PRISM Expert กลุ่ม ปตท. คาดการณ์ราคาน้ำมันดูไบปี69ทรงตัวอยู่ที่เฉลี่ย 60-70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า งานสัมมนา 2025 The Annual Petroleum Outlook Forum จัดขึ้นโดยความร่วมมือของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และกลุ่ม ปตท. ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 14 เพื่อนำเสนอบทวิเคราะห์และแนวโน้มทิศทางราคาน้ำมัน โดยทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน กลุ่ม ปตท. หรือ “PRISM Experts” นับเป็นความร่วมมือที่ช่วยให้เกิดการแบ่งปันข้อมูล แลกเปลี่ยนมุมมองจากภาครัฐ และเอกชน โดยสถานการณ์พลังงานของโลกในปัจจุบัน กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนในหลายปัจจัย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม ถือเป็นความท้าทายของทุกภาคส่วนในการปรับตัวเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาด จึงเป็นที่มาของแนวคิดการจัดงานในปีนี้ คือ “Shaping the Future in an Uncertainty World through Sustainable Pathway: ร่วมกำหนดทิศทาง ข้ามผ่านยุคท้าทาย ด้วยพลังงานที่ยั่งยืน”
นายภัสสร์ ข้อมงคลอุดม PRISM Expert จากบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวสัมมนางาน 2025 The Annual Petroleum Outlook Forum ในหัวข้อ “Oil Demand and Supply 2026 : The Shift of World’s Order ว่า มาตรการภาษีศุลกากร(tariffs) ของสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2569 มากขึ้น โดย IMF คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโตลดลงเหลือ 3.1% โดยประเทศสหรัฐฯ จีน และอินเดีย คาดว่าจะมีการบริโภคน้ำมันชะลอตัวลง ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน อย่างOPEC+ เพิ่มการผลิตน้ำมันต่อเนื่องในปี2568 และในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนยที่ผ่านมา OPEC+ ประกาศหยุดพักการขึ้นกำลังการผลิตในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวหรือไม่
ส่วนกลุ่มNon-OPEC+ มีแนวโน้มเพิ่มผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น อาทิ แคนาดา คาดการณ์ว่าในปีหน้า จะมีน้ำมันดิบออกสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น 80,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ประเทศกายอานา คาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 150,000 บาร์เรลต่อวัน บราซิลจะเพิ่มกำลังการผลิต 300,000 บาร์เรลต่อวัน และอาร์เจนติน่า คาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 50,000 บาร์เรลต่อวัน ส่งผลซัพพลายน้ำมันโลกล้นตลาด ขณะที่ดีมานด์ชะลอตัว แต่อินเดีย จีนและเอเชียเศรษฐกิจขยายตัวทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น คาดปริมาณการผลิตน้ำมันโลกในปี2569 เพิ่มขึ้น 0.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
จากระดับราคาน้ำมันต่ำเช่นนี้ ประเทศไทยในฐานะที่นำเข้าน้ำมันดิบสุทธิจะได้รับประโยชน์ช่วยลดการขาดดุลการค้า และควรใช้โอกาสนี้ในการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากการเดินทางมีราคาถูกลง ลดการสนับสนุนราคาพลังงาน รวมถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่พลังงานที่สะอาดมากขึ้น ส่วนโรงกลั่นน้ำมันของไทย ควรใช้โอกาสนี้ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อให้มีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น
นายภานุเดช แสนทวีสุข PRISM Expert จากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ Future Energy: Accelerating Transition, Balancing Tomorrow ว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศทำให้โลกมุ่งไปสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ลดคาร์บอนเข้ามาใช้ และมุ่งไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน ลดการใช้พลังงานฟอสซิลลง โดยน้ำมันยังมีความต้องการใช้ในระยะสั้นและระยะกลางจะไปถึงจุดพีคในถึงปีค.ศ. 2032 แต่ก๊าซธรรมชาติจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน แต่เนื่องจากก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สะอาดแต่ก็มีการปล่อยคาร์บอนอยู่ ดังนั้นเทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS )จะมาช่วยในการลดคาร์บอน รวมทั้งการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมมากขึ้น รวมถึงพลังงานไฮโดรเจน และ SMR
สำหรับการสร้างความสมดุลพลังงานของประเทศไทย ในอดีตคือการรักษาความมั่นคงพลังงานของประเทศ แต่วันนี้โลกเปลี่ยนไปมีการมุ่งสู่อนาคตใช้พลังงานที่สะอาดขึ้น โดยเฉพาะประเทศต่างๆทั่วโลกที่มีนโยบาย net zero ประเทศไทยประกาศเร็วขึ้น 15 ปีมาอยู่ที่ปีค.ศ.2050 ดังนั้นภารกิจของไทยหลังจากนี้ ยังคงไว้ซึ่งความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ขณะเดียวกันเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดขึ้น โดยเทคโนโลยี CCS จะมีบทบาทสำคัฯทำให้ไทยบรรลุเป้าหมายnet zero ขณะที่น้ำมันยังมีความต้องการใช้อยู่ ส่วนถ่านหินจะค่อยๆลดบทบาทลงเรื่อยๆ
ภายในงานนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน)ร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Shifting Tides: Navigating Economic Trends in Global, Asia and Thailand” และมีเวทีเสวนา “Future Energy of Thailand: Shaping the New Landscape in an Uncertainty World”โดยมีดนายพิรุณ สัยยะสิทธ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นายรัฐกร กัมปนาทแสนยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ความยั่งยืนองค์กร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)นายรวี บุญสินสุขประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดีด้านความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของสังคมคณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและผู้อำนวยการสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน (CBiS) ผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรมพลังงานทุกรูปแบบที่ผนึกกำลังร่วมกันแบ่งปันองค์ความรู้และมุมมองในการขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานสะอาดของประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน


