xs
xsm
sm
md
lg

Review รีวิวสินค้าไอที สมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก

x

Review : Razer Salmosa เมาส์ขั้นต้นสำหรับคอเกม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




ทำไม Salmosa ถึงเป็นเมาส์ขั้นต้นสำหรับคอเกม? หลายๆท่านที่อ่านหัวเรื่องคงจะเกิดความสงสัยตามมา คงต้องบอกว่า Salmosa อาจจะถือเป็นรุ่นประหยัดสำหรับแบรนด์อย่าง Razer ที่ผลิตสินค้าสำหรับคอเกมออกมาแต่ละอย่างราคาจะสูงๆทั้งนั้น

โดยที่วางขายอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ Salmosa จะมีให้เลือก 2 แบบคือ ขนาดใหญ่ (ตัวที่เขียนถึงอยู่) มีขนาดเท่ากับเมาส์ทั่วๆไปตามท้องตลาด และ ขนาดเล็ก ที่จะมีขนาดพอๆกับเมาส์โน้ตบุ๊กซึ่งออกมาสำหรับคอเกมที่ชอบเมาส์ขนาดเล็กๆ ใช้เพียงนิ้วในการบังคับเท่านั้น

รุ่นประหยัดคุณภาพเท่ารุ่นใหญ่

ก่อนที่จะพูดถึงรูปร่างหน้าตาและการใช้งาน มาดูกันถึงคุณสมบัติที่บอกว่าเท่ารุ่นใหญ่กันก่อนดีกว่า เจ้าตัว Salmosa เป็นเมาส์ที่ใช้เซ็นเซอร์อินฟาเรดในการควบคุมซึ่งทาง Razer เรียกระบบเซ็นเซอร์นี้ว่า "Razer Precision 3G" ที่สามารถปรับความละเอียดของเมาส์ได้ 2 แบบคือ 800dpi และ 1,800dpi นอกจากนี้ยังสามารถปรับอัตราความถี่ในการตอบสนองได้ 3 ระดับคือ 125Hz, 500Hz และ 1,000Hz



ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยที่มีระบุไว้หลังกล่องได้แก่ ปุ่มกันลื่นขนาดใหญ่, เส้นทางข้อมูลกว้างพิเศษ 16 บิต, การเร่งความเร็ว 60 - 120 นิ้ว ต่อวินาทีและ 15 กรัม, ปุ่ม Hyperesponse สำหรับตั้งโปรแกรมอิสระจากกันได้ 3 ปุ่ม, การออกแบบรองรับการจับถนัดทั้ง 2 มือ, ลูกกลิ้งพร้อมตำแหน่งคลิก 24 ตำแหน่งอิสระจากกัน, Ultraslick Teflon feet ไร้เสียงรบกวน, สายไฟยาว 7 ฟุต น้ำหนักเบาไม่พันกัน และ ขนาดโดยประมาณ 115 x 63 x 37 มิลลิเมตร

หลังจากรับรู้คุณสมบัติของเมาส์รุ่นนี้แล้ว มาเริ่มแกะกล่องกันเลยดีกว่า ลักษณะของกล้องจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ใช้สีสันตามลักษณะของแบรนด์คือ ดำเขียว เป็นหลัก มีรูปเมาส์อยู่ตรงกลาง ซ้ายบนเป็นรูปนักเล่นเกมอันดับต้นๆของโลกมาช่วยคอนเฟิร์มคุณสมบัติ ทางขวาบนจะเป็นสัญลักษณ์ของเรเซอร์ บริเวณด้านล่างจะมีชื่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ พร้อมกับคุณสมบัติเด่นของเมาส์รุ่นนี้คือ 3G อินฟาเรด เซ็นเซอร์ และ 1,800dpi นั่นเอง



เมื่อเปิดฝาหน้าออกมาจะพบกับตัวเมาส์ และคำอธิบายรายละเอียดของเมาส์อยู่ด้านหลังของฝาหน้า ด้านขวาของกล่องจะเป็นตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของ Salmosa กับ เมาส์ทั่วๆไป ที่การันตีไว้ว่า เร็วกว่าเมาส์ทั่วไป 2.25 เท่า และลดพื้นที่ในการขยับเมาส์ลงกว่า 55%



ด้านขวาของกล่องจะมีข้อความจากผู้ผลิตพูดถึงตัวเมาส์ รวมไปถึงบอกฟีเจอร์เด่นๆของเมาส์บริเวณด้านล่าง ส่วนด้านหลังกล่อง จะบอกรายละเอียดต่างๆของเมาส์ เช่น สายยาว 7 ฟุต น้ำหนักเบา, ตำแหน่งคลิกเมาส์ 24 ตำแหน่ง ฯลฯ



เมื่อแกะกล่องออกมานอกจากตัวเมาส์แล้วจะพบกับ Master Guide, Quick Start Guide, Certificate, แผ่นไดร์ฟเวอร์ และสติกเกอร์สัญลักษณ์ของ Razer ที่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจกัน



มาถึงตัวเมาส์กันแล้ว...จากรูปร่างถ้าตัดสัญลักษณ์ของเรเซอร์ออกเมาส์รุ่นนี้คงจะลดราคาลงมาเหลือร้อยกว่าบาทก็เป็นได้ แต่ถ้าลองสัมผัสถึงวัสดุแล้วจะรู้ว่าดีกว่าเมาส์ธรรมดาทั่วไปนิดหน่อยกล่าวคือ วัสดุที่ใช้จะเป็นพลาสติกผสมกราไฟท์สีดำด้าน ตัวเมาส์ถูกออกแบบมาให้รับกับฝ่ามือเป็นอย่างดี



บริเวณที่คลิกเมาส์จะมีขนาดใหญ่ และรับสัมผัสได้รวดเร็ว เพียงกดเบาๆก็พอแล้ว ส่วนปุ่ม Scroll Wheel จะเป็นพลาสติกที่มีผิวสัมผัสหนืดๆ ทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ลื่นเกินไป จากการออกแบบที่ฝั่งซ้าย-ขวา มีขนาดสมมาตรกัน ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งผู้ที่ถนัดมือซ้าย และ มือขวา

พลิกไปพลิกมา ไม่พบปุ่มพิเศษอื่นๆ ที่มีในเมาส์รุ่นอื่นๆของเรเซอร์ ดังนั้นจึงบอกได้ว่าเมาส์รุ่นนี้ถือเป็นขั้นต้นสำหรับคอเกม ที่ไม่ต้องการฟีเจอร์ในการควบคุมแบบอื่น



เมื่อพลิกดูด้านหลังจะพบบกับปุ่มปรับความละเอียด dpi ทางฝั่งซ้าย ซึ่งสามารถปรับเพื่อใช้งานได้ทันที ตรงกลางจะเป็นช่องสำหรับเซ็นเซอร์อินฟาเรด ส่วนฝั่งขวาจะเป็นปุ่มปรับความถี่ในการตอบสนอง ซึ่งเมื่อปรับในส่วนนี้ การเชื่อมต่อของเมาส์จะถูกตัดออก คล้ายกับการถอดสายยูเอสบีชั่วขณะ



พอร์ตที่ใช้จะเป็นพอร์ตยูเอสบี 2.0 บริเวณหัวของยูเอสบีจะมีแบรนด์เรเซอร์เขียนติดอยู่ด้วย

Software



ในส่วนของซอฟต์แวร์ที่ช่วยควมคุมการทำงานนั้น เวลาติดตั้งจำเปนต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อที่จะได้โหลดไดร์ฟเวอร์ เวอร์ชันใหม่ล่าสุด เมื่อลงเสร็จ จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำคัญคือ การปรับความเร็วของเมาส์ ปรับความเร็วของ Scroll Wheel และ ปรับแต่งปุ่ม



เริ่มกันที่การปรับแบ่งความเร็วในการควบคุมเมาส์จะแบ่งออกเป็น 10 ระดับ ให้ผู้ใช้สามารถตั้งได้ตามความถนัด หากกดปุ่ม Advance จะมีการปรับแต่งความเร็วของการเครื่องไหวในแนวตั้งและแนวนอนให้ปรับได้อีกด้วย ส่วนการปรับแต่งความเร็วในการดับเบิลคลิกจะมีให้เลือก 8 ระดับ สามารถทดลองใช้งานได้บริเวณ Test Area ด้านล่าง



ส่วนต่อมาคือปรับความเร็วในการควบคุม Scroll Wheel สามารถปรับได้ 8 ระดับเช่นเดียวกัน โดยพื้นที่ทางฝั่งขวาจะเป็นส่วนให้ทดลองใช้งาน



สุดท้ายหน้าจอการปรับแต่งปุ่ม ซึ่งก่อนอื่นจะมีให้เลือกมือที่ใช้ในการควบคุมอยู่ส่วนบน และส่วนล่างจะเป็นที่ปรับแต่งปุ่มต่างๆ โดยสามารถตั้งได้ทั้งหมด 9 ลักษณะคือ Click, Menu, Universal Scroling, Double Click, Advance, Windows Button 4, Windows Botton 5, On-The-Fly Sensitvity และ ปิดการใช้งาน

บทสรุป

ก่อนอื่นต้องบอกว่าลักษณะการใช้งานเมาส์ของแต่ละบุคคลจะไม่เหมือนกัน บางคนชอบเมาส์ที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็ว บางคนต้องการเมาส์ที่สามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นผลการทดสอบที่ได้ออกมาจึงอ้างอิงจากความรู้สึกของผู้เขียนเป็นหลัก

เมาส์รุ่นนี้ ถ้าจะนำมาใช้งานด้านไฟล์เอกสาร คงต้องบอกว่าเสียของ เนื่องจากคุณสมบัติต่างๆในการใช้งานที่ให้มาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเบา การเคลื่อนที่ด้วยความละเอียดสูง ปุ่ม Scroll Wheel ที่ไม่เหมาะกับการหมุนในหน้าเอกสารนานๆ นั่นไม่จำเป็นต่อการใช้งานดังกล่าวเลย

แต่ถ้านำเมาส์รุ่นนี้มาใช้กับการเล่นเกม ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแบรนด์เรเซอร์ จะรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง เนื่องจากในการเล่นเกม การเคลื่อนที่ด้วยความไวของเมาส์จะเป็นจุดเด่นขึ้นมาทันที ปุ่ม Scroll Wheel จะเหมาะกับการใช้สำหรับเปลี่ยนอาวุธในเกมประเภท FPS (First Person Shooting) และสุดท้ายผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนความละเอียดของเมาส์ได้ง่ายดาย

สำหรับราคาจำหน่ายของ Razer Salmosa ขนาดใหญ่ อยู่ที่ประมาณ 1,299 บาท ส่วนขนาดเล็กอยู่ที่ประมาณ 950 บาท

ขอชม
- การดีไซน์ที่จับถนัดมือ น้ำหนักเบา
- สามารถปรับความละเอียดระหว่าง 800 กับ 1,800dpi ได้ทันที
- ซอฟต์แวร์ช่วยในการปรับแต่งได้ตามใจผู้ใช้งาน

ขอติ
- ไม่มีไฟแสดงสถานะในการใช้งานใดๆ
- ความละเอียดสูงสุดแค่ 1,800dpi (ปัจจุบันสูงสุดที่ 4,000dpi)
- น้ำหนักอาจจะเบาเกินไป สำหรับบางคน

Company Relate Link :
Razer
Ascenti บริษัทผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายของ Razer ในประเทศไทย









กำลังโหลดความคิดเห็น