Philips X800 Xenium เป็นพีดีเอโฟนรุ่นใหม่ ที่ทางฟิลิปส์ตั้งใจใช้เป็นใบเบิกทางสำหรับการรีเทิร์นสู่โลกโทรศัพท์มือถือ มีความสามารถรอบตัว ทัชสกรีน, ปากกาสไตลัส, ระบบรู้จำลายมือ (Handwriting Recognition), ออนสกรีนคีย์บอร์ด, โทรเข้าโทรออก, SMS, MMS, E-mail, ถ่ายภาพนิ่ง, ถ่ายวิดีโอ, ดูหนัง, ฟังเพลง, เล่นเน็ต, เล่นเกม และทำงาน แต่ทั้งหมดแค่ระดับเบสิกเท่านั้น
Philips X800 Xenium เป็นพีดีเอโฟน ที่ใช้ระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นโดยฟิลิปส์เอง เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 แต่กว่าจะวางตลาดได้ก็เกือบสัปดาห์สุดท้ายของปี ออกจะช้าไปสักนิดสำหรับการเป็นของขวัญคริสต์มาสหรือปีใหม่ ชูจุดขายในเรื่องทัชสกรีน ถ้าใครคาดหวังว่ามันจะเหมือนกับ Apple iPhone, Samsung F480 หรือ LG KP500 Cookie แล้ว คงต้องเสียใจด้วย เพราะมันไม่มีฟังก์ชันที่ให้ลูบขึ้นลูบลงหรือพลิกซ้ายพลิกขวา ไม่มี Widget มาให้เล่น การควบคุมแทบทุกอย่างต้องพึ่งปากกาสไตลัส แล้วก็ไม่เหมือนกับ Windows Mobile ด้วย ถ้าใครยังจำเครื่อง Palm รุ่นแรกๆได้ นี่แหละใช่เลย
จุดขาย
ทัชสกรีนคือจุดขายของ X800 Xenium แต่เท่าที่ได้ลอง มันไม่ลื่น การใช้งานยังรู้สึกขัดๆ ไม่เหมือนกับระบบทัชสกรีนของพีดีเอโฟนรุ่นใหม่ๆอย่าง Apple iPhone, Samsung F480 และ LG KP500 Cookie หรือแม้แต่ HTC Touch การเลื่อนเมนูขึ้นหรือลงต้องใช้ปากกาสไตลัสจิ้มที่แถบสกอร์ลบาร์ทางด้านข้าง หรือจิ้มค้างไว้ที่ทางด้านล่างของเมนูเหมือน Windows ไม่มีฟังก์ชั่นที่ให้ลูบขึ้นลูบลงเพื่อเลื่อนเมนู ในการเข้าถึงเมนูย่อยหรือเข้าถึงแอปพลิเคชันก็เช่นกันแทนที่จะแตะครั้งเดียวแล้วเข้าถึงเมนูย่อยหรือโปรแกรมที่ต้องการได้เลย ก็ต้องแตะ 2 ครั้งเหมือนดับเบิลคลิก ทำให้การใช้งานลำบากขึ้นพอสมควร
ยังดีที่มีระบบรู้จำลายมือและออนสกรีนคีย์บอร์ดมาช่วยชีวิต ทำให้การเขียนและบันทึกข้อความต่างๆเป็นไปได้อย่างง่ายดาย สะดวก และรวดเร็ว เรื่องการโทรออก การเรียกดูประวัติการโทร การเช็กสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับ ก็ง่ายเหมือนปกติ แต่การค้นหารายชื่อในสมุดโทรศัพท์ ถ้าค้นหาจากชื่อที่รู้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา เพราะมีฟังก์ชัน Search มาให้ใช้ซึ่งก็ใช้ได้สะดวกและรวดเร็วดี แต่ถ้าจะไล่ดูทีละชื่อแล้ว ลำบากมาก เนื่องจากปิด/ซ่อนออนสกรีนคีย์บอร์ดไม่ได้ ทำให้ดูได้ทีละแค่ 2 ชื่อ และการเลื่อนลิสต์รายชื่อขึ้นลงก็ทำได้ลำบาก เช่นเดียวกับการเลื่อนเมนูดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
เรื่องความสามารถในการถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอ กล้องที่ให้มามีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพนิ่งได้ใหญ่สุด 1600 x 1200 พิกเซล มีออปชันให้ปรับแต่งการทำงานได้เยอะเหมือนกัน อาทิ คุณภาพของภาพ, ตั้งเวลาถ่ายภาพ, โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง, ตั้งไวท์บาลานซ์, ถ่ายกลางวันถ่ายกลางคืน, ชดเชยแสง และเอฟเฟกต์ ที่มีให้เลือกเล่นกันมากถึง 12 แบบ มีระบบออโต้โฟกัส ระยะชัดตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป มาโครไม่สามารถ ชัตเตอร์มีดีเลย์พอสมควร วัตถุอยู่นิ่งๆไม่เป็นไร แต่ถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวไม่ได้เลย สปีดชัตเตอร์ก็มีปัญหาเช่นกัน ถ่ายกลางแจ้งโอเค แต่ถ่ายในที่แสงน้อยหรือในห้อง ถ้ามือไม่นิ่งจริงๆ ภาพก็สั่นตลอด หลังจากถ่ายเสร็จ จะดูภาพที่ถ่ายไว้ ไม่สามารถเข้าถึง Picture Viewer ได้โดยตรงจากโหมดถ่ายภาพ ต้องออกมาที่เมนูหลักก่อน แล้วเข้าไปที่ My Pictures อีกที คุณภาพของภาพที่ออกมา แสงโอเวอร์ เหมือนใส่ซอฟต์ฟิลเตอร์ ไม่ว่าจะถ่ายกลางแจ้งหรือในร่มก็ตาม ทุกรูปสีออกโทนฟ้าทั้งหมด
โหมดวิดีโอ ภาพมีขนาดเดียวคือ 352 x 288 พิกเซล บันทึกไฟล์ในสกุล .3gp มีออปชันให้ปรับแต่งคล้ายๆกับการถ่ายภาพนิ่ง เช่น คุณภาพของภาพ, ไวท์บาลานซ์, ถ่ายกลางวันกลางคืน, ชดเชยแสง และเอฟเฟกต์ 12 แบบ นอกจากนี้ยังสามารถจำกัดความยาวและขนาดไฟล์วิดีโอได้ คุณภาพของวิดีโอเหมือนกับภาพนิ่ง แสงโอเวอร์และออกโทนฟ้า
การฟังเพลง รองรับไฟล์ MP3, WMA และ AAC คุณภาพเสียงอยู่ในระดับเบสิก ไม่ว่าจะฟังออกลำโพงในตัวหรือออกหูฟังก็ตาม เสียงกลางโดด แหลมหุบ และเบสหาย เสียงออกก้องๆ และแม้จะแก้ด้วยอีควอไลเซอร์ที่ให้มาแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมากนัก ฟังวิทยุ FM คุณภาพเสียงเช่นเดียวกับการฟังเพลง มีฟังก์ชัน Auto Presets ค้นหาคลื่นและบันทึกลงช่อง Preset โดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถบันทึกได้สูงสุด 9 แชนแนล
การเล่นเน็ต ผ่าน GPRS และ EDGE เท่านั้น ไม่มี Wi-Fi มาให้ใช้ การแสดงผลไม่มีปัญหา แต่เปลืองค่า GPRS น่าดู และ Add Favorites ได้แค่ 6 แอดเดรสเท่านั้น อันนี้ไม่ค่อยเวิร์ก ส่วนการเล่นเกม รองรับจาวาเกมและจาวาแอปพลิเคชัน เพราะฉะนั้นจึงมีเกมให้เล่นมากมาย โหลดได้ตามใจชอบ แถมมีปากกาสไตลัสมาให้ใช้ ดังนั้นการเล่นเกมจึงให้ความสนุกและความเพลิดเพลินในระดับที่มันส์ใช้ได้เลย
และเพราะ Philips X800 Xenium รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ MicroSD ได้สูงสุดถึง 8GB ดังนั้นผู้ใช้จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องพื้นที่จัดเก็บภาพ, วิดีโอ, เพลง, เกม และแอปพลิเคชันแต่อย่างใด
ดีไซน์
Philips X800 Xenium มีดีไซน์อยู่ในระดับที่ดี สวยแบบเรียบๆ แฝงด้วยความหรูหราและดูดี สมกับเป็นโทรศัพท์ยุคใหม่ แถมยังเปลี่ยนฝาหลังได้ง่าย มีให้เลือกใช้มากถึง 9 สี เหมือนได้เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ทุกวัน น่าจะเหมาะกับคนเบื่อง่าย และตรงนี้ก็เป็นอีกจุดขายหนึ่งของ Philips X800 Xenium เช่นกัน
ด้านหน้าเรียบเป็นชิ้นเดียว ดูก็รู้ว่า “ทัชสกรีน” แน่นอน โดดเด่นด้วยจอภาพขนาดใหญ่ 2.8 นิ้ว ความละเอียด 240 x 400 พิกเซล แสดงผลได้ 256K สี ถูกต้องตามมาตรฐานพีดีเอโฟน ใต้จอภาพมีปุ่มน้อยแค่ 2 ปุ่ม คือปุ่มโทรออก และปุ่มวางสาย/เปิดปิดเครื่อง ตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีเงิน ไม่ใช่โลหะแต่อย่างใด ด้านบนเป็นลำโพงหูฟัง ประดับด้วยพลาสติกสีเงินเช่นกัน
ด้านซ้าย มีแค่ปุ่มล็อกโทรศัพท์และทัชสกรีนเท่านั้น ส่วนด้านขวา เป็นที่อยู่ของปุ่มปรับระดับเสียงและปุมชัตเตอร์
ด้านบนมีแค่หูร้อยสายคล้องโทรศัพท์ และด้านล่างของตัวเครื่องมีเฉพาะพอร์ต Mini USB สำหรับเสียบสายชาร์จ, หูฟัง และดาต้าลิงก์
ด้านหลังเป็นที่อยู่ของกล้อง 2 ล้านพิกเซลและช่องลำโพงแฮนด์ฟรี
อ้าวแล้วช่องใส่ MicroSD อยู่ตรงไหน??? อยู่ในช่องใส่แบตฯ ข้างๆที่เสียบซิมการ์ดครับ ดีไซน์ได้แปลกมาก ถอดเข้าถอดออกลำบากน่าดู สำหรับแบตเตอรี่ที่ให้มาเป็นแบบลิเธียมไอออน ขนาด 1,250 mAh เปิดรอรับสายได้นาน 850 ชั่วโมง และสนทนาต่อเนื่องได้นาน 10 ชั่วโมง
สรุป
การกลับมาของฟิลิปส์ครั้งนี้ บอกแบบซื่อๆว่ายังทำการบ้านมาไม่ดีพอ มีทัชสกรีนก็จริง แต่ไม่ ... ??? ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี คือมันไม่เป็นธรรมชาติ และไม่คุ้นเคยไม่อินเทรนด์เอาเสียเลย ตรงนี้น่าจะทำให้ใครหลายๆคนผิดหวัง อินเตอร์เฟสบนหน้าจอขาดสีสันและความน่ารักกุ๊กกิ๊ก เหมือนพีดีเอรุ่นแรกๆมากกว่าจะเป็นรุ่นปัจจุบัน อย่างไรก็ตามฝาหลังที่ถอดเปลี่ยนได้ง่าย และมีสีให้เลือกมากมาย น่าจะโดนใจวัยรุ่นและช่วยกู้สถานการณ์ให้กลับมาดีขึ้นบ้าง แต่พอหันกลับมามองค่าตัว 9,990 บาทแล้ว ราคาระดับนี้มีคู่แข่งไม่ใช่น้อย ชัดๆเลยคือ LG KP500 Cookie อย่างนี้น่าจะสร้างปัญหาให้กับฝ่ายการตลาดมากพอดู
รายละเอียด Philips X800 Xenium
