ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) แล้วจำนวน 244 รายการ ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศ ไม่มีจังหวัดไหนที่ไม่มีสินค้า GI โดยสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ประกอบการชุมชน รวมกว่า 114,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการใช้เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ ความเป็นท้องถิ่น ภูมิปัญญา มาใช้เป็นจุดขาย
ทั้งนี้ แม้ว่าทุกจังหวัดของประเทศไทย จะมีสินค้า GI ครบทุกจังหวัดแล้ว แต่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ ยังมีการเดินหน้าค้นหาสินค้าท้องถิ่น สินค้าชุมชน เพื่อขึ้นทะเบียน GI อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2568 ข้อมูลถึงวันที่ 15 ธ.ค.2568 สามารถผลักดันขึ้นทะเบียน GI ได้จำนวน 23 รายการ สร้างมูลค่าทางการตลาดกว่า 37,000 ล้านบาท
สำหรับสินค้าทั้ง 23 รายการ ได้แก่ ฝรั่งสามพราน ส้มโอขาวน้ำผึ้งเมืองลอง ละมุดสุโขทัย แตงโมเกาะสุกร เตยหอมปทุม กาแฟดอยสวนยาหลวงน่าน มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบ้านแฮดขอนแก่น แป้งสาคูต้นพัทลุง ผ้าฝ้ายเมืองเลย ส้มโชกุนเบตง มังคุดในสายหมอกเบตง กุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์ เหล้าแป้ ข้าวไร่หอมหัวบอนกระบี่ แป้งแห้วนาหนองกุลาพิษณุโลก เนื้อสุรินทร์ เนื้อโคขุุนกำแพงแสน กระจูดพัทลุง ทุเรียนชุมพร กกเหล่าพัฒนา ไก่เบตงยะลา ผ้าทอนาหมื่นศรี และมะยงชิดแม่ย่าสุโขทัย
ปี 2569 ตั้งเป้า 26 รายการ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2569 กรมมีแผนที่จะผลักดันการขึ้นทะเบียน GI ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสินค้าเป้าหมายจำนวน 26 รายการ จาก 23 จังหวัด และสินค้าเหล่านี้จะช่วยสร้างมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 2,600 ล้านบาท
โดยสินค้าเป้าหมายทั้ง 26 รายการ ได้แก่ สับปะรดสวี ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ ชมพู่คลองหาด ส้มโอเวียงแก่น ปลานิลสายน้ำไหลเบตง กุ้งมังกร 7 สีภูเก็ต ครกดินเผาบ้านกลาง ผ้าย้อมครั่งลำปาง ปลากะพงสองน้ำสมุทรปราการ แตงโมหวานยโสธร ปลาสลิดบ้านแพ้ว น้ำช่อดอกมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว น้ำตาลสดเกยชัย ผลิตภัณฑ์คล้าศรีบุญเรือง ส้มซ่าบ้านวังส้มซ่าพิษณุโลก ชารางแดงเกาะเกร็ด กะปิเคยตาดำคลองโคน นมวาริช เนื้อครามสกลนคร มะนาวแป้นดำเนินสะดวก มะม่วงน้ำดอกไม้ราชบุรี มันแกวน้ำก่ำธาตุพนม เห็ดตับเต่าสามเรือน ส้มมะปี๊ดจันทบุรี กระจูดควนเคร็ง และพริกไทยสุไหงอุเป
เดินหน้าคุมเข้มคุณภาพ
นอกเหนือจากการผลักดันการขึ้นทะเบียน GI ใหม่ นางอรมนกล่าวว่า กรมยังมีแผนเดินหน้าควบคุมคุณภาพ และมาตรฐานกระบวนการผลิต เพื่อรักษาคุณภาพและอัตลักษณ์ของสินค้า GI ให้ได้มาตรฐาน โดยมีเป้าหมายที่จะดำเนินการในปี 2569 จำนวน 11 สินค้า ได้แก่ ปลิงทะเลเกาะยาว ผ้ากาบบัวอุบลราชธานี เตยหอมทองปทุม ผ้าฝ้ายเมืองเลย ส้มโชกุนเบตง มังคุดในสายหมอกเบตง กุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์ แป้งแห้วนาหนองกุลาพิษณุโลก เนื้อสุรินทร์ หินอ่อนพลานกระต่าย และข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2568 ที่ผ่านมา กรมได้ลงพื้นที่สวนปานเจริญ ศูนย์ชุมชนบ้านหัวอ่าว อ.สามพราน จ.นครปฐม เพื่อตรวจเยี่ยมแหล่งผลิตและพิสูจน์คุณภาพสินค้าฝรั่งสามพราน ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2568 ซึ่งเป็นการกำกับดูแลการควบคุมคุณภาพ มาตรฐาน ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
นางอรมนกล่าวว่า ฝรั่งสามพรานมีปริมาณผลผลิตกว่า 11,631 กิโลกรัมต่อปี ส่งจำหน่ายในตลาดค้าผลไม้ขนาดใหญ่ ทั้งตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดเมืองทอง ตลาดศรีเมือง รวมทั้งร้านค้าเครือข่าย Lemon Farm และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โดยปัจจุบันฝรั่งสามพรานมีราคาขายปลีกเฉลี่ยอยู่ที่ 50–70 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นประมาณ 1.7–2.3 เท่า จากช่วงก่อนเป็น GI ที่มีราคาอยู่ที่ 30 บาทต่อกิโลกรัม สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 350 ล้านบาทต่อปี
“ที่ผ่านมา สินค้า GI ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว จะมีมูลค่ามากกว่าสินค้าทั่วไปประมาณ 2-5 เท่า เพราะสินค้า GI เป็นสินค้าที่มีความพิเศษ มีชื่อเสียงหรืออัตลักษณ์ของชุมชนที่สัมพันธ์กับลักษณะทางภูมิศาสตร์ ดิน น้ำ อากาศ และภูมิปัญญาท้องถิ่นของพื้นที่ จึงมีความแตกต่างจากสินค้าทั่วไป เมื่อได้ตรา GI แล้ว จะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และนำมาซึ่งรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่น”นางอรมนกล่าว
พัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ
นอกจากนี้ กรมมีแผนยกระดับการควบคุณภาพสินค้า GI ผ่านโครงการ GI SMARTTRACE โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อทราบแหล่งผลิตของสินค้า GI นำมาสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความมั่นใจให้กับสินค้า GI โดยเมื่อปี 2568 กรมได้มีการนำร่องในสินค้ากลุ่มทุเรียน โดยมีทุเรียนนนท์เป็นต้นแบบ และในปี 2569 มีแผนที่จะขยายไปยังกลุ่มมังคุด นำร่องมังคุดเขาคีรีวงศ์ และกลุ่มอาหารแปรรูป อาทิ ปลากุเลาเค็มตากใบ
ขณะเดียวกัน มีแผนตรวจรับรองระบบควบคุมคุณภาพสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยตามมาตรฐานสากล (External Control) เพื่อสนับสนุนให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการสินค้า GI ที่มีศักยภาพในตลาดต่างประเทศ ให้ได้รับการตรวจรับรองระบบควบคุมตรวจสอบตามมาตรฐานสากล โดยใช้หน่วยตรวจรับรอง (Certification body) ที่ได้รับการรับรองระบบงานตามมาตรฐาน ISO/IEC 17065:2012 เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ โดยในปี 2569 กรมสนับสนุนการตรวจรับรองดังกล่าว 8 สินค้า ได้แก่ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ กาแฟดอยช้าง กาแฟดอยตุง ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง ร่มบ่อสร้าง และพริกไทยตรัง
เปิดทางใช้ตรา GI กับสินค้าที่ใช้วัตถุดิบ GI
นางอรมนกล่าวว่า กรมยังมีแผนที่จะออกระเบียบเพื่อเปิดโอกาสให้ใช้โลโก้ GI รูปแบบใหม่ กับสินค้าที่นำสินค้า GI ไปแปรรูปหรือใช้เป็นวัตถุดิบ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ประโยชน์จากสินค้า GI ให้สอดคล้องกับบริบททางการตลาดในปัจจุบัน และยังจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำสินค้า GI ไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่หลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกันยังคงรักษาอัตลักษณ์ แหล่งที่มา และมาตรฐานคุณภาพของสินค้า GI ไว้ได้ผ่านการใช้โลโก้ที่ได้รับการรับรอง
ไม่เพียงแค่นี้ กรมยังมีแผนที่จะร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการสนับสนุนผู้ประกอบการสินค้า GI ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ GI เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านการตลาดและโลจิสติกส์ให้กับผู้ประกอบการ GI ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า GI ได้เพิ่มขึ้น
เดินหน้าช่วยหาตลาดใน-ต่างประเทศ
นางอรมนกล่าว่า สำหรับการช่วยเหลือด้านการตลาดให้กับสินค้า GI ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ กรมมีแผนดำเนินการที่หลากหลายมาก เริ่มจากการขยายช่องทางการตลาดผ่านห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น Gourmet Market , Tops , ตลาดจริงใจ Farmers’ Market เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าหมุนเวียนตามฤดูกาลกว่า 100 สินค้า การจัดกิจกรรม GI Market โดยนำผู้ประกอบการ GI ออกบูธบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งในกรุงเทพ เช่น ศูนย์การค้าเซ็นทรัลสาขาต่าง ๆ และการจัดกิจกรรม GI Roadshow ไปยังหัวเมืองในต่างจังหวัด
การจัด GI Pavilion ในงาน Thaifex–Anuga Asia ซึ่งเป็นการจัดแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จัดขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างหอการค้าแห่งประเทศไทยและบริษัทโคโลญเมสเซ่ ซึ่งกรมจะพาผู้ประกอบการนำสินค้า GI เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าในงานทุกปี เพื่อให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้าชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาชมงาน ได้ทดลองชิมสินค้าและสร้างโอกาสในการเจรจาธุรกิจ สร้างโอกาสในการส่งออกสินค้า GI ไปยังต่างประเทศ
นอกจากนี้ จะร่วมจัดกิจกรรมกับหน่วยงานเอกชน เช่น The Cloud (งาน Thailand Coffee Fest Year End และ Thailand Rice Fest) บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (งานแจ๋วแซ่บเฟ่อร์) TOPs (งานจริงใจ มหานคร) ICON Siam (งาน Iconic Craft Coffee Expo) เป็นต้น รวมไปถึงการขยายช่องทางจัดจำหน่ายออนไลน์ โดยการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายสินค้า GI บนแพลตฟอร์ม Born Thailand Shopee และ Lazada เป็นต้น
ขณะเดียวกัน จะช่วยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้กับสินค้า GI ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด โดยร่วมมือกับนักออกแบบมือรางวัลระดับประเทศ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ ยกระดับ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า GI ปัจจุบันได้ส่งเสริมผู้ประกอบการแล้วจำนวน 99 ราย จำนวน 79 สินค้า จาก 57 จังหวัด และสนับสนุนการผลิตบรรจุภัณฑ์กว่า 330,000 ชิ้น
การผลักดันสินค้า GI ให้เป็นวัตถุดิบในร้านอาหารระดับไฟน์ ไดน์นิ่ง เพื่อยกระดับสินค้า GI จากชุมชนออกสู่สากล เป็นการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสินค้า GI ไทยในวงกว้างให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนสร้างความน่าเชื่อถือและการยอมรับในคุณภาพสินค้า GI ไทย ซึ่งสอดรับนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ของรัฐบาล โดยนำวัตถุดิบสินค้า GI มารังสรรค์เมนูอาหารในร้านอาหารระดับไฟน์ ไดน์นิ่ง
การส่งเสริมแหล่งผลิตสินค้า GI ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อยกระดับแหล่งผลิตสินค้า GI ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับนักท่องเที่ยว และเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการ GI ในแหล่งผลิตสินค้า GI
โปรโมตสินค้า GI ผ่านสื่อต่าง ๆ
นางอรมนกล่าวอีกว่า กรมยังจะประชาสัมพันธ์สินค้า GI ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ การเผยแพร่ GI ไทย ให้เป็นที่รู้จักผ่าน Influencer เช่น รายการเสือร้องไห้ เป็นช่องยูทูปที่ผลิตรายการวาไรตี้โชว์ Top 10 ของโลกออนไลน์ ที่คงความสนุกสนานที่ยาวนานหลายปี ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของเพื่อน และพี่น้อง ประกอบด้วย คุณคัตโตะ คุณโค้ดดี้ คุณเอ็ดดี้ และคุณแน๊ตตี้ รายการเอมิกาเข้าครัว เป็นช่องยูทูปที่ผลิตรายการทำอาหารเชิงสร้างสรรค์ของคู่สามีภรรยา (คุณซี ศิวัฒน์ - คุณเอมี่ เอมิกา) เป็นต้น
การเผยแพร่ GI ไทย ให้เป็นที่รู้จักผ่านรายการช่อง 3 เช่น รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายการผู้หญิงยกกำลังแจ๋ว และรายการแซ่บพาซ่าส์ เป็นต้น และการเผยแพร่ GI ไทย ให้เป็นที่รู้จักผ่านนิตยสาร วารสาร เช่น นิตยสาร Gourmet & Cuisine นิตยสาร Nok Jib Jib (Nok Air) เป็นต้น
มอบของขวัญปีใหม่นึกถึงสินค้า GI
นางอรมนกล่าวว่า กรมได้จัดกิจกรรม “GI ไทย ส่งสุขปีใหม่ สุขใจชุมชน” โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายโมเดิร์นเทรดและร้านค้าปลีก-ค้าส่งชั้นนำ รวม 8 ราย ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด และบริษัท สยามทาคาชิมายะ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมสนับสนุนการจัดจำหน่าย “กระเช้า GI ส่งสุขปีใหม่” ในพื้นที่ศูนย์การค้าและห้างร้านต่าง ๆ โดยทุกหน่วยงานได้ร่วมออกแบบและคัดสรรสินค้า GI จากชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว คุณภาพ และอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับผู้บริโภคและช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ GI ไปในคราวเดียวกัน
สำหรับสินค้า GI ที่นำมาร่วมในแคมเปญนี้ เป็นผลิตผลที่ได้รับการรับรองตามระบบสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพ อัตลักษณ์ และความเชื่อมโยงกับแหล่งผลิตเฉพาะถิ่น อีกทั้งยังสะท้อนภูมิปัญญาและวัฒนธรรมการผลิตของชุมชนนั้น ๆ อาทิ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ (ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร สุรินทร์ และศรีสะเกษ) ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ พริกไทยจันท์ (จันทบุรี) ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน สับปะรดภูแลเชียงราย ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน ชาเชียงราย น้ำหมากเม่าสกลนคร กาแฟเทพเสด็จ (เชียงใหม่) ส้มสายน้ำผึ้งฝาง (เชียงใหม่) มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว (สมุทรสาคร) ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง (นครศรีธรรมราช) สับปะรดบ้านคา (ราชบุรี) สับปะรดภูเก็ต สับปะรดนางแล(เชียงราย) กล้วยหอมทองพบพระ (ตาก) กาแฟดอยตุง (เชียงราย) เป็นต้น
“ในช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2569 ใครที่ยังหาของฝาก ของขวัญไม่ได้ ขอให้นึกถึงสินค้า GI เพราะสินค้าเหล่านี้ เป็นของดีของชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ผลิตจากภูมิปัญญา อัตลักษณ์ท้องถิ่น รับรองว่าเป็นของดี มีคุณภาพ สามารถซื้อมอบให้แก่กันและกันในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้ ซึ่งไม่เพียงส่งความสุขด้วยของดี มีคุณภาพ แต่ยังช่วยให้ผู้ผลิตสินค้า GI มีกำลังใจ มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย”นางอรมนกล่าว


