7.2Mbps
หน้าจอ : WQVGAtouchscreen 262K ขนาด 3.0 นิ้ว (240 x 400 พิกเซล)
ขนาดตัวเครื่อง : 104 x 53 x 11.9 มิลลิเมตร
น้ำหนัก : 93.5 กรัม
หน่วยความจำภายใน : 50 MB
หน่วยความจำภายนอก : รองรับ MicroSD สูงสุด 8GB
เสียงเรียกเข้า : Polyphonic, MP3
กล้องด้านหลัง : 3.2 ล้านพิกเซล
กล้องด้านหน้า : ไม่มี
เครื่องเล่น MP3 Player : มี
วิทยุ FM Radio : มี
เชื่อมต่อ : บลูทูธ 2.1, USB 2.0
ระบบค้นหาตำแหน่ง : ไม่มี
แบตเตอรี่ : Li-ion 1000 mAh
สำหรับราคาจำหน่ายของ Samsung Star S5230 ราคาเปิดตัว 8,990 บาท (มาพร้อม MicroSDการ์ดขนาด 4 GB)
Company Related Links :
Samsung