ดัชนีราคาส่งออก เดือน พ.ย.68 เพิ่มขึ้น 1.1% จากความต้องการสินค้าทองคำ อิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหารคนและสัตว์ ส่วนดัชนีราคานำเข้า เพิ่ม 3.8% จากต้นทุนวัตถุดิบกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสูงขึ้น และการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบเพื่อผลิตส่องออก คาด ธ.ค.68 ยังขยายตัวต่อเนื่อง
นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออก เดือน พ.ย.2568 เท่ากับ 111.8 เพิ่มขึ้น 1.1% ตามความต้องการของตลาดหลักในหลายกลุ่มสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งทองคำ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ส่วนดัชนีราคานำเข้า เท่ากับ 116.8 เพิ่มขึ้น 3.8% ตามต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยี และการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบ เพื่อนำมาใช้ผลิตเพื่อการส่งออก
สำหรับรายละเอียดดัชนีราคาส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของหมวดสินค้าอุตสาหกรรม 2.2% ได้แก่ ทองคำ ตามทิศทางราคาทองคำตลาดโลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสนับสนุนการทำงานของ AI และ Data Center ที่ขยายตัว และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตามทิศทางราคาที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับความต้องการของตลาดที่มีอย่างต่อเนื่องจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นและการขยายตัวของเมือง และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่ม 0.7% ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยง ตามต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้น สำหรับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ราคาขยายตัวตามอุปสงค์ของตลาดต่างประเทศ และกระแสใส่ใจสุขภาพ
ส่วนหมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ลด 9.7% โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกิน และการคาดการณ์ภาวะราคาน้ำมันตลาดทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น และหมวดสินค้าเกษตรกรรม ลด 4.1% ได้แก่ ข้าว ปรับลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากการแข่งขันด้านราคากับประเทศคู่แข่ง และความต้องการชะลอลงในบางประเทศ สำหรับยางพารา และผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ตามปริมาณผลผลิตในหลายประเทศที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น
ทางด้านดัชนีราคานำเข้าที่เพิ่มขึ้น มาจากหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เพิ่ม 7.8% ได้แก่ ทองคำ ตามความต้องการสำรองทองคำของธนาคารกลางหลายแห่ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ตามทิศทางราคาตลาดโลกของโลหะสำคัญเพิ่มขึ้น และอุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ตามความต้องการสินค้าจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเพิ่มขึ้น หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่ม 6.6% ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม และเครื่องประดับอัญมณี ตามความต้องการนำเข้าสินค้าเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ หมวดสินค้าทุน เพิ่ม 4.2% ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การทดสอบ ตามการขยายตัวของภาคการผลิตและการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมทั้งความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์และห้องปฏิบัติการที่ยังอยู่ในระดับสูง และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง เพิ่ม 0.4% ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์ ตามความต้องการนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์เพื่อรองรับการผลิตในประเทศ และส่งออก ขณะที่หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ลด 8.4% โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากแรงกดดันด้านอุปทานที่ยังอยู่ในระดับสูง และความต้องการที่ชะลอลง
นายนันทพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีราคาส่งออกและดัชนีราคานำเข้า เดือน ธ.ค.2568 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง จากคำสั่งซื้อในช่วงปลายปีของบางตลาด และความต้องการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบเพื่อรองรับการผลิตสำหรับส่งออกในตลาดต่างประเทศ โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ดัชนีขยายตัว ได้แก่ ความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรแปรรูป และอาหารในตลาดโลกยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี ยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก ตามการขยายตัวของ AI และ Data Center รวมถึงวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นช่วงขาขึ้น และต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้าหลัก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญบางกลุ่ม ยังเผชิญกับปัญหาอุปทานส่วนเกิน และการแข่งขันทางด้านราคา และการแข็งค่าของเงินบาท


