xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์”ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมแหล่งผลิต “ฝรั่งสามพราน” จ.นครปฐม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมทรัพย์สินทางปัญญาลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแหล่งผลิต “ฝรั่งสามพราน” จ.นครปฐม ติดตามการควบคุมคุณภาพ หลังได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภค เผยมีการคุมเข้ม ทั้งคุณภาพ มาตรฐาน มีการแปรรูปไปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และการผลักดันสวนฝรั่งเป็นศูนย์เรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มรายได้ ยันจะเดินหน้าช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดให้ต่อเนื่อง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2568 ที่ผ่านมา กรมได้นำคณะผู้บริหารและสื่อมวลชน ลงพื้นที่สวนปานเจริญ ศูนย์ชุมชนบ้านหัวอ่าว อ.สามพราน จ.นครปฐม เพื่อตรวจเยี่ยมแหล่งผลิตและพิสูจน์คุณภาพสินค้าฝรั่งสามพราน ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2568 และได้หารือกับเกษตรกร ผู้ประกอบการ หน่วยงานท้องถิ่น ถึงแนวทางยกระดับผลผลิต GI ในปี 2569 ซึ่งกรมให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพ ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม และส่งเสริมช่องทางตลาดใหม่ ๆ

สำหรับฝรั่งสามพราน มี 7 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์กิมจู พันธุ์สุ่ยมี่ พันธุ์แป้นสีทอง พันธุ์สาลี่ทองไร้เมล็ด พันธุ์หงเป่าสือ พันธุ์เฟิ่นหงมี่ และพันธุ์แตงโม ปลูกในพื้นที่ อ.สามพราน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นพื้นที่ลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีที่พัดพาตะกอนดินและธาตุอาหารต่าง ๆ มาทับถมกัน สภาพน้ำที่มีความกร่อยหรือความเค็มที่พอดี ประกอบกับการมีระบบชลประทานที่ดี ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก ฝรั่งสามพรานจึงมีเอกลักษณ์โดดเด่นและเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ด้วยความพิเศษของเนื้อที่กรอบล่อน ไม่ติดเมล็ด เนื้อมีสีขาวหรือสีชมพูขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ รสชาติหวานหรือหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่ฝาด ซึ่งผลผลิตที่ได้จะมีคุณภาพสูงสุดเมื่อปลูกในช่วงฤดูหนาว

โดยฝรั่งสามพรานมีปริมาณผลผลิตกว่า 11,631 กิโลกรัมต่อปี ส่งจำหน่ายในตลาดค้าผลไม้ขนาดใหญ่ ทั้งตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดเมืองทอง ตลาดศรีเมือง รวมทั้งร้านค้าเครือข่าย Lemon Farm และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 350 ล้านบาทต่อปี


นางอรมนกล่าวว่า ภายหลังจากขึ้นทะเบียน GI แล้ว กรมได้ส่งเสริมการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้า GI ฝรั่งสามพรานอย่างต่อเนื่อง โดยมีกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มข้น โดยเมื่อเดือน ต.ค.2568 ที่ผ่านมา กรมได้ออกหนังสืออนุญาตให้ใช้ตรา GI ไทยแก่ผู้ประกอบการฝรั่งสามพรานที่ยื่นขอใช้ตรา GI และผ่านการตรวจสอบคุณภาพการผลิต 36 ราย ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าจะได้รับสินค้าตรงตามมาตรฐาน GI ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรม ตลอดจนส่งเสริมช่องทางการตลาดผ่านห้างสรรพสินค้าชั้นนำและแพลตฟอร์มออนไลน์ ส่งผลให้ปัจจุบันฝรั่งสามพรานมีราคาขายปลีกเฉลี่ยอยู่ที่ 50–70 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นประมาณ 1.7–2.3 เท่า จากช่วงก่อนเป็น GI ที่มีราคาอยู่ที่ 30 บาทต่อกิโลกรัม

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังได้ต่อยอดแปรรูปฝรั่งสามพรานเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าและใช้ประโยชน์จากผลผลิตให้ครบทุกส่วน อาทิ น้ำฝรั่งสกัดเย็น ฝรั่งแผ่นอบกรอบ ชาใบฝรั่ง เป็นต้น ซึ่งล้วนมีรสชาติอร่อยและได้ประโยชน์จากฝรั่งแท้ ๆ รวมทั้งพัฒนาสวนปลูกฝรั่งสามพรานให้เป็นศูนย์เรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมและได้รู้จักฝรั่งสามพรานเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นอกจากฝรั่งสามพรานแล้ว จ.นครปฐมยังมีสินค้า GI อีก 3 รายการ ได้แก่ ส้มโอนครชัยศรี มะพร้าวน้ำหอมสามพราน และเนื้อโคขุนกำแพงแสน ซึ่งล้วนเป็นสินค้าสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดนครปฐม โดยสินค้า GI ทั้ง 4 รายการสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนรวมกว่า 1,040 ล้านบาทต่อปี

ส่วนแนวทางส่งเสริมสินค้า GI ในปี 2569 กรมมุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานสินค้าและสร้างการยอมรับในวงกว้าง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีแนวทางสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ 1.พัฒนาศักยภาพผู้ผลิตสินค้า GI โดยส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการผลิต การควบคุมคุณภาพ และการใช้เครื่องหมาย GI อย่างถูกต้อง ตลอดจนเสริมทักษะด้านการบริหารจัดการ การตลาดออนไลน์ การสร้างแบรนด์ การจัดทำเรื่องราวผลิตภัณฑ์ (Product Story) และการใช้กลยุทธ์ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน 2.เดินหน้าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้า GI ไทย โดยใช้สื่อหลากหลายช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ จุดเด่น และอัตลักษณ์ของสินค้า GI แก่กลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง 3.สนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การแปรรูป และการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยยังคงเอกลักษณ์ของสินค้า GI เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและตอบสนองความต้องการของตลาดสมัยใหม่ 4.ขยายช่องทางการตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยประสานความร่วมมือกับห้างค้าปลีก ตลาดพรีเมียม แพลตฟอร์มออนไลน์ และเครือข่ายพันธมิตรในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและขยายตลาดใหม่ และ 5.บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภายนอกและระดับนานาชาติ เพื่อสร้างการยอมรับและผลักดันสินค้า GI ไทยเข้าสู่ตลาดสากลอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างรายได้กลับสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน

สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) คือสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง มีความเชื่อมโยงกับภูมิศาสตร์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งผลให้สินค้ามีอัตลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาสินค้า GI เพราะถือได้ว่าเป็นผลผลิตที่มีอัตลักษณ์ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าชุมชน และสร้างรายได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและผู้ประกอบการในท้องถิ่น โดยแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบาย Quick Big Win ของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น และผลักดันให้ภาคธุรกิจไทยนำระบบ GI มาใช้เป็นแต้มต่อในการเพิ่มมูลค่าสินค้า พร้อมขยายโอกาสสู่ตลาดสากล ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่นำไปสู่ทางรอดของผู้ประกอบการไทยและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตได้อย่างมั่นคงในยุคปัจจุบัน






กำลังโหลดความคิดเห็น