ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ต.ค.68 ปรับเข้าสู่ระดับเชื่อมั่นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน หลังรัฐประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คนละครึ่ง พลัส เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี และส่งออกยังเติบโตได้ดี แต่คงยังกังวลเศรษฐกิจโตช้า ภาระหนี้สิน ค่าใช้จ่ายสูง สินค้าเกษตรผันผวน เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือน ต.ค.2568 ที่สำรวจจากความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 6,437 ราย ครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ อยู่ที่ระดับ 50.9 จากระดับ 49.4 ในเดือน ก.ย.2568 เป็นการปรับตัวเข้าสู่ระดับความเชื่อมั่นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงเดือนที่ผ่านมา จากการประกาศใช้มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง พลัส การเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปี และการส่งออกยังเติบโตได้ดี
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) อยู่ที่ระดับ 57.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 56.0 ซึ่งอยู่ในช่วงเชื่อมั่น เป็นผลจากความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวฟื้นตัว และการส่งออกเพิ่ม ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน อยู่ที่ระดับ 40.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 39.6 อยู่ในช่วงไม่เชื่อมั่น เพราะแม้จะได้ผลดีจากมาตรการรัฐ แต่ประชาชนยังมีความกังวลเศรษฐกิจที่โตช้า ภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายสูง สินค้าเกษตรเผชิญการแข่งขันสูง การค้าระหว่างประเทศยังตึงเครียด การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ที่กระทบต่อการจ้างงานและการส่งออก
ทั้งนี้ ผลสำรวจปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ด้านเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 49.51 รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ ร้อยละ 16.03 สังคม ความมั่นคง ร้อยละ 8.17 เศรษฐกิจโลก ร้อยละ 8.08 ราคาสินค้าเกษตร ร้อยละ 7.58 การเมือง ร้อยละ 6.54 ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 1.93 ภัยพิบัติ โรคระบาด ร้อยละ 1.40 และอื่น ๆ ร้อยละ 0.76 ตามลำดับ
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภูมิภาค จำนวน 5 ภูมิภาค พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 3 ภาค ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 56.0 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 52.9 และภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 51.1 ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 48.6 ซึ่งแม้อยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย และภาคกลางคงที่อยู่ที่ระดับ 48.8
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายอาชีพ จำนวน 7 อาชีพ พบว่า ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มอาชีพ โดยมี 4 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น ได้แก่ พนักงานของรัฐ อยู่ที่ระดับ 55.1 นักศึกษา อยู่ที่ระดับ 53.1 ผู้ประกอบการ อยู่ที่ระดับ 53.0 และพนักงานเอกชน อยู่ที่ระดับ 50.0 ในขณะที่มี 3 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยไม่ได้ทำงาน บำนาญ อยู่ที่ระดับ 49.8 เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 49.4 และ อาชีพรับจ้างอิสระ อยู่ที่ระดับ 49.2 สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 46.9 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าแต่ยังอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ยังคงเดินหน้ามาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน อาทิ มาตรการธงฟ้าราคาประหยัดเพื่อการบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย การเตรียมความพร้อมสำหรับภาคธุรกิจ MSME เพื่อเปิดโอกาสและศักยภาพใหม่ในการพัฒนาธุรกิจ การเสริมสร้างข้อมูลสำหรับผู้ประกอบการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงกลยุทธ์และเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวและเทศกาลช่วงปลายปี อาทิ การควบคุมราคาสินค้าในช่วงเทศกาล และส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ชุมชนในช่วงเวลาสำคัญ ซึ่งจะช่วยลดความกังวลของประชาชนและส่งเสริมบรรยากาศเชิงบวกที่เอื้อต่อการใช้จ่ายและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม


