xs
xsm
sm
md
lg

Review : Philips GoGear SA5245 เสียงใส-เบสนุ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


***บทสรุป Philips GoGear SA5245

ขอชม : ฟังก์ชันภายในที่บรรจุมาให้นั้นมีให้เลือกใช้อย่างครบถ้วน การใช้งานทำได้ค่อนข้างง่ายโดยแทบจะไม่ต้องพึ่งพาคู่มือก็ว่าได้ รวมถึงมีการรองรับภาษาไทยทำให้เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานเข้าไปอีก คุณภาพเสียงเพลงที่ออกมาให้หูสัมผัสนั้นต้องบอกว่าดีเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีฟูลซาวด์ตัวใหม่ที่ใส่เข้ามานั้นช่วยยกระดับเสียงเพลงให้ชวนน่าฟังทีเดียว

ขอติ : การตอบสนองการใช้งานยังไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร โดยเฉพาะเมื่อเปิดเข้าเมนูอื่นๆ เช่น อัลบั้มภาพขณะเครื่องกำลังเล่นเพลงไปด้วย บางครั้งเกิดอาการกระตุกเล็กน้อย ระบบค้นหาเพลงแบบ 'SuperScroll' ยังทำงานไม่ค่อยคล่องสมชื่อ บางครั้งมีติดขัดให้เห็น ไม่มีลำโพงในตัวทำให้ต้องฟังผ่านหูฟังเพียงอย่างเดียว ส่วนในโหมดอัลบั้มภาพไม่สามารถซูมขยายภาพถ่ายได้ และหากดีไซน์ให้ช่องเสียบหูฟังมาอยู่ทางด้านข้างของตัวเครื่อง จะทำให้สะดวกต้องการพกพาไว้ในกระเป๋ากางเกงมากขึ้น

Design



แรกเห็นตั้งแต่ยังไม่ได้แกะออกมาจากกล่อง(มองผ่านทางด้านหน้า) ถึงกับตกใจ! . . . เว้นหายใจหน่อย :) นึกว่าทางฟิลิปส์ส่งของมาให้ทดสอบผิด เนื่องด้วยรูปร่างหน้าตาไม่ค่อยเหมือนกับเครื่องเล่นเพลง(MP3)เท่าไรนัก แต่หน้าตาดันไปละม้ายคล้ายกับกล้องดิจิตอลคอมแพกซะงั้น ถ้ามีเลนส์ทางด้านหลังหน่อยนี่ต้องร้องเพลงของพี่ไทว่า 'ใช่เลย' รูปลักษณ์ทางด้านหน้าเครื่องเป็นสีดำ วัสดุเป็นพลาสติกลักษณะมันเงา ตัดขอบด้วยอะลูมิเนียมสีเงิน ส่วนทางด้านลักษณะออกมันด้าน ขนาดของเครื่องวัดได้ 106 x 58 x 9.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 95 กรัม หน้าจอแสดงผลแบบLCD ขนาด 2.8 นิ้ว ความละเอียด 320 x 240 พิกเซล ความจุ 4 GB



ด้านหน้า : ฝั่งซ้ายเป็นหน้าจอแสดงผลแบบ LCD ขนาด 2.8 นิ้ว ความละเอียด 320 x 240 พิกเซล ใต้จอแสดงผลมีตัวอักษรสีเงินสะท้อนแสงคำว่า 'PHILIPS' วางพาดอยู่ ฝั่งขวาเป็นปุ่มควบคุมการทำงานต่างๆประกอบด้วย ด้านบนเป็นปุ่ม 'Options' สำหรับเข้าสู่ตัวเลือกต่างๆในแต่ละเมนูการใช้งาน ถัดมาเป็นปุ่มควบคุมการใช้งาน ได้แก่ สัญลักษณ์ลูกศรขึ้น-ลง เป็นการเลือกรายการต่างๆขึ้นลง สัญลักษณ์ลูกศรซ้ายเป็นการข้ามกลับ สัญลักษณ์ลูกศรขวาเป็นการข้ามไปด้านหน้า และปุ่มตรงกลางเป็นตกลง/เล่น/หยุด (กดค้างเปิด-ปิดเครื่อง) ใต้ปุ่มควบคุมการใช้งานเป็นปุ่มย้อนกลับ 1 ระดับ (กดค้างกลับสู่เมนูหลัก)



ด้านหลัง : เมื่อพลิกไปดูทางด้านหลังพบชื่อ 'GoGear' พร้อมขนาดความจุ 4 GB วางอยู่ตรงกึ่งกลางตัวเครื่อง ด้านล่างสุดเป็นรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเครื่อง พร้อมโลโก้ Window Media สกรีนติดมาด้วย ซึ่งพื้นผิวทางด้านนี้เป็นพลาสติกผิวเรียบ





ด้านข้าง : มีเพียงทางด้านขวาอย่างเดียวที่มีรูไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียง และช่องร้อยสายคล้องมือ-คอ



ด้านบน : มีเพียงปุ่มเพิ่ม - ลดระดับเสียงเพลงทำจากอะลูมิเนียมวางอยู่ฝั่งขวาของเครื่อง



ด้านล่าง : ฝั่งซ้ายเป็นรหัสของเครื่อง ฝั่งขวามีปุ่มล็อกเครื่อง หรือที่รู้จักกันนามว่าปุ่ม Hold , รูรีเซ็ตเครื่อง, พอร์ต USB ใช้ทั้งโอนถ่ายข้อมูล และชาร์จแบตเตอรี่ และช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.

*** Review

หลังจากเปิดเครื่องขึ้นมาสิ่งแรกที่จะได้พบนอกเหนือจากโลโก้ และชื่อรุ่นของฟิลิปส์ คือ หมวดหมู่หลักที่เรียงรายลงมาพร้อมให้เลือกใช้งานทุกเวลายามกดเลือกเข้าไป ซึ่งเมนูหลักที่แสดงโชว์ขึ้นมาเรียกร้องความสนใจนั้น ได้แก่ เพลง, วิดีโอ, ภาพ, วิทยุ, บันทึกเสียง, โฟรเดอร์ เป็นการดูไฟล์ในโฟรเดอร์, การตั้งค่า และการเล่นครั้งล่าสุด เป็นการกลับไปที่หน้าจอที่เล่นค้างไว้ เพื่อทำการเล่นต่อ

Music

เริ่มกันที่หมวด "เพลง(Music)" ที่เข้าไปปุ๊บฟังก์ชันต่างๆจะเด้งขึ้นมาให้เลือกใช้จนลายตาปั๊บ ได้แก่ เพลงทั้งหมด, ศิลปิน, อัลบั้มปกภาพ, อัลบั้ม, ประเภท, รายการเพลง ทุกฟังก์ชันเมื่อกดเข้าไปจะพบกับรายชื่อเพลงที่เรียงตามลำดับตัวอักษรเรียบร้อย ไฟล์เพลงที่รองรับ ได้แก่ WMA, MP3, AAC หากต้องการเข้าไปเซ็ตค่าต่างๆสามารถทำได้โดยการกดที่ปุ่ม 'Options' จะมีฟังก์ชันให้ปรับอยู่ 3 หมวดย่อย คือ 1. โหมดการเล่นเพลง ที่มีให้ปรับว่าจะเล่นเพลงแบบเรียงตามลำดับ หรือจะเล่นแบบสุ่มเพลง และการเล่นเพลงซ้ำ ที่มีให้เลือกว่าจะให้เล่นซ้ำเพลงเดิม หรือจะซ้ำทั้งหมดในลักษณะวนเป็นรอบไปเรื่อยๆ

2. การตั้งค่าเสียง มีให้เลือกปรับแบบ "FullSound" ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ที่ทางฟิลิปส์ได้คิดค้นขึ้นมา เพื่อเติมบทเพลงให้มีชีวิตกว่าเดิม(เขาว่าอย่างนั้น) มีการจำกัดระดับของเสียง เพื่อเป็นการล็อกเสียงไม่ให้เปิดดังเกินไปกว่าที่ได้กำหนดเอาไว้ และอีควอไลเซอร์ที่มีให้ปรับทั้งหมด 10 แบบ ได้แก่ Classic, Dance, Electronica, Hip Hop, Jazz, Lounge, Pop, R&B, Rock, Spoken word และยังสามารถกำหนดค่าได้เองด้วย 3. ปรับแต่งเมนูเพลง เป็นการกำหนดว่าจะให้เมนูของเครื่องเล่นเพลงโชว์ฟังก์ชันอะไรบ้าง เช่น ศิลปิน, อัลบั้ม, รายการเพลง เป็นต้น

Video

"เครื่องเล่นวิดีโอ" รองรับไฟล์ 2 ชนิด คือ MPEG4 กับ WMV โดยแสดงผลผ่านหน้าจอด้านหน้าขนาด 2.8 นิ้ว สามารถปรับการตั้งค่าซึ่งมีให้ปรับเล่นอยู่ 3 อย่าง คือ ความสว่าง, ตั้งค่าหน้าจอปัจจุบันเป็นศิลปะวิดีโอ และลบหากไม่พอใจหรือไม่ต้องการคลิปวิดีโอนั้นแล้ว

Photo

"อัลบั้มภาพ" ไว้สำหรับเก็บภาพถ่ายส่วนไฟล์ภาพที่เครื่องรองรับ คือ JPEG ซึ่งรูปภาพสามารถนำมาเล่นสไลด์โชว์ได้ โดยการกด 'Options' เลือก เริ่มสไลด์โชว์ และยังสามารถตั้งค่าสไลด์โชว์ตามแบบฉบับของแต่ละคนได้เช่นกัน โดยเลือกที่ การตั้งค่าสไลด์โชว์ ซึ่งภายในมีให้เลือกปรับ 4 หมวดย่อย ได้แก่ กำหนดเสียงดนตรีขณะทำการสไลด์โชว์, ตั้งเวลาต่อสไลด์ มีให้เลือกตั้งแต่ 2 - 20 วินาที หรือจะกำหนดด้วยตัวเองก็ได้, สามารถเลือกให้เล่นสลับลำดับภาพได้, กำหนดให้เล่นไปเรื่อยๆหรือจะให้เล่นเพียงรอบเดียวก็ได้

Radio

"วิทยุ" ที่ใส่เข้ามาให้นั้นไม่มีลูกเล่นอะไรเด่น ฟังก์ชันการทำงานคล้ายกับวิทยุทั่วไปที่นำไปบรรจุไว้ในเครื่องเล่น MP3 หรือในโทรศัพท์มือถือ ที่โดยพื้นฐานแล้วจะสามารถบันทึกสถานีได้ ซึ่งเครื่องนี้สามารถบันทึกได้ทั้งหมด 20 สถานีด้วยกัน นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกรายการทางวิทยุผ่านไมโครโฟรในตัวแบบโมโน ด้วยการกดบันทึกง่ายๆแค่เลือกการบันทึกเสียง เมื่อบันทึกเสร็จสามารถไปดูไฟล์โดยการกดเลือกที่ไลบรารีสิ่งที่บันทึก ซึ่งไฟล์ที่ได้จะออกในนามสกุล WAV

Settings

การตั้งค่าหลักเป็นการเซ็ตค่าทุกส่วนไล่ตั้งแต่ ฟังก์ชันในเมนูเพลง, วิดีโอ, ภาพ, วิทยุ ซึ่งได้เกริ่นไปแล้วในแต่ละหมวด แต่สิ่งที่สามารถตั้งค่าได้นอกเหนือจากการตั้งค่าตามเมนูต่างๆ มีดังนี้ 1. ตัวตั้งเวลาแสงไฟ ว่จะให้เปิดตลอด หรือจะกำหนดเป็นเวลาซึ่งเครื่องมีมาให้เลือก ได้แก่10, 30, 60 วินาที รูปภาพหน้าจอ, วันและเวลาที่มีให้เซ็ตค่าไว้โชว์บอกเวลาขณะเครื่องสแตนบาย, สกิน มีให้เลือก 3 แบบ คือ มืด, สว่าง และสีแดง, สามารถรีเซ็ตตั้งค่าจากโรงงานได้ และอย่างสุดท้ายข้อมูลที่บอกรายละเอียดข้อมูลต่างๆภายในเครื่อง

หลังทดลองฟังเสียง

จากการทดสอบ ทีมงานได้ลองเล่นเพลงด้วยไฟล์ MP3 ใช้อัตราบิตเรตที่ 320 Kbps และ 128 Kbps พบว่าเมื่อลองเล่นกับไฟล์ที่ใช้บิตเรต 320Kbps รายละเอียดของเพลงที่ออกมานั้นทำออกมาได้ดี ส่วนเมื่อลองกับบิตเรต 128 Kbps นั้นปรากฎว่ารายละเอียดของเพลงถูกลดทอนลงไปบ้าง แต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของหูฟังเป็นสำคัญด้วย ซึ่งหูฟังที่ให้มากับเครื่องนั้นให้เสียงแบบธรรมดา ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบ In-Ear ก็ตาม คือเสียงที่ออกมาเป็นโทนเดียวกันหมด ไม่มีเสียงใดโดดเด่นกว่ากัน แต่เมื่อลองนำหูฟังที่มีคุณภาพมาฟังเสียงทำให้รู้ว่าซอฟต์แวร์ที่ใส่มาให้นั้นทำงานได้ไม่น้อยหน้าเครื่องเล่นเพลงยี่ห้อดังๆทั้งหลาย รวมถึงลองต่อผ่านชุดลำโพงสเตริโอภายนอกเสียงที่ได้ชัดใส และเบสค่อนข้างนุ่ม

สำหรับเทคโนโลยีใหม่อย่าง "FullSound" นั้นสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงได้ดีสมกับที่ได้โปรโมตออกมาทางสปอตวิทยุ ซึ่งหลังจากฟังเสียงเมื่อเปิดฟูลซาวด์พบว่าเจ้าตัวเทคโนโลยีใหม่ทำหน้าที่คล้ายๆกับ "Loundness" ในเครื่องเสียงระดับสเตอริโอ คือ ทำให้เสียงใสชัด-เบสนุ่มขึ้นกว่าเดิม แต่มีข้อแม้ว่าหากเปิดฟีเจอร์ตัวนี้ เครื่องเล่นจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันอีควอไลเซอร์ (EQ)ทั้ง 10 รูปแบบตามที่เครื่องกำหนดมาได้ เรียกได้ว่าเลือกได้ทีละอย่างเท่านั้นห้ามโลภเป็นอันขาด ส่วนการเล่นไฟล์วิดีโอผ่านทางหน้าจอขนาด 2.8 นิ้วนั้น สามารถตอบสนองได้ค่อนข้างดีทีเดียว

คุณสมบัติของ Philips GoGear SA5245

ความจุ : 4 GB
หน้าจอแสดงผล : จอ LCD สี 262K ขนาด 2.8 นิ้ว ความละเอียด 320 x 240 พิกเซล
ภาครับ FM : มี
ช่องสัญญาณ Input / Output : หูฟัง / สาย USB 2.0
กำลังขับสูงสุด : 2 x 3mW ความถี่ 60 - 18,000 Hz
แหล่งพลังงาน : แบตเตอรี่ LI-Polymer 880 MAh แบบชาร์จได้ / ต่อพลังงาน USB ผ่านช่อง USB เข้ากับตัวเครื่องเล่น
วิธีชาร์จ : ผ่านช่องต่อ USB
เวลาในการชาร์จ : เวลาในการชาร์จประมาณ 150 - 180 นาที
ขนาด (กว้าง x สูง x ลึก) : 106 x 58 x 9.9 มิลลิเมตร
น้ำหนัก : ประมาณ 95 กรัม
อุปกรณ์ที่แนบมาด้วย : หูฟัง, สาย USB, คู่มือ, ซีดีรอมซอฟต์แวร์

เวลาการใช้งาน
เล่นเพลง : 30 ชั่วโมง (ใช้จริงได้ประมาณ 15 ชั่วโมง)
เล่นวิดีโอ : ประมาณ 6 ชั่วโมง

ไฟล์ที่รองรับ
รูปแบบไฟล์เพลงที่รองรับ : AMP3 อัตราบิต (8-320 kbps และ VBR อัตราสุ่มตัวอย่าง (16 , 32 , 44.1 , 48 , 11.025 , 22.050 , 24 , 8 kHz) , WMA อัตราบิต (5-320 kbps) อัตราสุ่มตัวอย่าง (8, 11.025, 16, 22.050, 32, 44.1, 48 kHz) และAAC
รูปแบบไฟล์ภาพที่รองรับ : JPEG
รูปแบบไฟล์วิดีโอที่รองรับ : MPEG4 SP สูงถึง 640kbps ในรูปแบบ avi, 320x240, 30fps (รองรับรูปแบบไฟล์อื่นๆ ได้โดยใช้ซอฟต์แวร์แปลงไฟล์ที่ให้มา) และWMV สูงถึง 512kbps, 320x240, 30fps (รองรับรูปแบบไฟล์อื่นๆ ได้โดยใช้ซอฟต์แวร์แปลงไฟล์ที่ให้มา)

สำหรับราคาเปิดตัว Philips GoGear SA5245 อยู่ที่ 5,290 บาท

Company Relate Link :
PHILIPS
อุปกรณ์ที่มาพร้อมภายในกล่อง
ปุ่มควบคุมเครื่องเล่นเพลงทางด้านหน้า
ไล่จากซ้ายปุ่ม Hold , รูรีเซ็ตเครื่อง, พอร์ต USB และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
พอร์ต USB ใช้ทั้งโอนถ่ายข้อมูล และชาร์จแบตเตอรี่
ขณะเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. (ให้มาเป็นแบบ In-Ear)
ปุ่มล็อกเครื่อง (Hold) กันโดนปุ่มแบบไม่ได้ตั้งใจ
ปุ่มเพิ่ม - ลดระดับเสียงทางด้านบน
ช่องร้อยสายคล้องมือ-คอ
รูไมโครโฟนด้านข้างขวา
จุกยางหลายขนาด สำหรับปรับเปลี่ยนให้พอดีกับรูหูแต่ละคน
กำลังโหลดความคิดเห็น