หลังจากจดๆจ้องๆมานาน MSI ก็เริ่มทำตลาดในส่วนของโน้ตบุ๊กอย่างเต็มตัวโดยบริษัทแม่เตรียมตัวส่ง GX400 โน้ตบุ๊กสำหรับคอเกมขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย หวังเจาะกลุ่มวัยรุ่น - วัยทำงาน ที่ต้องการใช้โน้ตบุ๊กอย่างเต็มประสิทธิภาพ
โดยขณะนี้ทาง MSI ยังรอกระแสตอบรับจากผู้ใช้ ในการนำเข้ามาทำตลาดซึ่งยังไม่มีการกำหนดราคาที่แน่นอน (ทราบมาว่าจะทำราคาให้ต่ำกว่ารุ่น GX630 ที่ใช้ AMD Turion x2 Ultra Dual-Core ZM-82 @ 2.2 GHz ซึ่งราคาเปิดตัวอยู่ที่ 45,900 บาท) คาดว่าถ้านำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจะได้รับความนิยมไม่น้อย
สำหรับจุดเด่นในโน้ตบุ๊กสำหรับคอเกมของ MSI ทุกรุ่นจะอยู่ที่การเพิ่มประสิทธิภาพของซีพียูที่เรียกว่า 'Turbo Drive Engine' ในการโอเวอร์คล็อก (O/C : Over Clock) เหมือนกับในพีซี โดยในการใช้งานโหมดดังกล่าวจะต้องเสียบสายชาร์จเพราะว่าจะใช้ไฟมากกว่าปกติ ส่วนของแถมที่จะมากับโน้ตบุ๊กใน GX400 คือ เมาส์สำหรับเล่นเกม 'MSI Star Mouse GS-502' ซึ่งสามารถปรับความละเอียดได้สูงถึง 3200dpi
Design Of MSI GX400
วัสดุที่ใช้ผลิตส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติก ผสมกับแมกนีเซียมอัลลอยด์ในบางส่วน ทำให้เครื่องมีน้ำหนักเพียง 2.2 กิโลกรัม (รวมแบตเตอรี่) โดยดีไซน์จะใช้ สีแดงในส่วนฝาหน้า ตัดกับสีดำของตัวเครื่อง โดยจะมีแทรกสีเงินจากอะลูมิเนียมเล็กน้อย บริเวณด้านบนคีย์บอร์ด ขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 332 x 243 x 24-33.5 มิลลิเมตร
ด้านหน้าจะมีสีแดงแบบมันเงา เคลือบไปทั้งฝา ตรงกลางจะมีโลโก้ MSI สีเงินสะท้อนแสงติดอยู่ ซึ่งวัสดุในส่วนนี้จะเป็นพลาสติกแทบทั้งหมด ทำให้เป็นรอยได้ง่าย
เมื่อเปิดหน้าจอขึ้นมาจะพบกับหน้าจอ LCD แบบ WSXGA ขนาด 14.1 นิ้ว สัดส่วน 16:10 ให้ความละเอียดสูงสุด 1280 x 800 ซึ่งทาง MSI บอกมาว่าจะมีความคมชัดและสว่างกว่าปกติจากเทคโนโลยี 'MSI VIVID Image Enhancement' โดยด้านบนของจอภาพจะมีกล้องเว็บแคม ความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล ส่วนด้านล่างจะมีสัญลักษณ์ของ MSI ติดอยู่ ในส่วนของข้อต่อระหว่างตัวเครื่องกับหน้าจอนั้น จะมีตัวยึดขนาดเล็กอยู่ทางฝั่งซ้ายและขวา
ถัดลงมาในส่วนของตัวเครื่องเริ่มจากด้านบน จะมีแถบสีเงินแสดงถึงที่อยู่ของลำโพงทั้งซ้ายและขวา โดยบริเวณมุมขวา จะมีปุ่มสำหรับใช้งานโหมด Turbo และ Eco ถัดมาเป็น ปุ่มเปิด - ปิดเครื่องอยู่ โดยทั้ง 3 ปุ่มเมื่อมีการใช้งานจะมีไฟสีน้ำเงินแสดงขึ้นมา
ด้านซ้ายของคีย์บอร์ด ไล่จากบนสุดจะมีปุ่ม เปิด - ปิดการเชื่อมต่อไร้สาย ทั้งไวเลสและบลูทูธ ปุ่มลัดสำหรับเรียกใช้งานโปรแกรม ปุ่มเปิดใช้งานกล้องเว็บแคม และไฟแสดงการใช้งาน Caps Lock, Num Lock, Scroll Lock และ การทำงานของซีพียู
ในส่วนของคีย์บอร์ดจะเป็นปุ่มสีดำ สกรีนตัวอักษรสีขาว โดยผู้เขียนมีความรู้สึกว่าขนาดของปุ่มคีย์บอร์ดเฉพาะตรงส่วนของตัวอักษรจะมีขนาดใหญ่กว่าคีย์บอร์ดทั่วๆไป แต่ปุ่มอื่นๆอย่าง Esc F1-F12 Home End จะมีขนาดเล็กกว่าปกติ
ส่วนปุ่มฟังก์ชันจะอยู่ด้านนอกสุด โดยจะดันปุ่ม Ctrl เข้ามาอยู่ด้านใน ซึ่งไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ในเมื่อเป็นโน้ตบุ๊กสำหรับเล่นเกม แต่การนำปุ่ม Ctrl เข้ามาอยู่ด้านในทำให้กดได้ลำบากยิ่งขึ้น ซึ่งเกม FPS ส่วนใหญ่จำเป็นจะต้องใช้ปุ่มดังกล่าว
ด้านล่างของคีย์บอร์ดบริเวณที่วางมือซ้ายจะเป็นที่อยู่ของการ์ดจอ ทำให้มีความร้อนแผ่ออกมาจากตรงจุดนี้พอสมควร แต่ไม่ถึงขั้นมือพอง ในส่วนของทัชแพด จะมีลักษณะยุบลงไปจากตัวเครื่องเล็กน้อยพอให้เห็นว่าเป็นส่วนของทัชแพด ปุ่มคลิกซ้ายและขวา เป็นพลาสติกสีเทา
การใช้งานในส่วนของทัชแพด อาจไม่ได้รับความสะดวกมากเท่าที่ควร เนื่องมาจากไม่มีปุ่ม Scroll ขึ้น - ลง มาให้ เวลาใช้งานคีย์บอร์ด นิ้วโป้งจะสัมผัสกับบริเวณทัชแพด ทำให้เวลาพิมพ์งานต้องปิดการใช้งานในส่วนดังกล่าว(ปุ่ม Fn + F3 ในการปิดการใช้งานทัชแพด)
ด้านใต้เครื่องจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆคือ ส่วนของแบตเตอรี่ ส่วนของเมนบอร์ดที่สามารถแกะออกมาใส่แรมเพิ่ม และ ส่วนของออปติคอลไดร์ฟ ทั้งดีวีดีและฮาร์ดดิสก์ โดยในส่วนของฮารืดดิสก์ สามารถถอดเปลี่ยนได้โดยการไขน็อตเพียง 2 ตัวเท่านั้น
ในส่วนของรูระบายอากาศมีด้วยกันทั้งหมด 6 ช่องด้วยกัน โดยจะมีอยู่บริเวณฮาร์ดดิสก์ 1 ช่อง และที่เหลือจะช่วยระบายอากาศบริเวณเมนบอร์ดของเครื่อง
Input and Output Ports
เริ่มจากทางด้านซ้าย จะประกอบด้วย ช่องสำหรับล็อกโน้ตบุ๊ก ช่องพัดลมระบายอากาศขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อความร้อนถึงจุดที่กำหนดจะมีการเปลี่ยนความเร็วรอบของพัดลม ดังนั้นในการใช้งานจึงไม่ควรนำสิ่งของมาวางทางซ้ายมือเพราะลมที่ระบายออกมามีความร้อนสูง ถัดมาจะเป็น พอร์ด VGA Out, e-SATA(สามารถเสียบยูเอสบีได้), HDMI, การ์ดรีดเดอร์ และ Express Card
ทางด้านขวา จะมีเพียงพอร์ตยูเอสบี 1 พอร์ต, ออปติคอลไดร์ฟ DVD Super Multi และช่องใส่ฮาร์ดดิสก์
ด้านหน้าเครื่อง จะเป็นที่อยู่ของ ช่องเสียบสายหูฟังและไมโครโฟน รวมไปถึงไปแสดงสถานะเครื่อง ว่ามีการใช้งานไวเลส กำลังชาร์จแบตฯ และ สถานะการทำงานของเครื่อง
ทางด้านหลังจะมีช่องเสียบสายชาร์จ, ช่องเสียบสายแลน และ พอร์ตยูเอสบีอีก 1 พอร์ต ส่วนที่เหลือจะเป็นที่อยู่ของแบตเตอรี่
ส่วนการเชื่อมต่อแบบไร้สาย จะมีทั้ง ไวเลสที่รองรับมาตรฐาน 802.11 b/g/n และ บลูทูธ 2.0/EDR
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพจะอยู่ในหน้าถัดไป
Performance And Benchmark
ทีนี้มาดูกันที่ประสิทธิภาพของเจ้าตัว GX400 กันบ้าง ดวยจุดประสงค์ที่ออกแบบมาเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นนิสิต-นักศึกษา ไปจนถึงวัยทำงาน ทำให้ต้องคำนึงถึงการใช้สอยที่ครบถ้วน ทำได้ตั้งแต่งานเบาๆ อย่างเล่นอินเทอร์เน็ต ความบันเทิงสมบูรณ์แบบ และการทำงานด้านกราฟิกด้วย
เริ่มจากประสิทธิภาพของซีพียู ที่ใช้ Intel Core 2 Duo P8400 @ 2.26GHz เมื่อใช้งานเต็มที่คอร์สปีดอยู่ที่ 2261.1MHz FSB 1064MHz ส่วน L1 D-Cache 32KB x2, L1 I-Cache 32KB x2 และ L2 Cache ที่ 3MB
ด้านเมนบอร์ดเป็นของที่ทาง Micro-Star International (MSI) ผลิตเอง ชื่อโมเดล MS-1435 ที่ใช้สถาปัตยกรรม 45 นาโนเมตร หรือ Intel Centrino 2 นั่นเอง ในส่วนของหน่วยความจำใส่มาให้ถึง 4 GB โดยเป็น DDR2 2GB Bus 800MHz ทั้ง 2 ช่อง นอกจากนี้ ช่องใส่แรมที่ทาง CPU-Z ตรวจพบยังสามารถใส่เพิ่มได้อีก 1 แถว นั่นหมายถึงว่าอาจจะรองรับ DDR3 ก็เป็นได้
สำหรับการทดสอบคะแนนผ่าน PCMark05 คะแนนออกมาอยู่ที่ 5366 คะแนน ถือว่าอยู่ในระดับเทียบเท่ากับเครื่องรุ่นอื่นๆในราคาใกล้เคียงกัน
จุดสำคัญของโน้ตบุ๊กของ MSI ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นคือ 'Turbo Drive Engine' เมื่อกดใช้งาน คอร์สปีดจะขึ้นไปอยู่ที่ 2623.2 MHz หรือ 2.6GHz FSB ขึ้นมาอยู่ที่ 1234.4MHz ทำให้สามารถนำไปเทียบกับซีพียูสำหรับโน๊ตบุ๊กรุ่นใหญ่อย่าง Intel Core 2 Duo T9400 @ 2.53 GHz ได้ไม่ยาก
แน่นอนว่าเมื่อกดใช้งานโหมดดังกล่าวคะแนน PCMark05 จะขึ้นไปอยู่ที่ 6356 คะแนน ซึ่งจะทำให้เครื่องรุ่นนี้สามารถนำไปเปรียบกับเครื่องรุ่นใหญ่ๆ ราคา 6x,xxx - 8x-xxx บาทได้อย่างสบายๆ
สำหรับด้านหน่วยประมวลผลภาพหรือการ์ดจออาจจะไม่ถึงกับสูงมากคือ NVIDIA GeForce 9600M GT กราฟิกแรมขนาด 256MB ลองไปดูผลจากการทดสอบ 3DMark06 กันดีกว่า
เมื่อทดสอบจากโปรแกรม 3DMark06 ที่ความละเอียด 1280 x 800 ผลออกมาอยู่ที่ 5833 อาจจะไม่ถึงกับสูงมากนัก แต่เชื่อว่าสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแน่นอน
ไหนๆก็เป็นโน้ตบุ๊กสำหรับเล่นเกมแล้ว ทีมงานไม่รีรอที่จะนำมาใช้งานจริง เปิดใช้งานกับเกมที่พึ่งออกใหม่สดๆร้อนๆอย่าง GTA IV (ผู้เล่นควรใช้วิจารณาณในการเล่นนะครับ) ต้องยอมรับกันละว่า เกมนี้มันใช้สเปกโหดเกินไป ทำให้ปรับความละเอียด 800 x 600 ได้ในขั้นต่ำสุดเท่านั้น เมื่อทดลองเล่นก็ถือว่าอยู่ในระดับพอรับได้
หลังจากนั้นกลับมาทดลองกับเกมกินสเปกยอดนิยมอย่าง Crysis Warhead ในโหมด gamer ความละเอียดที่ 1280 x 800 เฟรมเรทที่ได้อยู่ประมาณ 10 เท่านั้น แต่เมื่อลองลดความละเอียดลงไป 1024 x 768 ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล สบายๆ ดังนั้นการใช้งานเล่นเกม คงยืนยันได้ว่าเล่นได้ทุกเกมในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น Farcry 2, Prince Of Persia และ Mass Effect แต่บางเกมจะไม่สามารถปรับความละเอียดสูงสุดได้เท่านั้นเอง
การใช้งานด้านมัลติมีเดียผ่านพอร์ตอย่าง HDMI ทำได้ดี เพราะปล่อยสัญญาณภาพได้สูงสุดถึง 1080p หรือ Full HD ทำให้สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องเล่นมัลติมีเดียสมบูรณ์แบบได้เลยทีเดียว
ส่วน rate และ basic information จากวินโดวส์ วิสต้า แสดงผลตามรูปด้านบนนี้
มาดูกันที่อัตราการเข้าถึงข้อมูลใน ฮาร์ดดิสก์ขนาด 320 GB rpm 5400 จาก WDC ความเร็วสูงสุดในการอ่านข้อมูลอยู่ที่ 65.3 MB/s ส่วนอัตราการเข้าถึงข้อมูลอยู่ที่ประมาณ 16.9 ms ถือว่าอัตราการเข้าถึงข้อมูลอยู่ในระดับมาตรฐานไม่สูงจนเกินไปสำหรับฮาร์ดดิสก์ขนาดนี้
ด้านการเชื่อมต่อผ่านไวเลสนั้น ใช้การ์ดไวเลสจาก Intel Wireless WiFi Link 5100 ที่รองรับมาตรฐาน 802.11a/b/g/n เมื่อทดสอบการใช้งานโดยการเชื่อมต่อห่างจาก Access Point ประมาณ 10 เมตร พบว่า การจับสัญญาณอยู่ในเกณฑ์ดีเกือบ 100% ตลอดเวลา
Speaker
ซาว์นการ์ดยอดนิยมอย่าง Realtek High Definition Audio ก็ยังได้รับความนิยมในโน้ตบุ๊กรุ่นนี้เช่นกัน เสียงที่ได้จากการต่อออกลำโพงอยู่ในระดับมาตรฐาน เมื่อต่อผ่านพอร์ต HDMI จะเปลี่ยนซาว์นการ์ดไปเป็น NVIDIA HDMI Audio แทน
สำหรับลำโพงภายในตัวเครื่องนี้ ผิดหวังเล็กน้อยในเรื่องความดังของเสียงที่ออกมา แต่ความกว้างของเสียง สเตริโอแยกซ้าย - ขวา ชัดเจนดี ระบบ DOLBY Home Theater ที่มากับเครื่องช่วงสร้างมิติของเสียงให้กว้างขึ้นได้เป็นอย่างดี
Battery and Heat
ในส่วนของแบตเตอรี่มีขนาด 6 เซลล์ 4300mAh ซึ่งในการใช้งานจะมี Eco โหมดในการควบคุมรูปแบบการใช้งาน ทำให้เวลาที่ได้แตกต่างกันไปตามสภาพการใช้งานที่เลือกไว้ ทางทีมงานทดสอบโดยการใช้งานอินเทอร์เน็ต เปิดเพลงฟัง ความสว่างหน้าจอ 50% ความดังเสียง 50% จะใช้งานได้ประมาณ 2 ชั่วโมง
เมื่อทดลองเล่นภาพยนตร์ดีวีดี เปิดความสว่างหน้าจอสูงสุด เสียงดังสุด ใช้งานได้ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง ส่วนเวลาในการชาร์จใช้ประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง สำหรับ 1 - 95%
ด้านความร้อนของตัวเครื่องถ้าใช้งานทั่วไปจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 68 องศาเซลเซียส ความร้อนของซีพียู ประมาณ 61 - 63 องศาเซลเซียส
แต่ถ้าใช้งานในโหมด 'Turbo Drive Engine' ขณะเล่นเกม ความร้อนตัวเครื่องจะขึ้นไปสูงสุดที่ 85 องศาเซลเซียส ความร้อนของซีพียูสูงสุดประมาณ 79 องศาเซลเซียส ส่วนการ์ดจอจะอยู่ที่ 80 องศาเซลเซียส ซึ่งเมื่อความร้อนขึ้นสูง พัดลมจะทำงานเร็วขึ้น ช่วยระบายอากาศได้เป็นอย่างดี ส่วนความร้อนฮาร์ดดิสก์อยู่ที่ 35 - 38 องศาเซลเซียส
สำหรับฟีเจอร์ที่มี และ บทสรุปจะอยู่ในหน้าถัดไปนะครับ
Feature of MSI GX400
ฟีเจอร์เด่นประจำรุ่นนี้คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก 'Turbo Drive Engine' ที่ช่วยโอเวอร์คล็อกความเร็วของซีพียูให้ขึ้นมาทำงานอยู่ที่ 2.6GHz โดยการใช้งานจำเป็นที่จะต้องใช้ขณะที่เสียบสายชาร์จอยู่ เนื่องจากการโอเวอร์คล็อกจะใช้พลังงานสูงขึ้นกว่าเดิม ไม่สามารถใช้ไฟจากแบตเตอรี่โดยตรงได้
ต่อมาคือ 'ECO Engine' ที่จะช่วยควบคุมการใช้งานบนแบตเตอรี่ให้ได้เต็มประสิทธิภาพ รวมไปถึงประหยัดพลังงาน โหมดแรกคือ 'Gaming Mode' การใช้งานในโหมดนี้จะเปิดความสว่างหน้าจอสูงสุด และซีพียูจะทำงานที่ 2.2GHz ตลอดเวลา โหมดต่อมาคือ 'Movie Mode' ในโหมดนี้จะปรับความสว่างหน้าจอลงมาเหลือ 75% โดยซีพียูจะทำงานที่ 2.2GHz เช่นเดียวกัน
โหมดถัดมาคือ 'Office Mode' และ 'Presentation Mode' ใน 2 โหมดนี้จะจำกัดการทำงานของซีพียูไว้ที่ประมาณ 1.5GHz ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานดังกล่าว ส่วนความสว่างหน้าจอจะเป็น 50% และ 25% ตามลำดับ โหมดสุดท้ายคือ 'Turbo Battery Mode' จะเป็นโหมดประหยัดพลังงานสูงสุด คือปรับความสว่างหน้าจอต่ำสุด และกำหนดให้ซีพียูทำงานที่ 1.5GHz เพื่อช่วยยืดระยะเวลาในการใช้แบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น
ฟีเจอร์ที่มีให้ถัดมาคือ ระบบ 'DOLBY Home Theater' ที่จะช่วยเพิ่มมิติของเสียงให้ครอบคลุมเหมือนใช้ลำโพง 7.1 การทำงานในโหมดดังกล่าวจะทำให้เสียงที่ได้จากเครื่องเบาลง แต่มีมิติมากขึ้น เหมาะกับการใช้รับชมภาพยนตร์มากกว่า ใช้งานทั่วๆไป นอกจากนี้สามารถต่อเชื่อมเข้ากับลำโพง 7.1 เพื่อให้ได้เสียงตามจริงอีกด้วย
สุดท้ายคือเมาส์ ในโน้ตบุ๊ก GX ซีรีส์ ทุกรุ่นของทาง MSI จะมีการแถมเมาส์ 'MSI Star Mouse' ให้ โดยรุ่นที่แถมมากับเครื่องรุ่นนี้คือ GS-502 ที่สามารถปรับความละเอียดได้สูงสุดถึง 3,200dpi จากโปรแกรม Gaming Mouse รวมไปถึงการปรับตั้งโหมดการใช้งานของเมาส์และตั้งค่าปุ่มลัดต่างๆได้อีกด้วย
สำหรับตัวเมาส์จะมีเหล็กถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้สูงสุด 40กรัม เพื่อช่วยในการปรับน้ำหนักของเมาส์ให้เข้ากับมือของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังมีปุ่มลัดในการใช้งานอยู่บริเวณนิ้วโป้ง 2 ปุ่ม แล้วตรงกลางจะมีปุ่ม T สำหรับเปลี่ยนความละเอียดของเมาส์ และปุ่ม M สำหรับเปลี่ยนโหมดการใช้งาน
เมื่อกดปุ่ม T จะมีไฟแสดงความละเอียดของเมาส์ เริ่มตั้งแต่ ไม่มีไฟ คือ 400dpi, ไฟสีเขียว คือ 800dpi, ไฟสีน้ำเงิน สำหรับ 1600dpi และท้ายสุด สีแดง สำหรับ 2400dpi ส่วนถ้าต้องการใช้งานที่ 3200dpi ต้องปรับจากโปรแกรม Gaming Mouse ในเครื่องเท่านั้น
บทสรุป
สังเกตได้ว่าโน้ตบุ๊กหลายๆรุ่นของ MSI จะชูจุดเด่นที่สามารถโอเวอร์คล็อกได้ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานได้ในระดับนึง ซึ่งเมื่อนำมาใช้ในโน้ตบุ๊กสำหรับคอเกม จุดเด่นนี้จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้กับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี
สำหรับดีไซน์ อาจจะดูร้อนแรงไปสักนิดกับโน้ตบุ๊กสีแดงทั้งเครื่องแบบนี้ วัสดุที่ใช้แม้จะเป็นพลาสติก แต่การประกอบทำออกมาได้แน่นเรียบร้อยดี ส่วนขนาดและน้ำหนักของตัวเครื่อง ถือได้ว่าปกติสำหรับโน้ตบุ๊กขนาด 14 นิ้ว เครื่องไม่มีน้ำหนักมากเกินไปเหมือนโน้ตุบ๊กสำหรับเกมเมอร์บางยี่ห้อ
ทางด้านประสิทธิภาพ ถ้าราคาที่วางขายไม่เกิน 40,000 บาท อย่างที่ทางตัวแทนจำหน่ายกระซิบบอกมา คิดว่าเป็นโน้ตบุ๊กรุ่นนี้จะเป็นเครื่องที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กแรงๆ ที่ใช้ทำงานและเล่นเกมได้อย่างแน่นอน
ขอชม
- ระบบ 'Turbo Drive Engine' ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่อง
- พอร์ตเชื่อมต่อรุ่นใหม่ๆครบครัน ESATA , HDMI
- ระบบเสียงที่สามารถต่อได้ถึง 7.1 แชนแนล
ขอติ
- บริเวณพัดลมระบายอากาศ จะมีความร้อนสูง
- ตัวเครื่องทำจากพลาสติกเป็นส่วนใหญ่
Company Relate Link :
MSI
eSYS Thailand