วันนี้ทีมงานผู้จัดการไซเบอร์อาจพาดหัวบทความรีวิวให้ชวนฉงนสงสัยสักเล็กน้อย เพราะวันนี้ทีมงานได้รับเมาส์และแผ่นรองเมาส์ชื่อเท่จากแบรนด์ Razer มาทดสอบ ในชื่อ DeathAdder Black Edition และ Goliathus Control Edition โดยชื่อ DeathAdder ตามความหมายที่ Razer กล่าวกับทีมงานนั้นแปลว่า "งูเห่าดำ" ส่วน Goliathus คือ "ตัวด้วง" ที่มีความสามารถในการเกาะติดต้นไม้
Specifications and Design
สำหรับเมาส์ DeathAdder Black Edition แท้จริงแล้วก็คือเมาส์รุ่น DeathAdder ปกติ (ที่มีไฟเรืองแสงสีฟ้า) โดยในรุ่น Black Edition ทาง Razer ได้ผลิตขึ้นเพื่อฉลองความสำเร็จของเมาส์รุ่น DeathAdder ตัวเก่า ซึ่งในรุ่น Black Edition สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลักๆ ก็คงเป็นในเรื่องการออกแบบ และวัสดุ โดยจะมีการตัดไฟเรืองแสงจากรุ่นก่อนออกทั้งหมด พร้อมปรับปรุงในส่วนของวัสดุให้มีความด้าน จับถนัดมือกว่ารุ่นก่อน และอีกหนึ่งจุดเด่นที่ยังคงไว้จากรุ่นปกติก็คือการออกแบบตัวเมาส์แบบ Ergonomic สำหรับผู้ใช้เมาส์มือขวา โดยลักษณะการจับใช้งานจะถูกออกแบบให้เป็นไปตามสรีระของร่างกายเป็นหลัก
ในส่วนของสเปกตัวเมาส์ DeathAdder Black Edition จะใช้เซนเซอร์แบบอินฟราเรดที่สามารถตั้งความเร็วได้สูงสุด 3,500 dpi มีอัตรา Polling Rate หรืออัตราการส่งข้อมูลที่สามารถปรับแต่งได้ตั้งแต่ 125Hz, 500Hz และ 1,000Hz ส่วน DPI หรือค่าความเร็วเมาส์จะมีค่าต่ำสุดที่ 450dpi และสูงสุดที่ 3,500dpi อีกทั้งตัวเมาส์ยังรองรับการตั้งโปรไฟล์ได้ถึง 5 โปรไฟล์และสามารถตั้งปุ่ม Macro ไว้สำหรับใช้เล่นเกมได้ด้วย
นอกจากนั้นในส่วนของซอฟท์แวร์ควบคุมตัว DeathAdder ยังอนุญาตให้เราสามารถปรับแต่งความไว (Sensitive) รวมถึงอัตราเร่งของเมาส์ได้ค่อนข้างละเอียด
แต่ทั้งนี้เนื่องจากตัวเมาส์ DeathAdder Black Edition ไม่มีปุ่มปรับ DPI แบบ on the fly มาให้ทำให้ผู้ใช้ที่ชอบปรับค่า DPI ระหว่างเล่นเกมจำเป็นต้องเข้าไปตั้งค่าปุ่มกดในซอฟท์แวร์เสียก่อน
มาที่แผ่นรองเมาส์ Goliathus แบบหน้า Control Edition (เน้นใช้กับเกมแนว RTS) ที่อัปเกรดจากเวอร์ชันปกติเป็น Extended Edition โดยเพิ่มขนาดและความยาวของแผ่นรองเมาส์ให้ยาวถึง 920 มิลลิเมตร (สามารถกางบนโต๊ะและใช้วางคีย์บอร์ดได้) พร้อมความกว้าง 294 มิลลิเมตรโดยในส่วนพื้นผิวด้านสัมผัสกับเมาส์จะค่อนข้างหยาบ และพื้นผิวด้านหลังจะเป็นยางค่อนข้างเหนียวไว้สำหรับเกาะติดกับโต๊ะ
ทดสอบประสิทธิภาพ
ทดสอบกับเกม Crysis 2
ทดสอบกับเกม Shogun 2 Total War
ทดสอบกับเกม Bulletstorm
ทดสอบกับเกม Plants vs Zombies
ทดสอบกับโปรแกรม Adobe Photoshop CS5
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพทางทีมงานจะทำการทดสอบเมาส์ Razer DeathAdder Black Edition ควบคู่กับแผ่นรองเมาส์ Goliathus Extended Edition แบบหน้า Control Edition ด้วยเกมแนว RTS, FPS, Casual และทดสอบร่วมกับการทำงานบน Adobe Photoshop CS5 พบว่า ในส่วนของเมาส์ DeathAdder Black Edition ด้านการจับต้องเพื่อใช้งาน ความลื่นไหลและน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เหมาะแก่คนมือไม่ใหญ่อย่างคนเอเซีย อีกทั้งด้วยการออกแบบรูปเมาส์ที่ไปตามสรีระของมือผู้ใช้ ทำให้เมื่อจับเมาส์ไปนานๆ จะไม่รู้สึกเมื่อยแต่อย่างใด ส่วนในเรื่องการควบคุมถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐาน Razer ความลื่นไหลและอัตรา Polling Rate ก็สูงตามมาตรฐานเมาส์เกมเมอร์
นอกจากนั้นในส่วนของพื้นผิวเมาส์ที่ปรับปรุงจากรุ่นก่อนให้จับได้ถนัดมากขึ้น ก็ช่วยเสริมความกระชับมือได้ดี รวมถึงการวางตำแหน่งปุ่มกดด้านซ้ายตัวเมาส์ก็อยู่ในตำแหน่งที่ดี แต่ทั้งนี้มีข้อสังเกตเล็กน้อยในเรื่องของการไม่ให้ปุ่มปรับ dpi แบบ on the fly มาทำให้ผู้ใช้ที่นิยมปรับ DPI ระหว่างเล่นเกมอาจต้องเกิดความยุ่งยากในการเข้าไปสั่งงานให้ปุ่มอื่นๆ ทำหน้าที่แทน และอีกส่วนที่สำคัญคือ Razer ไม่เคยให้ไดร์วเวอร์มากับตัวเมาส์ ทำให้ผู้ใช้ที่เมื่อซื้อเมาส์มาแล้วต้องไปหาไดร์วเวอร์จากเว็บหลัก Razerzone มาใช้เอง ถึงจะสามารถดึงประสิทธิภาพตัวเมาส์ออกมาได้อย่างเต็มที่
สำหรับในส่วนของแผ่นรองเมาส์ Goliathus Extended Edition แบบหน้า Control Edition ที่มาพร้อมขนาดที่ใหญ่และกว้างจนแทบจะปูแทนผ้ารองโต๊ะได้นั้น หลังจากการทดลองใช้งานพบว่า ด้วยการที่แผ่นรองเมาส์มีพื้นผิวค่อนข้างหยาบ ทำให้การควบคุมเมาส์ที่อาจมีความไวสูงจะนิ่งขึ้น ส่วนเมาส์ที่มี DPI ต่ำอย่าง Microsoft IntelliMouse Explorer 3.0 ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนิ่งและช้าอยู่แล้ว เมื่อใช้กับแผ่นรองนี้จะยิ่งเพิ่มความนิ่งขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ความเร็วไม่ตกลงมาเท่าใด ซึ่งเมื่อใช้เล่นเกม RTS ดำเนินเหตุการณ์ช้าๆ อย่าง Shogun 2 Total War หรือ Civilization 5 ก็ดูเข้ากันดี และเมื่อเปลี่ยนมาใช้ DeathAdder Black Edition พร้อมดัน DPI ขึ้นเกิน 900 พบว่า Goliathus Extended Edition ก็ทำให้เมาส์นิ่งใช้ได้ และสุดท้ายเมื่อลองทดสอบกับการทำงานด้วยโปรแกรม Adobe Photoshop CS5 พบว่าด้วยหน้าสัมผัส Goliathus นั้นเป็นแบบหยาบ รู้สึกได้ ทำให้การลากเส้น (สำหรับคนมือไม่เที่ยงตรงอย่างผม) สามารถใช้นิ้วก้อยลากสัมผัสระหว่างเลื่อนเมาส์ไปกับพื้นผิวหยาบๆ ของแผ่นรองเมาส์ ให้รู้สึกถึงแนวเส้นตรงได้ดีทีเดียว (ควบคุมเมาส์ได้ดีขึ้น)
สรุป
แม้ทีมงานจะใช้เวลาทดสอบไม่นานจนสามารถสรุปการลอกของพื้นผิวตัวเมาส์เมื่อใช้ไปนานๆ หรือการสึกหรอของแผ่นรองเมาส์ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ Razer DeathAdder Black Edition และ Goliathus Extended สามารถทำได้ดีตามชื่อเสียงของ Razer ก็คือเรื่องของคุณภาพที่ยังคงดีเสมอตัว โดยในส่วนของเมาส์ DeathAdder Black Edition ถึงแม้จะไม่มีฟังก์ชันพิเศษให้น่าตื่นเต้นใดๆ นัก แต่ในเรื่องของการใช้งานสามารถตอบโจทย์นักเล่นเกมที่เน้นการใช้เมาส์เป็นเวลานานหรือพวกทำงานกราฟฟิกก็สามารถใช้เมาส์ตัวนี้ไปเป็นส่วนเสริมที่ดีมากๆ เพราะสามารถตั้งความละเอียดของตัวเมาส์ได้ อีกทั้งตัวเมาส์สามารถใช้บนแม็คอินทอชได้ด้วย ส่วนแผ่นรองเมาส์ Goliathus Extended ด้วยขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้มีผู้ใช้บางรายสามารถนำไปตัดซอยแบ่งออกเป็นหลายๆ แผ่น นำไปใช้งานคู่กับคอมพิวเตอร์หลายๆ ตัวได้ด้วย
Razer DeathAdder Black Edition ราคา 1,990 บาท
Razer Goliathus Extended ราคา 1,190 บาท
ทั้งสองเป็นรุ่น Limited Edition มีเพียง 1,337 ตัวเท่านั้น
ขอชม
- การออกแบบของเมาส์ Razer DeathAdder Black Edition ทำได้ดี
- เมาส์ Razer DeathAdder Black Edition สามารถตั้ง Macro ได้
- แผ่นรองเมาส์ Goliathus Extended มีขนาดใหญ่มาก สามารถตัดซอยหรือใช้ตั้งคีย์บอร์ดได้
- แผ่นรองเมาส์ Goliathus Extended ใช้วัสดุผลิตที่ดี ฉีกขาดยากมาก
ขอติ
- เมาส์ Razer DeathAdder Black Edition ไม่มีปุ่ม DPI แบบ on the fly มาให้
- เมาส์ Razer DeathAdder Black Edition และแผ่นรองเมาส์ Goliathus Extended มีจำนวนจำกัด ทำให้เกิดความไม่ทั่วถึง
- Razer ไม่เคยมีไดร์วเวอร์ติดตั้งแถมมาให้ ทำให้ผู้ใช้ที่ต้องการใช้เมาส์อย่างเต็มประสิทธิภาพต้องหาดาวน์โหลดจากเว็บหลักเอง
Company Related Links :
Razer
ARC